“โปรเพชร-พชร” จากสงขลาถึงดิโอเพน

ผู้จัดการรายวัน 360 - ศึก “ไทยแลนด์ กอล์ฟ แชมเปียนชิป” ณ สนาม อมตะสปริง คันทรี คลับ ปิดฉากไปเมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา แม้ว่าโปรไทยยังไม่สามารถปลดล็อกรักษาถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไว้ที่บ้านเกิดเป็นปีแรก แต่ก็มีเรื่องหน้ายินดีกับการที่ พชร คงวัดใหม่ คว้าตั๋วเมเจอร์ “ดิ โอเพน”

ผลงานของ พชร ตลอด 4 วันทำสกอร์รวม 13 อันเดอร์พาร์จบที่ 6 ตามหลังแชมป์ 8 สโตรกพร้อมรับเงินรางวัล 33,300 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.1 ล้านบาท) แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือติด 1 ใน 4 ได้สิทธิ์เล่นศึกระดับเมเจอร์ “ดิ โอเพน” ที่สนาม รอยัล ทรูน กอล์ฟ คลับ สกอตแลนด์ เดือนกรกฎาคมปี 2016 ร่วมกับ เจมี โดนัลด์สัน (เวลส์) แชมป์ 21 อันเดอร์พาร์, ลี เวสต์วูด (อังกฤษ) กับ เกลมองต์ ซอร์เดต์ (ฝรั่งเศส) ที่ 2 ร่วมสกอร์ 18 อันเดอร์พาร์

อันดับของ พชร ดีกว่า 2 ก้านเหล็กระดับโลกดีกรี 2 แชมป์เมเจอร์อย่าง มาร์ติน คายเมอร์ จากเยอรมนี 12 อันเดอร์พาร์กับ บับบา วัตสัน จากสหรัฐอเมริกา 8 อันเดอร์พาร์ ซึ่งเด็กหนุ่มวัย 16 ปีจากจังหวัดสงขลาเริ่มบทสนทนาด้วยประโยคที่ว่า “ตอนนี้ผมอิ่มเอมกับการที่ได้ไปลุยศึก ดิ โอเพน ในปีหน้า”

ถือว่าผลงานที่เกิดขึ้นนั้นเป็นโบนัส เพราะ พชร ได้ลงเล่น “ไทยแลนด์ กอล์ฟ แชมเปียนชิป” หลังผ่านรอบคัดเลือกที่ขับเคี่ยวกับบรรดาก้านเหล็กเจ้าถิ่นด้วยกัน ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าตอนนี้ก็ยังประหลาดใจไม่หายกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ถือว่าเหลือเชื่อมาก เพราะผมมาจากรอบควอลิฟายเมื่อวันจันทร์และได้โอกาสเล่นกับซูเปอร์สตาร์ตลอดทั้งสัปดาห์ ดังนั้นการจบด้วยผลแบบนี้ถือว่าประหลาดใจมาก”

ส่วนปัจจัยที่ทำให้ พชร ได้รับตั๋วศึกเมเจอร์คงเป็นเพราะการลงเล่นแบบไม่ได้ตั้งธงอะไรและไร้แรงกดดัน “ผมเล่นโดยปราศจากความคาดหวัง ดังนั้นจึงเดาว่าเป็นปัจจัยนำไปสู่ผลงานที่ยอดเยี่ยมในวันนี้”

สำหรับชื่อของ พชร นั้นไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับในประเทศไทย เพราะเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2013 เคยได้แชมป์ อาเซียน พีจีเอ ทัวร์ “สิงห์ หัวหิน โอเพน” ที่บ้านเกิดมาแล้ว แถมเป็นสถิติใหม่ในฐานะผู้เล่นชายอายุน้อยสุดในโลกที่ได้แชมป์อาชีพตอนนั้นแค่ 14 ปี 2 เดือน ถือว่าอ่อนกว่า 7 เดือนตอนที่ ลิเดีย โค มือ 1 ของโลกฝ่ายหญิงคนปัจจุบันจากนิว ซีแลนด์ ได้แชมป์ “นิว เซาธ์ เวลส์ โอเพน” เมื่อปี 2012 โดยหนนั้นยังเป็นมือสมัครเล่น

หลังได้แชมป์ที่หัวหินพอมาถึงเดือนตุลาคมปี 2013 พชร ก็ประกาศเทิร์นโปรลุยศึก สิงห์ออลไทยแลนด์ทัวร์ รายการ “สิงห์ คลาสสิค” ที่สนามรอยัล ฮิลส์ กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ สปา จ.นครนายก ตามด้วยเดือนพฤศจิกายนได้แชมป์อาชีพในฐานะโปรครั้งแรกคือศึก “โตโยต้า พีจีเอ ไทยแลนด์ ชาลเลนจ์” จากนั้นเดือนธันวาคมก็ได้แชมป์ปิดท้ายฤดูกาลคือ “โตโยต้า คลาสสิค” แถมปี 2015 เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาในศึก เอเชียน ทัวร์ รายการ “เมอร์คิวรีส์ ไต้หวัน มาสเตอร์ส” เคยทำผลงานเด่นขึ้นไปจี้ผู้นำมาแล้วด้วย

เงินรางวัลสะสมในตาราง “ออร์เดอร์ ออฟ เมอริต” ฤดูกาลนี้ พชร ทำไปแล้ว 60,688 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.1 ล้านบาท) รั้งอันดับ 65 โดยต้องติดท็อป 63 ให้ได้เพื่อต่ออายุการ์ด เอเชียน ทัวร์ ปี 2016 ซึ่งจากนี้เหลือทัวร์นาเมนต์เดียวคือ “ฟิลิปปินส์ โอเพน พรีเซนเต็ด บาย ไอซีทีเอสไอ” ระหว่างวันที่ 17-20 ธันวาคมนี้ชิงเงินรางวัลรวม 300,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 10.5 ล้านบาท)

ซึ่ง พชร กล่าวถึงงานของตนเองหลังจากจบ 4 รอบที่สนาม อมตะสปริง คันทรี คลับ ทิ้งท้ายว่า “ฤดูกาลนี้ยังไม่จบ หวังว่าผลการแข่งขันนี้จะช่วยผลักดันให้ผมคว้าการ์ด เอเชียน ทัวร์ ในสัปดาห์หน้า” แน่นอนว่าจากนี้ชื่อ “โปรเพชร” จะได้รับการจับตามองในช่วงปิดฤดูกาลนี้ถึงการเตรียมตัวต่างๆ เพื่อไปแข่งเมเจอร์ครั้งแรกในชีวิต