ASTV ผู้จัดการรายวัน – อีกไม่กี่อึดใจจะได้ทราบแล้วว่าใครคือยอดมวยแห่งยุค ในบิ๊กไฟต์ที่ทั้งโลกจับตารอคอย ระหว่าง ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ กำปั้นผู้ไม่เคยแพ้ใคร ปะทะ แมนนี ปาเกียว นักสู้ขวัญใจชาวเอเชีย โดย MGR SPORT อาสารวบรวมนานาทัศนะจากคนในวงการกำปั้นไทย มาให้ได้อ่านกัน เพื่อเป็นการโหมโรงก่อนเสียงระฆังที่ เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ โฮเทล แอนด์ คาสิโน ที่ ลาส เวกัส สหรัฐอเมริกา จะดังขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม นี้ เวลา 11.00น. ตามเวลาไทย
สำหรับสถิติของทั้งคู่ “พริตตีบอย” ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ กำปั้นชาวอเมริกัน วัย 38 ปี ผู้ครองเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นเวลเตอร์เวต(147 ปอนด์) 2 เส้น คือ สภามวยโลก( WBC) และสมาคมมวยโลก (WBA) ข่มคู่ชกเล็กน้อย ด้วยสถิติไร้พ่าย ชนะรวด 47 ไฟต์(น็อค 26 ไฟต์) ขณะที่ “แพ็คแมน” แมนนี ปาเกียว นักชกชาวฟิลิปปินส์ วัย 36 ปี เจ้าของเข็มขัดพิกัดเดียวกันของ องค์กรมวยโลก (WBO) เป็นรอง ชก 64 ไฟต์ ชนะ 57 (น็อค 38 ไฟต์) แพ้ 5 และเสมอ 2
โดยทางฝั่งของอดีตกำปั้นแชมป์โลกชาวไทย อย่าง “ซ้ายทะลวงไส้” เขาทราย แกแล็คซี อดีตแชมป์โลก รุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวต (115 ปอนด์) ของสมาคมมวยโลก (WBA) แสดงทัศนะไฟต์นี้ว่ายกให้ ปาเกียว เป็นต่อ “ผมมองว่าปาเกียวจะเป็นผู้ชนะในไฟต์นี้ และมีสิทธิ์ที่จะน็อคได้ด้วยเช่นกัน เพราะปาเกียวมีหมัดที่หนักกว่ามาก มีความมุ่งมั่นที่จะถล่มคู่ต่อสู้ จึงจะเป็นฝ่ายเดินเข้าใส่แน่นอน ขณะที่ฟลอยด์เป็นมวยตั้งรับแล้วรอโอกาสโต้กลับเมื่อคู่ต่อสู้เหนื่อย แต่ระดับปาเกียวไม่มีทางหมดแรงง่ายๆ ที่สำคัญคือทีเด็ดของปาเกียวคือการเป็นมวยถนัดซ้าย สิ่งนี้จะสร้างความลำบากในการตั้งรับให้กับมวยถนัดขวาอย่างฟลอยด์แน่นอน”
อย่างไรก็ตามด้าน “พยัคฆ์หน้าหยก” สามารถ พยัคฆ์อรุณ อดีตแชมป์โลก รุ่นซูเปอร์แบนตัมเวต (122 ปอนด์) ของสภามวยโลก (WBC) ชู “เดอะ มันนี” มีสิทธิ์ที่จะน็อคคู่ชกได้เลยทีเดียว “ผมเชียร์ฟลอยด์อยู่แล้ว เพราะมีสไตล์การชกคล้ายกัน คืออาศัยชั้นเชิงหลบหลีกหมัดคู่ต่อสู้ ซึ่งแม้ปาเกียวจะเป็นมวยที่มีหมัดหนัก แต่ขณะเดียวกันเขาก็เป็นมวยที่โดนไม่ได้เช่นกัน เหมือนที่เคยเห็นเจ้าตัวโดนน็อคมาแล้ว ผิดกลับฟลอยด์ที่มีการออกหมัดที่คมและเฉียบขาดกว่า หากโยกหลบไปได้เรื่อยๆแล้วฉวยโอกาสปล่อยหมัดดีๆเข้าใส่ก็มีสิทธิ์ที่จะน็อคคู่ชกได้เช่นกัน”
ส่วน เม็ดเงิน กระทิงแดงยิม กำปั้นผู้เคยชนะน็อค “แพ็คแมน” ในยก 3 จนเข็มขัดโลก รุ่นฟลายเวต สภามวยโลก (WBC) กระเด็นจากเอวมาแล้วเมื่อปี 1999 ยกให้อดีตคู่ต่อกรเหนือกว่าหากไม่มีนอกมีใน “ส่วนตัวผมมองว่าหากวัดกันที่ฝีมือล้วนๆ ปาเกียวที่มีสเต็ปเท้าที่ไวและหมัดที่หนัก ยังเหนือกว่าฟลอยด์ซึ่งเป็นมวยช้าอยู่มาก แต่ทั้งนี้ผมไม่รู้ว่ามวยคู่นี้จะมีนอกมีในหรือไม่ เพราะปาเกียวเริ่มที่จะอยู่ในช่วงขาลง จึงอาจเป็นไปได้ที่จะมีการปูทางให้ฟลอยด์เป็นผู้ชนะในไฟต์นี้”
ขณะที่ทางฝั่งของกูรูมวยเมืองไทย ด้าน "สอดสร้อย สาวสังเวียน" สร้อย มั่งมี นักข่าวสายมวยและแฟนพันธุ์แท้มวยโลก ปี 2002 มองว่ากรรมการคือตัวแปรสำคัญของการตัดสินแพ้-ชนะในครั้งนี้ “ทั้งสองคนเป็นมวยต่างสไตล์ แม้ตอนแรกผมจะมองว่าปาเกียวดีกว่า แต่เมื่อใกล้ถึงวันชกอะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะการชกที่ลาสเวกัส ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นถิ่นของการพนัน ที่อาจทำให้เกิดจุดเปลี่ยนของการตัดสิน เพราะตอนนี้การชกของทั้งคู่เป็นมากกว่ากีฬามวยไปแล้ว ดังนั้นหากชกครบ 12 ยกแล้วยังไม่มีใครชนะหรือทำได้จะแจ้งกว่าก็ต้องวัดใจกรรมการแล้วว่าชอบมวยแบบไหนมากกว่ากัน ซึ่งกรรมการบนเวทีอย่าง เคนนี เบย์เลส ก็เป็นชาวอเมริกัน ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงที่ฟลอยด์จะได้เปรียบเล็กน้อย ขณะที่กรรมการให้คะแนนทั้ง 3 คน มี 1 คน คือ เดฟ โมเรตติ ชาวมะกัน ที่เคยให้คะแนนฟลอยด์ชนะขาดมาแล้วในไฟต์ที่ชกกับ มาร์คอส ไมดานา นอกจากนี้ยังต้องวัดกึ๋นของโค้ชด้วย โดยฟลอยด์ที่มีพ่อและอาเป็นเทรนเนอร์ จะสู้ปาเกียวที่มียอดโค้ชอย่าง เฟรดดี โรช เป็นคนวางแผนการชกได้หรือไม่”
ฟาก “เสธ.วีป” พล.อ.ทวีป จันทรโรจน์ อดีตนายกสมาคมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ชี้จุดเปลี่ยนอยู่ที่ความฟิต “ทั้งคู่เป็นยอดฝีมือ แต่ก็เป็นมวยแก่ด้วยกันทั้งคู่ หากชกกันหลายยกก็ต้องขึ้นอยู่ที่ความฟิตแล้วว่าใครจะเหนือกว่ากัน จริงอยู่ที่ว่าปาเกียวเป็นมวยที่ดุดัน หมัดหนัก เดินหน้าไล่ชกคู่ต่อสู้ แต่หากเทียบตอนนี้กับสมัยหนุ่มนั้นเริ่มดร็อปลงไปมาก เห็นได้จากไฟต์หลังๆที่ชนะไม่ค่อยขาด ดังนั้นฝั่งฟลอยด์ที่อาศัยจังหวะและการชกที่รัดกุมกว่า แถมยังป้องกันตัวได้ดี จึงน่าจะมีโอกาสที่จะยืนระยะได้มากยกกว่าและจะเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *