เอเยนซี - บาร์เซโลนา โชว์ศักยภาพเกมรุกเอาชนะ ยูเวนตุส 3-1 รอบชิงชนะเลิศ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ที่ โอลิมปิก สเตเดียม กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันเสาร์ที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา ถือเป็นการปิดฤดูกาล 2014-15 อย่างน่าอัศจรรย์ด้วยทริปเปิลแชมป์ ส่งให้สโมสรมหาอำนาจจากสเปนสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกที่ซิว 3 แชมป์ถึง 2 ครั้งโดยมีถ้วยยุโรปใบใหญ่สุดรวมอยู่ด้วย
เกมนัดชิงดังกล่าวประตูแรกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 4 บาร์เซโลนา โชว์จุดแข็งคือการต่อบอลอันเป็นเอกลักษณ์แบบ “ติกี้-ตาก้า” นักเตะโดนบอลครบทุกคนก่อนไปจบที่ อิวาน ราคิติช อย่างไรก็ตามนาที 55 ยูเวนตุส ขึงจนตีเสมอได้จาก อัลบาโร โมราตา ทว่าจากนั้น บาร์ซา ก็ใช้เกมรุกแซงชนะจาก หลุยส์ ซัวเรซ นาที 68 และ เนย์มาร์ นาที 90+7
ทำให้ บาร์เซโลนา ที่เข้าชิงทั้งหมด 8 ครั้ง ซิวแชมป์ยุโรปสมัยที่ 5 มากที่สุดเป็นอันดับ 3 เท่า บาเยิร์น มิวนิค กับ ลิเวอร์พูล เป็นรองแค่ รีล มาดริด 10 สมัยกับ เอซี มิลาน 7 สมัย โดย 10 ปีหลังสุด บาร์ซา กวาดมาครองได้ถึง 4 ครั้ง ส่วน ยูเวนตุส ก็เข้าชิง 8 ครั้งเป็นทีมแรกที่แพ้นัดชิง 6 ครั้ง ที่ผ่านมาเคยได้แชมป์ 2 สมัยปี 1985 กับ 1996
ก่อนหน้านี้มี 7 สโมสรที่ได้ทริปเปิลแชมป์ โดยมีแชมป์ยุโรปใบใหญ่สุดรวมอยู่ในนั้นด้วยคือ กลาสโกว์ เซลติก (สกอตแลนด์) 1966-67, อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์ส) 1971-72, พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน (เนเธอร์แลนด์ส) 1987-88, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) 1998-99, บาร์เซโลนา (สเปน) 2008-09, อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี) 2009-10 และ บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี) 2012-13
สำหรับ 3 แชมป์ ลา ลีกา สเปน, โคปา เดล เรย์ และ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ต้องยกความดีความชอบให้ หลุยส์ เอ็นริเก ที่ตอนเข้ามาคุมทัพถูกสบประมาทเรื่องฝีมือและประสบการณ์ เพราะ บาร์เซโลนา กำลังหากุนซือที่พาทีมกลับสู่ความยิ่งใหญ่เหมือนตอน เป๊ป กวาร์ดิโอลา พากวาดทุกแชมป์ระหว่างปี 2008-2012 ซึ่งที่ผ่านมา ติโต บิลาโนบา กับ เคราร์โด มาร์ติโน ทำไม่สำเร็จ
กระนั้นก็ตาม เอ็นริเก อดีตกองกลาง บาร์ซา ที่เคยคุมทีมชุด เบ รวมถึงกุมบังเหียน โรมา กับ เซลตา บีโก ก็ยังไม่รู้อนาคตตนเองเหมือนกัน “ความจริงคือสิ่งนี้ยังไม่แน่นอน เพียงแต่ตอนนี้ทุกคนมีความสุข นักเตะกลุ่มนี้แข็งแกร่งเต็มเปี่ยมด้วยศักยภาพ เราชนะแมตช์ที่ 50 จากทั้งหมด 60 ในปีนี้ ถือเป็นเรื่องยากมาก ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆ เพราะไม่เคยคิดเลยว่าจะทำได้”
ส่วน ลิโอเนล เมสซี วืดเป็นคนแรกที่ยิงประตูนัดชิง แชมเปียนส์ ลีก 3 ครั้ง แต่ก็ทำสถิติได้แชมป์ 4 ครั้งสูงสุดเท่า คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ อดีตกองกลางชาวดัตช์ นอกจากนี้หอกทีมชาติอาร์เจนตินาก็กลับสู่ฟอร์มสุดยอด หลังปีที่แล้วล้มเหลวไร้แชมป์ติดมือ โดยฤดูกาลนี้ซัดทุกรายการ 58 ลูกดังนั้นตำแหน่ง "ฟีฟา บัลลงดอร์" สมัยที่ 5 ของตนเองน่าจะอยู่ในมือ ส่วนอีก 2 ประสานแดนหน้าจากละติน เนย์มาร์ ยิง 39 ประตูและ ซัวเรซ กด 25 ประตู รวม "MSN" ยิงไปทั้งสิ้น 122 ลูก
ดาวซัลโวนั้นมี 3 คนยิงเท่ากัน 10 ประตูคือ เนย์มาร์, เมสซี และ คริสเตียโน โรนัลโด แนวรุก รีล มาดริด แต่กองหน้าทีมชาติบราซิลมีนาทีรวมอยู่ในสนามน้อยที่สุด ด้าน ซัวเรซ ไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะลืมฝันร้ายจากฟุตบอลโลก 2014 ที่กัดไหล่ จอร์โจ คิเอลลินี กองหลังอิตาลีรอบแบ่งกลุ่มที่ อุรุกวัย ชนะ 1-0 จนถูกแบน 4 เดือนห้ามเตะทีมชาติ 9 นัด ทำให้ศึก โคปา อเมริกา 2015 ที่จะแข่งที่ ชิลี ระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน ถึง 4 กรกฎาคม หมดสิทธิ์ติดทัพ "จอมโหด"
ด้าน ซัวเรซ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าคิดถูกที่ย้ายจาก ลิเวอร์พูล เมื่อซัมเมอร์ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,750 ล้านบาท) เพราะกับ "หงส์แดง" ได้แชมป์ใบเดียวคือ ลีก คัพ โดยกล่าวว่า "เป็นเรื่องที่น่าทึ่งและประวัติศาสตร์ที่ไม่สำคัญ การจะได้แชมป์ขนาดนี้คุณต้องพยายามอย่างหนัก ซึ่งถือว่าเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันมาตั้งแต่ออกสตาร์ทฤดูกาลจนทำได้สำเร็จ"
เกมนี้ยังเป็นฉากอำลา ชาบี เอร์นานเดซ กองกลางวัย 35 ปีที่ถูกเปลี่ยนลงสนามนาที 78 สร้างสถิติสูงสุดเล่น แชมเปียนส์ ลีก 151 นัดแซงหน้า อิเคร์ คาซิยาส มือกาว รีล มาดริด โดยเขาอยู่กับ บาร์ซา มาตั้งแต่ 11 ขวบคว้าแชมป์ทั้งสิ้น 25 ใบจากนี้ปีหน้าจะไปเล่นให้ อัล ซาด ที่กาตาร์
ฟาก ยูเวนตุส ไม่มีอะไรต้องเสียใจถือเป็นการปลุกกระแสฟุตบอลอิตาลี โดยปีนี้ซิวดับเบิลแชมป์ กัลโช เซเรีย อา อิตาลี กัล โคปปา อิตาลี ซึ่ง มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี เผยว่า "ผมเคยบอกว่าคุณยากที่จะเล่นนัดชิงทุกปี แต่ก็มีหลายทีมทุ่มเทเพื่อให้เกิดขึ้นได้ ปีนี้เราเต็มไปด้วยความมั่นใจ หมายถึงยกระดับขึ้นคว้า 2 แชมป์ ดังนั้นคงต้องไปเสริมทัพ ตอนนี้เราเข้าใกล้แชมป์ยุโรปมากขึ้น ไม่แน่ปีหน้าอาจจะใกล้กว่านี้"
ปีหน้า ยูเวนตุส ก็จะกลับมาสู้ใหม่โดยมี จานลุยจิ บุฟฟอน มือกาววัย 37 ปีเป็นแกนหลัก โดยตั้งเป้าขอเฝ้าเสาอีก 3 ปีเพื่อซิวแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ใบแรกให้ได้ หลังที่ผ่านมาได้เกียรติยศมาหมดแล้วรวมถึง เวิลด์ คัพ 2006 กับทีมชาติอิตาลี "เราไม่ได้มีฤดูกาลที่น่าอายแต่อย่างใด จากนี้ผมต้องการเล่นฟุตบอลอีก 3 ปีเพื่อสานฝันอีก 2-3 อย่างให้ลุล่วง"
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *