xs
xsm
sm
md
lg

“พรีเมียร์ฯ” ช็อปสถิติใหม่ ปฏิทินเดียวพันล้านปอนด์!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เดอ บรุยน์ ค่าตัวสูงสุดซัมเมอร์นี้ 55 ล้านปอนด์
ตลาดซื้อ - ขายนักเตะซัมเมอร์ปี 2015 ปิดทำการแล้วเมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา ตำแหน่งแชมป์นักช็อปตกเป็นของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี พร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งให้เวที พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ สร้างสถิติใหม่ภายในปฏิทินเดียวใช้เงินรวมกันแตะหลัก 1 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 55,000 ล้านบาท)

“ดีลอยต์” (Deloitte) บริษัทการเงินชั้นนำของประเทศสหรัฐอเมริกา สรุปยอดเสริมทัพของ 20 ทีมแห่งศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ รวมกันอยู่ที่ 870 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,785 ล้านบาท) สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ใช้รวมกันไป 835 ล้านปอนด์ (ประมาณ 45,925 ล้านบาท)

ซึ่งเมื่อเอาตัวเลขของตลาดเปิดปีใหม่เดือนมกราคมปี 2015 ที่ใช้ไป 130 ล้านปอนด์ (ประมาณ 7,150 ล้านบาท) รวมกับซัมเมอร์นี้ ก็จะแตะหลัก 1 พันล้านปอนด์ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกไว้ โดยช่วงปฏิทินปี 2014 นั้นใช้ไป 965 ล้านปอนด์ (ประมาณ 53,075 ล้านบาท)

วันสุดท้ายนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แถลงคว้า อองโตนี มาร์กซิยาล กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสวัย 19 ปี จาก โมนาโก ถือเป็นแข้งวัยทีนแพงสุดในประวัติศาสตร์ 36 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,980 ล้านบาท) พร้อมกับได้สวมเบอร์ 9 ยอดรวมพุ่งเป็น 115 ล้านปอนด์ (ประมาณ 6,325 ล้านบาท) รั้งอันดับ 2 เป็นรอง แมนฯ ซิตี ที่จ่ายไปมากสุด 154 ล้านปอนด์ (ประมาณ 8,470 ล้านบาท) ได้ทั้ง เควิน เดอ บรุยน์, ราฮีม สเตอร์ลิง และ นิโคลัส โอตาเมนดี

อันดับ 3 ลิเวอร์พูล 88 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,840 ล้านบาท) อันดับ 4 เชลซี 72 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,960 ล้านบาท) ส่วน อาร์เซนอล ใช้ไปแค่ 13 ล้านปอนด์ (ประมาณ 715 ล้านบาท) มากกว่าแค่ 2 ทีมคือ สวอนซี ซิตี กับ นอริช ซิตี ที่ใช้ไปน้อยสุด 10 ล้านปอนด์ (ประมาณ 550 ล้านบาท)

ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขอบคุณเงินค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟาดแข้งศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ทางทีวีที่ทั่วโลกนั้น เพิ่มขึ้น 70 เปอร์เซ็นต์ โดยฤดูกาล 2016 - 19 ที่ซื้อกันนั้นเป็นเงินรวม 8 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 440,000 ล้านบาท)

อเล็กซ์ ธอร์ป ผู้จัดการระดับอาวุโสที่ดูแลด้านธุรกิจกีฬาของ “ดีลอยต์” เผยว่า “เมื่อเทียบกับทั่วทั้งยุโรป สโมสร พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เฉลี่ยใช้เงินมากกว่า 2 เท่าของลีกอื่น ๆ แสดงให้เห็นถึงกลไกของการเติบโตจากการที่ได้ลิขสิทธิ์เกี่ยวกับเงินด้านการถ่ายทอดสดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการซื้อนักเตะหลายรายนั้นเหมือนเป็นการลงทุน หากว่าเล่นดีผลงานเข้าตาก็สามารถที่จะขายต่อฟันกำไรได้อีกในอนาคต”

เพราะส่วนแบ่งค่าทีวีทำให้สโมสระดับกลาง ๆ กล้าทุ่มมากขึ้น อาทิ เซาแธมป์ตัน ที่วันสุดท้ายสอย เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังชาวดัตช์ มาจาก กลาสโกว์ เซลติก ค่าตัว 11.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 632 ล้านบาท) รายนี้ถือว่าน่าสนใจหากฟอร์มดีไปติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ชุดใหญ่ สโมสรมหาอำนาจก็พร้อมจ่ายอีกเท่าดึงไปเสริมทัพ “นักบุญ” ก็จะทำกำไรได้อีก ตามด้วย เอฟเวอร์ตัน ซิว รามิโร ฟูเนส กองหลังจาก ริเวอร์ เพลท 9.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 522 ล้านบาท) และ เชลซี ได้ ปาปี ฌิโลโบฌี กองหลัง น็องต์ส 2.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 121 ล้านบาท) ซึ่งไม่รู้จะอุดหลังบ้านที่รั่วเป็นประตูน้ำตั้งแต่ออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ได้แค่ไหน

จริง ๆ ยอดใช้เงินของ พรีเมียร์ ลีก ซัมเมอร์นี้น่าจะถีบตัวสูงขึ้นกว่าที่ปิดยอด เพราะ เชลซี ยินดีจ่ายระดับ 30 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,650 ล้านบาท) เพื่อซื้อ จอห์น สโตนส์ กองหลังทีมชาติอังกฤษ แต่ เอฟเวอร์ตัน ไม่ขาย รวมถึง ไซโด เบราฮิโน แนวรุก เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน ที่ข้อเสนอที่ 4 เป็นเงิน 25 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,375 ล้านบาท) ของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เจ้าของทีม “เดอะ แบ็กกีส์” ไม่ยอมรับ นอกจากนี้ ยังมี อาร์เซนอล ที่อั้นเอาไว้มีเงินแต่ไม่ใช้ถือเป็นสโมสรหัวแถวที่จ่ายน้อยที่สุด

ส่วนอีก 4 ลีกดังของยุโรป กัลโช เซเรีย อา อิตาลี มาเป็นอันดับ 2 เสริมทัพไปทั้งสิ้น 450 ล้านปอนด์ (ประมาณ 24,750 ล้านบาท) ตามด้วย ลา ลีกา สเปน 400 ล้านปอนด์ (ประมาณ 22,000 ล้านบาท) บุนเดสลีกา เยอรมัน 290 ล้านปอนด์ (ประมาณ 15,950 ล้านบาท) และ ลีก เอิง ฝรั่งเศส 220 ล้านปอนด์ (ประมาณ 12,100 ล้านบาท)

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***


มาร์กซิยาล ดาวรุ่งที่ “ผีแดง” ทุ่มคว้า
สเตอร์ลิง แข้งอังกฤษค่าตัวแพง 49 ล้านปอนด์
ยูเวนตุส ช็อปจนลีกอิตาลีพุ่งที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น