“ยังมีอะไรอีกมากมายที่เราต้องยกระดับขึ้น อาจฟังดูน่าเบื่อและได้ยินบ่อยแล้ว แต่คือความจริง” เป็นประโยคที่ หลุยส์ เอ็นริเก นายใหญ่ บาร์เซโลนา ให้สัมภาษณ์หลังเกม ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก นัด 5 กลุ่ม อี เปิดรัง คัมป์ นู ยำใหญ่ โรมา 6-1 เมื่อวันอังคารที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ดูเหมือนจะจริงที่ รูดี การ์เซีย กุนซือ โรมา บอกว่า บาร์เซโลนา คือสโมสรที่ไม่มีใครหยุดได้ เพราะก่อนหน้านี้ 3 วันเพิ่งทำศึก ลา ลีกา สเปน “เอล กลาซิโก” บุกถล่ม เรอัล มาดริด 4-0
แต่ถ้าจะมองหาสักทีมมาต่อกรกับ บาร์เซโลนา เชื่อว่า หลายคนคงนึกถึงชื่อของ บาเยิร์น มิวนิก ที่คุมทัพโดย เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือที่เคยนำ บาร์ซา กวาดทุกแชมป์ระหว่างปี 2008-12 โดยศึก แชมเปียนส์ ลีก วันเดียวกันกลุ่ม เอฟ “เสือใต้” เปิดรัง อัลลิอันซ์ อารีนา ยำใหญ่ โอลิมเปียกอส 4-0
บรรดา 5 แนวรุกของ บาเยิร์น เกมดังกล่าว ประกอบไปด้วย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี, คิงส์ลีย์ โคมอง, โทมัส มุลเลอร์, ดักลาส คอสตา และ อาร์เยน ร็อบเบน ซึ่งก็ถือว่าพระกาฬไม่น้อย
ดักลาส แนวรุกบราซิเลียนเด่นไม่น้อยในการทะลุทะลวงริมเส้น โดยมีส่วนร่วมกับ 19 ประตูจาก 20 เกมหลังสุดของ บาเยิร์น ขณะที่ บาร์เซโลนา ก็มี หลุยส์ ซัวเรซ หอกทีมชาติอุรุกวัยที่ซัด 17 ประตู จาก 17 นัดหลังสุด
การหยุดไม่ให้ บาร์เซโลนา เก็บบอลถือเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เกมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาประตูที่ 2 ต่อบอลกัน 28 ครั้งโดยทุกคนมีส่วนร่วมกับลูกนี้ ที่ผ่านมามีสะดุดก็แค่ใน แชมเปียนส์ ลีก บุกเสมอ โรมา 1-1 ตามด้วย ลา ลีกา สเปน ไปเยือนโดน เซลตา บีโก ยำใหญ่ 1-4 แถมช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาขาด ลิโอเนล เมสซี แนวรุกอาร์เจนไตน์ที่เจ็บเข่าเพิ่งจะคืนสนามหมาด ๆ
ไม่แค่นั้นเปิดศักราชปี 2016 บาร์เซโลนา จะพ้นแบนห้ามซื้อ - ขายนักเตะ ทำให้แข้งที่คว้ามาก่อนหน้านี้อย่าง อเล็กซ์ วิดัล แบ็กขวาที่ว่ากันว่าะมาแทน ดานี อัลเวส รวมถึง อาร์ดา ตูราน แนวรุกเลือดเติร์ก จะลงสนามได้มาเป็นอีกออปชัน ส่วน บาเยิร์น ก็ไม่ธรรมดาจะได้ มาริโอ เกิตเซ กับ ฟรองค์ ริเบรี 2 ตัวปั้นเกมหายเจ็บกลับมาด้วย เรียกได้ว่าพอฟัดพอเหวี่ยงทั้ง 2 ทีม
จากนี้ บาร์ซา ต้องไปทำศึก ฟีฟา คลับ เวิลด์ คัพ ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยจะไปยืนรอเตะรอบรองชนะเลิศวันที่ 17 ธันวาคมนี้ ซึ่งเหมือนเป็นการเข้าพิต-สตอปของ เอฟวัน ก็ว่าได้ปล่อยให้ทีมอื่นล่วงหน้าไปก่อน ส่วน บาเยิร์น นั้นจะได้พักเบรกหนีหนาวของเวที บุนเดสลีกา เยอรมัน ที่นานกว่าทุกลีกชั้นนำของยุโรป
ปีที่แล้วทั้งคู่เจอกันรอบรองชนะเลิศก่อนที่ บาร์เซโลนา ชนะด้วยสกอร์รวม 2 นัด 5-3 แน่นอนว่าปีนี้ กวาร์ดิโอลา พา บาเยิร์น กลับมาอีกครั้งเพื่อแก้แค้นรวมถึงเป้าหมายเดียว คือ แชมป์ยุโรป โดยด่าน 16 ทีมสุดท้ายทั้งคู่ยังไม่เจอกัน ซึ่งแฟน ๆ หวังว่าจะเป็นวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ ณ ซาน ซิโร สเตเดียม ประเทศอิตาลี เพื่อให้เป็นนัดชิงในฝันและตัดสินว่าใครดีที่สุด พ.ศ. นี้
รวมสถิติสุดโหดของทั้ง 2 ทีม
บาร์เซโลนา
- 3 ฤดูกาลติดต่อกันแล้วที่ บาร์เซโลนา เก็บ 30 แต้มหรือมากกว่าเมื่อผ่านพ้นไป 12 นัดในศึก ลา ลีกา
- บาร์เซโลนา ชนะ 14 จาก 16 นัดหลังสุดในศึก แชมเปียนส์ ลีก ที่เหลือคือเสมอ 1 แพ้ 1 นัด
- บาร์เซโลนา ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ แชมเปียนส์ ลีก ตลอด 12 ฤดูกาลหลังสุด
- สกอร์ที่ บาร์เซโลนา ชนะ โรมา 6-1 ถือว่ามากสุดในการเจอกันของทีมสเปนกับอิตาลีในถ้วยยุโรป
- เนย์มาร์ มีส่วนร่วมกับ 16 ประตูในศึก ลา ลีกา ฤดูกาลนี้ คือ ยิง 12 ประตูกับ 4 แอสซิสต์สมากกว่าทุกคน ตามด้วย หลุยส์ ซัวเรซ มีส่วนร่วม 14 ประตู คือ ยิง 11 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ส
บาเยิร์น มิวนิก
- บาเยิร์น คือทีมแรกที่ออกสตาร์ทชนะ 10 นัดในปีนี้ เกือบเท่าสถิติท็อปลีกของยุโรปคือ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ทำไว้ 11 นัดฤดูกาล 1960-61
- 7 นัดหลังสุดที่เล่นในบ้านรวมทุกรายการ บาเยิร์น ยิงอย่างน้อยนัดละ 4 ประตูเท่ากับที่ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค ทำไว้ฤดูกาล 1972-73
- 37 แต้มจาก 13 นัดที่ บาเยิร์น เก็บได้ใน บุนเดสลีกา ปีนี้ถือว่ามากที่สุดเป็นสถิติใหม่
- เกมที่ 10 บาเยิร์น ชนะ โคโลญจน์ 4-0 ทำให้ "เสือใต้" กลายเป็นทีมแรกที่ชนะ 1,000 เกมใน บุนเดสลีกา
- บาเยิร์น ยิงเฉลี่ย 3.08 ประตูต่อเกมในศึก บุนเดสลีกา ปีนี้ถือว่าดีที่สุดในบรรดาท็อป 5 ลีกชั้นนำของยุโรป
- บาเยิร์น เสียประตูเฉลี่ยต่ำที่สุดในบรรดาท็อป 5 ลีกชั้นนำของยุโรปคือ 0.38 ประตูต่อเกม (เสีย 5 ประตูจาก 13 นัด)
*สถิติดังกล่าวของทั้งสองทีมนับเมื่อสิ้นสุดศึก แชมเปียนส์ ลีก นัดที่ 5 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา*