คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
ตลาดฟรีเอเยนต์ของศึก บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เปิดทำการเรียบร้อย แต่เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้คึกคักเท่าไร เริ่มจากสินค้าเกรด A อย่าง เควิน เลิฟ ปิดดีลกับ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส รอแค่ เลอบรอน เจมส์ เซ็นสัญญาใหม่ ล่าแชมป์ด้วยกันต่อ ถัดมา ดีเวย์น เหว็ด อาจจะฮึดฮัดบ้าง ก่อนจะจูบปากกับ ไมอามี ฮีต และล่าสุด มาร์ค กาซอล เซ็นเตอร์ชาวสเปน มอบสัญญาปากเปล่ากับ เมมฟิส กริซซ์ลีส์ ว่าจะอยู่ต่อไปอีกอย่างน้อย 4 ปี
เห็นจะมีเพียงแฟรนไชส์แห่งเดียวเท่านั้นที่ดูจะมีความเคลื่อนไหวมากกว่าใคร นั่นคือ ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส หากไม่มีการพลิกโผ ก็น่าจะได้ 2 สตาร์เข้าสู่ถิ่น เอที แอนด์ ที เซ็นเตอร์ ประกอบด้วย ลามาร์คัส อัลดริดจ์ จาก ปอร์ตแลนด์ เทรล เบลเซอร์ส กับ เดวิด เวสต์ ผู้ยอมทิ้งเงิน 12 ล้านเหรียญ (360 ล้านบาท) ของ อินเดียนา เพเซอร์ส รับเพียง 1.5 ล้านเหรียญ (45 ล้านบาท) แลกกับแหวนแชมป์วงแรกในชีวิต
นี่ยังไม่นับรวมความสำเร็จในการรั้ง คาไว เลียวนาร์ด ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) รอบชิงชนะเลิศ กับ แดนนี กรีน การ์ดจอมแม่น 2 ขุมกำลังแห่งอนาคต อีกทั้ง 3 ตัวเก๋าอย่าง โทนี พาร์เกอร์, มานู จิโนบิลี และ ทิม ดันแคน ก็จะกลับมาลุยต่อฤดูกาล 2015-16 อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เรียกได้ว่า แทบจะกลายเป็น “ซูเปอร์ ทีม”
การเซ็นสัญญา อัลดริดจ์ นอกเหนือจะได้ เพาเวอร์ ฟอร์เวิร์ด ตัวทำคะแนนเฉลี่ยราว 20 กว่าแต้ม 8-9 รีบาวน์ด แล้ว สเปอร์ส ยังมีคนมารับช่วงต่อจาก ดันแคน แต่เท่าที่พอจินตนาการได้ เราคงนึกย้อนกลับไปยุค “ทวิน ทาวเวอร์” ชุดแชมป์สมัยแรกของแฟรนไชส์ ส่วน เวสต์ วัย 34 ปี แม้ฟังชื่ออาจจะดูโนเนม แต่ผลงานซัด 15.5 แต้ม 7.2 รีบาวน์ด พ่วงดีกรี “ออล-สตาร์” อีก 2 สมัย คอย สแตนด์ บาย ข้างสนาม
การกลับมาของ มานู นับเป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน ต้องไม่ลืมว่า สเปอร์ส ต้องเสีย มาร์โก เบลิเนลลี มือยิง 3 แต้มไปให้ ซาคราเมนโต คิงส์ เปิดเพดานเงินเดือนเซ็น อัลดริดจ์ ค่าเหนื่อย 4 ปี ราว 80 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2.4 พันล้านบาท) ทำให้ตอนนี้อาวุธจากวงนอกแทบจะไม่มีตัวเลือกอื่น ๆ แถมยังอาศัยควมเก๋าคุมบอล หรืออาจพลิกสถานการณ์จากการส่องไกลอันแม่นยำ
ฤดูกาล 2015-16 ไม่มีโอกาสใดจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว สำหรับ ทิม ดันแคน,โทนี พาร์เกอร์ และ มานู จิโนบิลี ที่จะปิดฉากด้วยแชมป์อีกสัก 1 สมัย อุปสรรคมีเพียงอย่างเดียวว่า ความเคี่ยวและไหวพริบการแก้เกมของ “โค้ชพ็อพ” จะสามารถจัดการกับรูปแบบการเล่นยุคใหม่ที่เน้นการถ่ายบอลเร็ว เพื่อยิง 3 คะแนน หรือจะหล่อหลอมซุปตาร์เหล่านี้เล่นด้วยทีมเวิร์กอันแข็งแกร่งได้หรือไม่
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ตลาดฟรีเอเยนต์ของศึก บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เปิดทำการเรียบร้อย แต่เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้คึกคักเท่าไร เริ่มจากสินค้าเกรด A อย่าง เควิน เลิฟ ปิดดีลกับ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส รอแค่ เลอบรอน เจมส์ เซ็นสัญญาใหม่ ล่าแชมป์ด้วยกันต่อ ถัดมา ดีเวย์น เหว็ด อาจจะฮึดฮัดบ้าง ก่อนจะจูบปากกับ ไมอามี ฮีต และล่าสุด มาร์ค กาซอล เซ็นเตอร์ชาวสเปน มอบสัญญาปากเปล่ากับ เมมฟิส กริซซ์ลีส์ ว่าจะอยู่ต่อไปอีกอย่างน้อย 4 ปี
เห็นจะมีเพียงแฟรนไชส์แห่งเดียวเท่านั้นที่ดูจะมีความเคลื่อนไหวมากกว่าใคร นั่นคือ ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส หากไม่มีการพลิกโผ ก็น่าจะได้ 2 สตาร์เข้าสู่ถิ่น เอที แอนด์ ที เซ็นเตอร์ ประกอบด้วย ลามาร์คัส อัลดริดจ์ จาก ปอร์ตแลนด์ เทรล เบลเซอร์ส กับ เดวิด เวสต์ ผู้ยอมทิ้งเงิน 12 ล้านเหรียญ (360 ล้านบาท) ของ อินเดียนา เพเซอร์ส รับเพียง 1.5 ล้านเหรียญ (45 ล้านบาท) แลกกับแหวนแชมป์วงแรกในชีวิต
นี่ยังไม่นับรวมความสำเร็จในการรั้ง คาไว เลียวนาร์ด ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) รอบชิงชนะเลิศ กับ แดนนี กรีน การ์ดจอมแม่น 2 ขุมกำลังแห่งอนาคต อีกทั้ง 3 ตัวเก๋าอย่าง โทนี พาร์เกอร์, มานู จิโนบิลี และ ทิม ดันแคน ก็จะกลับมาลุยต่อฤดูกาล 2015-16 อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เรียกได้ว่า แทบจะกลายเป็น “ซูเปอร์ ทีม”
การเซ็นสัญญา อัลดริดจ์ นอกเหนือจะได้ เพาเวอร์ ฟอร์เวิร์ด ตัวทำคะแนนเฉลี่ยราว 20 กว่าแต้ม 8-9 รีบาวน์ด แล้ว สเปอร์ส ยังมีคนมารับช่วงต่อจาก ดันแคน แต่เท่าที่พอจินตนาการได้ เราคงนึกย้อนกลับไปยุค “ทวิน ทาวเวอร์” ชุดแชมป์สมัยแรกของแฟรนไชส์ ส่วน เวสต์ วัย 34 ปี แม้ฟังชื่ออาจจะดูโนเนม แต่ผลงานซัด 15.5 แต้ม 7.2 รีบาวน์ด พ่วงดีกรี “ออล-สตาร์” อีก 2 สมัย คอย สแตนด์ บาย ข้างสนาม
การกลับมาของ มานู นับเป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน ต้องไม่ลืมว่า สเปอร์ส ต้องเสีย มาร์โก เบลิเนลลี มือยิง 3 แต้มไปให้ ซาคราเมนโต คิงส์ เปิดเพดานเงินเดือนเซ็น อัลดริดจ์ ค่าเหนื่อย 4 ปี ราว 80 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2.4 พันล้านบาท) ทำให้ตอนนี้อาวุธจากวงนอกแทบจะไม่มีตัวเลือกอื่น ๆ แถมยังอาศัยควมเก๋าคุมบอล หรืออาจพลิกสถานการณ์จากการส่องไกลอันแม่นยำ
ฤดูกาล 2015-16 ไม่มีโอกาสใดจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว สำหรับ ทิม ดันแคน,โทนี พาร์เกอร์ และ มานู จิโนบิลี ที่จะปิดฉากด้วยแชมป์อีกสัก 1 สมัย อุปสรรคมีเพียงอย่างเดียวว่า ความเคี่ยวและไหวพริบการแก้เกมของ “โค้ชพ็อพ” จะสามารถจัดการกับรูปแบบการเล่นยุคใหม่ที่เน้นการถ่ายบอลเร็ว เพื่อยิง 3 คะแนน หรือจะหล่อหลอมซุปตาร์เหล่านี้เล่นด้วยทีมเวิร์กอันแข็งแกร่งได้หรือไม่
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
