เอเยนซี - ศึกชิงความเป็นเจ้าลูกหนังแถบละติน “โคปา อเมริกา 2015” ดำเนินมาถึงรอบชิงชนะเลิศวันที่ 4 กรกฎาคมนี้หรือเช้าวันที่ 5 ก.ค.ตามเวลาประเทศไทย เป็นการพบกันระหว่างเจ้าภาพ ชิลี ที่ไม่เคยเป็นแชมป์มาก่อนกับ อาร์เจนตินา ที่สัมผัสโทรฟีมาแล้วถึง 14 ครั้ง
ถือเป็นการเจอกันนัดชิงหนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ต่อจากปี 1955 ที่ชิลีเป็นเจ้าภาพ ซึ่งตอนนั้น อาร์เจนตินา เฉือนชนะ 1-0 จากนั้นขุนพล “ลา โรฆา” เข้าชิงอีก 3 รอบปี 1956, 1979 และ 1987 แต่ไม่เคยไปถึงฝั่งฝันเลย ต่างกับ “ฟ้า-ขาว” ที่มีดีกรีเป็นแชมป์ตามหลัง อุรุกวัย ที่ทำไว้สูงสุด 15 ครั้งแค่สมัยเดียว ดังนั้นปีนี้ก็มีโอกาสที่จะทำสถิติขึ้นไปทาบ
อาร์เจนตินา อยู่ในช่วงขาขึ้นต่อยอดจากศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่เข้าชิงก่อนจะต่อเวลาแพ้ เยอรมนี 0-1 แต่ตอนนั้นเป็น อเลฮานโดร ซาเบลลา คุมทัพ ก่อนจะเปลี่ยนมือมาเป็น เคราร์โด มาร์ติโน อดีตนายใหญ่ บาร์เซโลนา โดยแชมป์ “โคปา อเมริกา” ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นปี 1993 ถือเป็นแชมป์ระดับเมเจอร์หนสุดท้ายหรือเมื่อ 22 ปีก่อน ซึ่งย้อนไป ลิโอเนล เมสซี ซูเปอร์สตาร์ของทีมอายุแค่ 6 ขวบเท่านั้น
อาร์เจนตินา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้แชมป์ “โคปา อเมริกา” เพราะตำแหน่งแชมป์ เวิลด์ คัพ หนสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อปี 1986 ดังนั้นสิ่งนี้จะเหมือนเป็นการปลุกขวัญ ยิ่ง ลิโอเนล เมสซี กองหน้าที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในโลก ยังไม่ประสบความสำเร็จระดับชาติเลย ดีที่สุดคือเหรียญทอง โอลิมปิก ปี 2008 ส่วนโคปาฯ เป็นรองแชมป์เมื่อปี 2007 พ่ายแก่ บราซิล 0-3
“โคปา อเมริกา” หนนี้ เมสซี ยิงไปได้แค่ประตูเดียวเท่านั้น แต่ใช่ว่าไม่มีส่วนร่วมกับประตูที่ได้ โดยเฉพาะรอบรองชนะเลิศที่ถล่ม ปารากวัย 6-1 ทำแฮตทริกแอสซิสต์ส ที่ต้องยอมรับว่าอันตรายไม่แพ้กันสามารถทะลวงเข้าไปถวายพานให้เพื่อนจบสกอร์ได้ทันที เห็นได้จากแมตช์ที่กล่าวไปแล้วเลื้อยจนคู่ต่อสู้หัวทิ่มหัวต่ำ
รวมตลอดทัวร์นาเมนต์ที่ผ่านมา เมสซี จ่ายให้เพื่อนยิงไปแล้ว 5 ประตู ซึ่ง มาร์ติโน ออกมากล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “แต่ละประตูที่ อาร์เจนตินา ทำได้ เมสซี ล้วนมีส่วนร่วม ดังนั้นผมไม่กังวลเลยว่าใครจะยิงได้หรือไม่ได้ เพราะเจ้าตัวก็มีความสุขกับฟอร์ม”
โดย “ฟ้าขาว” ชุดนี้มีคนแบ่งเบาภาระจบสกอร์ของ เมสซี ทั้ง กอนซาโล ฮิกัวอิน, คาร์ลอส เตเบซ, เซร์คิโอ อกูเอโร ยิงไปเยอะสุด 3 ประตูและ เอซกีเอล ลาเวซซี ส่วนกองกลางก็มีทั้ง อังเคล ดิ มาเรีย, ฮาเวียร์ ปาสตอเร และ เอริค ลาเมลา
ฟาก ชิลี นั้นยังไม่แพ้แก่ทีมใด โดยเฉพาะรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ดับซ่าแชมป์เก่า อุรุกวัย ที่เหลือ 9 คน 1-0 ขุมกำลังถือว่าอันตรายทั้ง อเล็กซิส ซานเชซ, อาร์ตูโร วิดัล และ เอดูอาร์โด วาร์กาซ กองหน้าจากนาโปลี ที่นำดาวซัลโวซัดไปแล้ว 4 ประตู แนวรับยังนำโดย เคลาดิโอ บราโว มือกาว บาร์ซา แต่ไร้ กอนซาโล ฮารา กองหลังที่ติดโทษแบน 2 นัดกรณีนิ้วจิ้มก้น เอดิน คาวานี หอก “จอมโหด” ทว่ารายอื่นก็มีทั้งประสบการณ์และลูกหนักอย่าง เมาริซิโอ อิสลา กับ แกรี เมเดล
เกมนี้ อาร์เจนตินา เหนือกว่าก็จริง แต่ โฮเซ โรฮาส แนวรับจาก ยูนิเวอร์ซิดัด เดอ ชิลี กระตุ้นเพื่อนๆ ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ดูจาก บราซิล แชมป์โลกสูงสุด 5 สมัยยังเป็นแชมป์ โคปาฯ แค่ 8 หนเท่านั้น “อาร์เจนตินา คือหนึ่งในชาติลูกหนังที่ดีที่สุดในโลก กระนั้นก็ตามตัวเต็งไม่การันตีว่าจะได้แชมป์เสมอไป ส่วน ชิลี เล่นที่บ้านมีแฟนบอลหนุนหลัง”
“ดังนั้นคุณต้องโยนเรื่องทุกอย่างทิ้งไป อาร์เจนตินา แกร่งกว่าก็จริง แต่ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ชิลี กระหายที่จะนำความสำเร็จสู่ประเทศชาติไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน” แนวรับวัย 32 ปีกล่าวในท้ายที่สุด
อย่างไรก็ตามก่อนเกม ฮาเวียร์ มาสเชราโน กองกลางกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา หวั่นมีเหตุการณ์รุนแรงทั้งในและนอกสนามที่ เอสตาดิโอ นาซิอองนาล เนื่องจากอดีตที่ผ่านมากับ ชิลี ที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านเคยมีปัญหาเรื่องกรณีพิพาทแย่งดินแดนรวมถึงปัญหาด้านการฑูต
แข้ง บาร์เซโลนา จึงต้องออกมาปรามว่า “ผมหวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่าเราอยู่ในโลกฟุตบอลไม่ใช่สงคราม อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้ผ่านไป โดยจะต้องไม่เอากีฬาเข้าไปอยู่ในเรื่องการเมือง ชิลี กับ อาร์เจนตินา เป็นประเทศบ้านพี่เมืองน้องที่จะต้องเคารพซึ่งกันและกัน เราต้องไม่รุนแรงก้าวร้าว เพราะกีฬาเป็นเรื่องสุขภาพกับความสนุก”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***