“บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ ยืนยันไม่รับตำแหน่งประธานโอลิมปิคไทยคนใหม่ ระบุมีภาระกิจงานด้านกีฬามากมายอยู่แล้ว พร้อมติง กกท. ต้องปรับการทำงานรับมือพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 ให้ทัน ชี้หากปล่อยไว้อาจเกิดปัญหาความขัดแย้งลุกลามมากขึ้น
ตามที่ "บิ๊กอ๊อด" พล.อ.ยุทธศักดิ์ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯออกมายืนยันชัดเจนว่าในการประชุมสมัชชาใหญ่ช่วงต้นปี พ.ศ.2560 ซึ่งจะมีวาระสำคัญคือเลือกตั้งประธานโอลิมปิคไทยคนใหม่จะไม่ขอรับตำแหน่งดังกล่าวต่อไปโดยเวลานี้ได้เริ่มทาบทามผู้เหมาะสมเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าวต่อไปแล้วคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน6เดือนนับจากนี้จะเปิดเผยชื่อได้นั้น
ด้าน "บิ๊กจา" พล.ต.จารึกอารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคฯ เปิดเผยว่า ตนไม่ขอรับตำแหน่งดังกล่าวเนื่องจากยังมีภารกิจงานกีฬาที่ต้องทำอีกมากรวมไปถึงยังทำหน้าที่ในระดับนานาชาติอยู่อีก 3 ปีทั้งสมาคมสหพันธ์โอลิมปิกแห่งชาติ (แอนน็อก) รวมถึงการทำหน้าที่รองประธานสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) ด้วย ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าพล.อ.ยุทธศักดิ์เดินหน้าทาบทามบุคคลที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งประมุขบ้านอัมพวันคนใหม่นั้นตนไม่ทราบเรื่องดังกล่าวเพราะตอนนี้แทบจะไม่ได้หารือหรือเจอกับพล.อ.ยุทธศักดิ์เนื่องจากต่างคนก็มีภารกิจมากมายโดยตนเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ส่วน พล.อ.ยุทธศักดิ์เป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
นอกจากนี้ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ยังกล่าวต่อว่า ปัญหายุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งนายกสมาคมหลายๆชนิดกีฬาจนนำไปสู่การขัดแย้งและชิงตำแหน่งกันอย่างรุนแรงรวมไปถึงนำไปสู่การฟ้องศาลอยู่มากหลายคดีในเวลานี้ต้องยอมรับว่าเกิดจากการพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 ซึ่งหลายสมาคมกีฬาปรับตัวไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงจากฉบับปี พ.ศ.2528 เป็นฉบับปี พ.ศ.2558 ที่สำคัญหน่วยงานที่บังคับใช้พรบ.กกท. พ.ศ.2558 อย่างการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จำเป็นต้องปรับการทำงานให้ทันต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและบังคับใช้อย่างเด็ดขาดซึ่งการประชุมใหญ่ทุกสมาคมกีฬามีผู้แทนกกท.เข้าร่วมอยู่แล้วดังนั้น ผู้แทน กกท.ต้องตรวจคุณสมบัติสโมสรสมาชิกให้มีสิทธิอย่างสมบูรณ์ก่อนเริ่มประชุมสโมสรใดขาดคุณสมบัติต้องไม่ปล่อยให้เข้าไปใช้สิทธิเลือกตั้ง“