คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
ห่างเหินกับการคุยถึงวงการศิลปะการต่อสู้แบบผสมมาระยะหนึ่ง เพราะหลังๆ ก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนัก ไม่ว่าจะเป็นการคืนสังเวียนของ (อดีต) สุดยอดแชมป์ชาวบราซิเลียนอย่าง “ไอ้แมงมุม” แอนเดอร์สัน ซิลวา ที่แม้จะเอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้ก็มีรอยมลทินเรื่องการใช้สารกระตุ้นและตอนนี้ก็ยังเป็นมหากาพย์ที่ยังไม่จบ หรือเรื่องสร้างภาพเข้าสถานบำบัดของ จอน “ไอ้กระดูก” โจนส์ ที่ใครๆ ก็รู้ทัน แล้วพอออกมายังไปเจอปัญหาขับรถชนคนท้องแล้วดันหนี จนถูกดำเนินคดีหนักและทาง UFC เองก็เล่นด้วยโดยสั่งริบเข็มขัดแชมป์ในรุ่นไลท์ เฮฟวีเวท เลย ทำเอาตอนนี้ จอน โจนส์ กลายเป็นเหมือนหมาหัวเน่า จนผู้จัดการส่วนตัวออกมาให้ข่าวว่าอาจจะแขวนนวมก็ได้
รวมทั้งในประเภทหญิง ที่ “อีสาวคาวบอย” รอนดา เราซีย์ ที่กวาดชัยชนะชนิดไม่เสียเหงื่อมา 2-3 ไฟต์ติดๆ กันแล้ว และแม้จะมีโปรแกรมเตรียมขึ้นสู้ไฟต์ต่อไปกับนักสู้สาวจากบราซิล เบ็ธ คอร์ไรยา ที่สถิติสวยงามไม่น้อยชนะมา 9 ไฟต์รวด ในรายการ UFC 190 ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้ ก็ไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากแฟนๆ ได้เท่าไหร่ เพราะเชื่อกันว่าสาวอเมริกันน่าจะเก็บได้ไม่ยากเช่นกัน
ตอนนี้ความสนใจเลยมาอยู่ที่ ใครจะเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับนักสู้สาวรายนี้จริงๆ ชื่อแรกที่ขึ้นมาเลยก็ไม่แคล้ว คริส “ไซบอร์ก” จัสติโน แชมป์ในรุ่นเฟเธอร์เวท 145 ปอนด์ ของสถาบัน Strikeforce ที่มีข่าวกันมาพักใหญ่แล้ว แต่ปัญหาสำคัญก็คือทางไซบอร์กนั้นเคยบอกว่า ให้ทำน้ำหนัก 135 ปอนด์มาเจอกับ เราซีย์ ในรุ่นแบนตัมเวท ที่เธอเป็นราชินีอยู่นั้นไม่ไหวแน่ แต่ทาง รอนดา เราซีย์ กับ ดานา ไวท์ ประธาน UFC จอมสีสันก็ยืนยันว่าถ้าจะมาเจอกับ “อีสาวคาวบอย” ก็ต้องมาเจอกันที่ 135 ปอนด์เท่านั้น
ล่าสุดทางไซบอร์กออกมาเปิดเผยท่าทีว่า จะให้ทำ 135 ปอนด์ จริงๆ ก็ทำได้ เพราะเธออยากขึ้นเวทีไปฟัดกับแชมป์และนักแสดงจาก Fast7 รายนี้เต็มทีแล้ว แต่ก็ยังสงวนสิทธิ์ไว้นิดหน่อยว่า ถ้าอยากดูไฟต์ที่สมกับการรอคอยจริงๆ ล่ะก็ มาเจอกันด้วยน้ำหนักที่เป็นกลาง 140 ดีกว่า เพราะการที่เธอจะสู้กับ รอนดา เราซีย์ นั้นไม่ได้ต้องการเข็มขัดแชมป์ ก็ไม่ต้องสู้ในพิกัดนั้นๆ เธอสู้เพราะอยากสู้มากกว่า ถ้า รอนดา เราซีย์ อยากพิสูจน์ฝีมือกับของจริงแล้วล่ะก็ มาเจอกันที่ 140 ดีกว่า แบบนี้ก็เลยยังไม่ใกล้ที่จะเกิดขึ้นแต่อย่างใด แต่อย่างน้อยก็มีการ “แบะท่า” กันมากขึ้นแล้ว คู่นี้คงได้เจอกันสักวัน
อีกแนวทางหนึ่งก็คือเรื่องสู้กับนักสู้ชาย ซึ่ง “อีสาวคาวบอย” เองเคยบอกว่า นักสู้ชายในพิกัดแบนตัมเวทล่ะก็ เธอเก็บเรียบแน่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอก็ออกมาบอกว่า มันคงดูไม่ดีหรอกถ้าจะให้นักสู้ชายมาไล่อัดนักสู้หญิงบนเวที (แม้ว่าเธอเชื่อว่าเธอจะชนะก็ตาม) ดังนั้นเรื่องนี้ก็เลิกคิดได้เลย เหลือทางสุดท้ายคือนักสู้สาวแปลงเพศ ฟาลลอน ฟอกซ์ ซึ่งมาผ่าตัดแปลงเพศที่กรุงเทพฯ บ้านเรานี่เอง แถมมี “น้องตุ้ม” ปริญญา เกียรติบุษบา เป็นขวัญใจซะด้วย รายนี้สู้อยู่ในรุ่นแบนตัมเวทพอดี
รอนดา เราซีย์ เคยบอกว่านักสู้แปลงเพศนั้นก็มีข้อได้เปรียบอยู่ดี ไม่น่าจะมาสู้กันได้ แต่ล่าสุดเธอออกมายอมรับว่า เมื่อได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก็ยอมรับว่าหลักฐานทางการแพทย์ก็สนับสนุนว่านักสู้แปลงเพศไม่ได้ได้เปรียบนักสู้หญิงในเชิงสรีระร่างกายอีกแล้ว ดังนั้นตอนนี้เธอก็เปิดกว้างขึ้น ไม่แน่อาจมีข่าวออกมาในอีกไม่ช้าก็ได้ ปัญหาเล็กๆ คือ ฟาลลอน ฟอกซ์ นั้นไม่มีสัญญากับ UFC และก็ยังไม่ถึงชั้นจริงๆ ก็คงต้องทำฟอร์มอีกพักใหญ่เหมือนกัน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ห่างเหินกับการคุยถึงวงการศิลปะการต่อสู้แบบผสมมาระยะหนึ่ง เพราะหลังๆ ก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนัก ไม่ว่าจะเป็นการคืนสังเวียนของ (อดีต) สุดยอดแชมป์ชาวบราซิเลียนอย่าง “ไอ้แมงมุม” แอนเดอร์สัน ซิลวา ที่แม้จะเอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้ก็มีรอยมลทินเรื่องการใช้สารกระตุ้นและตอนนี้ก็ยังเป็นมหากาพย์ที่ยังไม่จบ หรือเรื่องสร้างภาพเข้าสถานบำบัดของ จอน “ไอ้กระดูก” โจนส์ ที่ใครๆ ก็รู้ทัน แล้วพอออกมายังไปเจอปัญหาขับรถชนคนท้องแล้วดันหนี จนถูกดำเนินคดีหนักและทาง UFC เองก็เล่นด้วยโดยสั่งริบเข็มขัดแชมป์ในรุ่นไลท์ เฮฟวีเวท เลย ทำเอาตอนนี้ จอน โจนส์ กลายเป็นเหมือนหมาหัวเน่า จนผู้จัดการส่วนตัวออกมาให้ข่าวว่าอาจจะแขวนนวมก็ได้
รวมทั้งในประเภทหญิง ที่ “อีสาวคาวบอย” รอนดา เราซีย์ ที่กวาดชัยชนะชนิดไม่เสียเหงื่อมา 2-3 ไฟต์ติดๆ กันแล้ว และแม้จะมีโปรแกรมเตรียมขึ้นสู้ไฟต์ต่อไปกับนักสู้สาวจากบราซิล เบ็ธ คอร์ไรยา ที่สถิติสวยงามไม่น้อยชนะมา 9 ไฟต์รวด ในรายการ UFC 190 ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้ ก็ไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากแฟนๆ ได้เท่าไหร่ เพราะเชื่อกันว่าสาวอเมริกันน่าจะเก็บได้ไม่ยากเช่นกัน
ตอนนี้ความสนใจเลยมาอยู่ที่ ใครจะเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับนักสู้สาวรายนี้จริงๆ ชื่อแรกที่ขึ้นมาเลยก็ไม่แคล้ว คริส “ไซบอร์ก” จัสติโน แชมป์ในรุ่นเฟเธอร์เวท 145 ปอนด์ ของสถาบัน Strikeforce ที่มีข่าวกันมาพักใหญ่แล้ว แต่ปัญหาสำคัญก็คือทางไซบอร์กนั้นเคยบอกว่า ให้ทำน้ำหนัก 135 ปอนด์มาเจอกับ เราซีย์ ในรุ่นแบนตัมเวท ที่เธอเป็นราชินีอยู่นั้นไม่ไหวแน่ แต่ทาง รอนดา เราซีย์ กับ ดานา ไวท์ ประธาน UFC จอมสีสันก็ยืนยันว่าถ้าจะมาเจอกับ “อีสาวคาวบอย” ก็ต้องมาเจอกันที่ 135 ปอนด์เท่านั้น
ล่าสุดทางไซบอร์กออกมาเปิดเผยท่าทีว่า จะให้ทำ 135 ปอนด์ จริงๆ ก็ทำได้ เพราะเธออยากขึ้นเวทีไปฟัดกับแชมป์และนักแสดงจาก Fast7 รายนี้เต็มทีแล้ว แต่ก็ยังสงวนสิทธิ์ไว้นิดหน่อยว่า ถ้าอยากดูไฟต์ที่สมกับการรอคอยจริงๆ ล่ะก็ มาเจอกันด้วยน้ำหนักที่เป็นกลาง 140 ดีกว่า เพราะการที่เธอจะสู้กับ รอนดา เราซีย์ นั้นไม่ได้ต้องการเข็มขัดแชมป์ ก็ไม่ต้องสู้ในพิกัดนั้นๆ เธอสู้เพราะอยากสู้มากกว่า ถ้า รอนดา เราซีย์ อยากพิสูจน์ฝีมือกับของจริงแล้วล่ะก็ มาเจอกันที่ 140 ดีกว่า แบบนี้ก็เลยยังไม่ใกล้ที่จะเกิดขึ้นแต่อย่างใด แต่อย่างน้อยก็มีการ “แบะท่า” กันมากขึ้นแล้ว คู่นี้คงได้เจอกันสักวัน
อีกแนวทางหนึ่งก็คือเรื่องสู้กับนักสู้ชาย ซึ่ง “อีสาวคาวบอย” เองเคยบอกว่า นักสู้ชายในพิกัดแบนตัมเวทล่ะก็ เธอเก็บเรียบแน่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอก็ออกมาบอกว่า มันคงดูไม่ดีหรอกถ้าจะให้นักสู้ชายมาไล่อัดนักสู้หญิงบนเวที (แม้ว่าเธอเชื่อว่าเธอจะชนะก็ตาม) ดังนั้นเรื่องนี้ก็เลิกคิดได้เลย เหลือทางสุดท้ายคือนักสู้สาวแปลงเพศ ฟาลลอน ฟอกซ์ ซึ่งมาผ่าตัดแปลงเพศที่กรุงเทพฯ บ้านเรานี่เอง แถมมี “น้องตุ้ม” ปริญญา เกียรติบุษบา เป็นขวัญใจซะด้วย รายนี้สู้อยู่ในรุ่นแบนตัมเวทพอดี
รอนดา เราซีย์ เคยบอกว่านักสู้แปลงเพศนั้นก็มีข้อได้เปรียบอยู่ดี ไม่น่าจะมาสู้กันได้ แต่ล่าสุดเธอออกมายอมรับว่า เมื่อได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก็ยอมรับว่าหลักฐานทางการแพทย์ก็สนับสนุนว่านักสู้แปลงเพศไม่ได้ได้เปรียบนักสู้หญิงในเชิงสรีระร่างกายอีกแล้ว ดังนั้นตอนนี้เธอก็เปิดกว้างขึ้น ไม่แน่อาจมีข่าวออกมาในอีกไม่ช้าก็ได้ ปัญหาเล็กๆ คือ ฟาลลอน ฟอกซ์ นั้นไม่มีสัญญากับ UFC และก็ยังไม่ถึงชั้นจริงๆ ก็คงต้องทำฟอร์มอีกพักใหญ่เหมือนกัน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
