ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์ - “ไนกี้” ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์กีฬาระดับโลก เชิญชวนบรรดาคนรักฟุตบอล ร่วมสัมผัส “ไฮเปอร์เวนอม 2 (Hypervenom II)” สตั๊ดรุ่นล่าสุด ซึ่งได้รับการผลิตด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง เพื่อการเล่นที่รวดเร็วและแม่นยำ ตอบสนองความต้องการของผู้เล่นเกมรุกโดยเฉพาะ พร้อมกันนี้ยังเปิดโอกาสแก่คณะจากไทยเยี่ยมชมศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาของประเทศสิงคโปร์ปิดท้าย
นับตั้งแต่ “ไนกี้” เผยโฉมรองเท้าฟุตบอลสายพันธุ์ ไฮเปอร์เวนอม ครั้งแรก ปี 2013 ซึ่งถูกคิดค้นเพื่อการจบสกอร์อันเฉียบขาด ผลักดันนักเตะอย่าง เนย์มาร์ จูเนียร์ ดาวยิงค่าย บาร์เซโลนา กับ เวย์น รูนีย์ หอกกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ทีมชาติอังกฤษ อย่างไรก็ตาม แบรนด์กีฬาสัญชาติอเมริกัน ก็ยังไม่หยุดการพัฒนา เพื่อศักยภาพที่ดีกว่ารุ่นเดิม
ไฮเปอร์เวนอม 2 มีการสร้างรอยบากบนหน้ารองเท้าบริเวณจุดสัมผัส เพื่อการคอนโทรลอย่างนุ่มนวล รวมถึงการดีไซน์แนวเชือกรองเท้าเป็นลวดลายซิกแซ็ก เบนออกไปตรงข้างเท้าด้านนอก เพิ่มพื้นที่การจับบอล และยิงประตู โดยปราศจากการสัมผัสเชือกรองเท้า ตลอดจนแผ่นรองเท้าที่แยกชิ้นส่วนสำหรับนิ้วหัวแม่เท้า ช่วยการยึดเกาะของผู้สวมใส่ เพื่อการเปลี่ยนทิศทางที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับการทดสอบผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุด “ไนกี้” คัดเลือก เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ปีกมาดเข้มสังกัด ชลบุรี และทีมชาติไทย กับ ซาฮิล ซูไฮมี ศูนย์หน้าทีมชาติสิงคโปร์ ชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 28 (2015) ที่เพิ่งสิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา เข้าร่วมกิจกรรมดวลแข้งกันแบบฝ่ายละ 11 คน ณ สนาม จาลัน เบซาร์ สเตเดียม สังเวียนที่เคยจัดทัวร์นาเมนต์ “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014” มาแล้ว
เกริกฤทธิ์ วัย 24 ปี ที่แจ้งเกิดจากศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติ ย่านเอเชียอาคเนย์ สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของ “ไฮเปอร์เวนอม 2” อย่างชัดเจน ด้วยการบรรจงชิประยะประมาณ 20 หลา ย้อยเสียบใต้คานอย่างเหนือชั้น พร้อมกับเผยหลังจบแมตช์ “รู้สึกกระชับขึ้น น้ำหนักเบา การจับบอลก็ถือว่าดีขึ้น ชอบตรงดีไซน์ที่เป็นแบบหุ้มข้อ ช่วยล็อกข้อเท้าให้แน่นกว่าเดิม”
ส่วนอีกรุ่นหนึ่ง เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับ สตรีท ฟุตบอล มีชื่อว่า “ไฮเปอร์เวนอม เอ็กซ์ (Hypervenom X)” ออกแบบมาเพื่อการล่าตาข่ายในเกมฟุตซอลโดยเฉพาะ ตามรหัส X สื่อถึงผู้เล่นในสนามทั้งหมด 10 คน (ฝั่งละ 5 คน) ดีไซน์ตัวรองเท้าเช่นเดียวกับ “ไฮเปอร์เวนอม 2” และนับเป็นรุ่นแรกที่มีการผสานปลอกข้อเท้าแบบฟลายนิต (Flynit Collar) เสริมแผ่นยางรีไซเคิล “ไนกี้ ไกรน์ด (Nike Grind)” ตรงส่วนที่มีโอกาสเกิดการสึกหรอสูง เพิ่มความทนทานยิ่งขึ้น และระบบรองรับแรงกระแทก “ไฟลอน” เพื่อความสบายเท้า เมื่อวาดลวดลายบนพื้นแข็ง
ทิ้งทวนทริปนี้ด้วยเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาของสิงคโปร์ ที่บังเอิญว่า เกิดสะดุดตากับห้องสีเหลี่ยมทั้ง 2 ห้องที่ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง
ห้องแรกเป็นการการจำลองสภาพอากาศ เมื่อต้องเดินทางแข่งขันทัวร์นาเมนต์สำคัญๆ ต่างแดนดังนั้นการเตรียมความพร้อมแก่นักกีฬา ระหว่างการฝึกซ้อมก็น่าจะเป็นกุญแจสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เหล่าสตาฟฟ์จะมองข้ามเสียมิได้เช่นเดียวกับ นักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ที่ต้องเดินทางเก็บตัวแถบยุโรป ทำความคุ้นเคยกับอากาศอันเหน็บหนาว ก่อนลัดฟ้าสู่ประเทศแคนาดา ลุยศึกชิงแชมป์โลก ปี 2015
ถัดมาเป็นบรรยากาศเบาบางเขตที่ราบสูง อย่างเช่น ประเทศโบลิเวีย แถบทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นสังเวียนปราบเซียน โดยครั้งหนึ่งก็เคยทำเอา ขุนพล อาร์เจนตินา นำโดย ลิโอเนล เมสซี , อังเคล ดิ มาเรีย และ ฮาเวียร์ มาสเชราโน แทบขาดใจ เนื่องจากออกซิเจนเบาบาง จนต้องสวมหน้ากากจากทีมงานเพื่อช่วยเรื่องการหายใจ
เมื่อเยี่ยมชมด้านในบรรยากาศแทบไม่แตกต่างจากคอนโดมีเนียม เนื่องจากมีการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เพื่อให้นักกีฬาเข้าไปใช้ชีวิต ซึ่งการปรับตัวเช่นนี้ นักกีฬาต้องเก็บตัวทั้งสิ้น 3 สัปดาห์ อย่างน้อย 8-10 ชั่วโมงต่อวัน
สื่อมวลชนจากประเทศต่างๆ ยังได้รับข้อมูลด้านโภชนาการของนักกีฬา ซึ่งการจัดมื้ออาหารก่อนเริ่มการแข่งขัน จะต้องคำนึงถึงเวลาลงสนามเป็นสำคัญ หากเป็นชั่วโมงเร่งด่วน ก็สามารถรับประทานคาร์โบไฮเดรตแบบขัดขาว หรืออย่างง่ายอาจเป็นขนมปังทาแยม เพื่อการดูดซึมที่รวดเร็วกว่า และเน้นอาหารจำพวกโปรตีน เพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อและชดเชยพลังงานที่สูญเสียไป แต่ต้องหลีกเลี่ยงช็อคโกแลต เพราะมีความหวาน และไขมันสูง
ส่วนสิ่งต้องห้ามสำหรับนักกีฬา นั่นคือ อาหารที่มีส่วนประกอบของมาการีน และผ่านขั้นตอนการปรุงด้วยความร้อนสูง เนื่องจากจะเกิด “ทรานส์ แฟต (ไขมันที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย)” อาทิ ขนมเค้ก หรือ พาย เป็นต้น
เรื่องโดย ศรุต เบญจานุวัตร
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***
