ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - นับตั้งแต่เปิดเผยตัวตนว่าเป็นนีกฬาชาวสีม่วงคนแรกแห่งวงการอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล (NFL) ไมเคิล แซม อดีต ดีเฟนซีฟ เอนด์ ของ เซนต์ หลุยส์ แรมส์ และ ดัลลัส คาวบอยส์ ต้องเผชิญหน้ากับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมและไม่ได้รับโอกาสให้แสดงฝีมือกับทีมใดอีกเลย ทว่าดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้ทุกข์ร้อนและยังใช้ขีวิตอย่างมีความสุขกับบทบาทนอกสนามที่เป็นอยู่ในเวลานี้
การมีชีวิตบนสังคมในฐานะเพศที่สามไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะ อเมริกา แม้จะถูกกล่าวขานว่าเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมเมืองลุงแซมยังคงมีการเหยียดผิว, เชื้อชาติ หรือแม้แต่รสนิยมทางเพศกันให้เห็นเป็นประจำ บ้างก็ถูกกลั่นแกล้งจนเสียผู้เสียคน กดดันจนถึงกับฆ่าตัวตาย หรือเป็นที่เกลียดชังจากคนรอบข้าง ซึ่ง แซม ยอมรับว่าหลังเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงก็ต้องพยายามรับมือกับมรสุมที่ว่าจนทำเอาเกือบเสียศูนย์
แซม วัย 25 ปี ที่ปัจจุบันอยู่ในสถานะ ฟรี เอเยนต์ หลังถูก คาวบอยส์ โละออกจากทีมเพราะไม่มีตำแหน่งว่างให้แสดงฝีมือ เปิดเผยต่อหน้าบรรดานักศึกษาของมหาวิทยาลัย ควินนิเพ็ค ยูนิเวอร์ซิตี หลังถูกเชิญมาพูดบรรยายถึงชีวิตนอกสนามว่า “ตอนนี้ผมอยู่ในช่วงพักซีซัน อย่างที่ทุกคนรู้กันนั่นแหละ ฟุตบอล คือสิ่งที่เยียวยาจิตใจของผม แต่ถ้าถามว่าจะกลับไปเล่นอีกหรือไม่ บอกตามตรงว่ายังไม่คิดถึงเรื่องนั้น”
ย้อนกลับไป 13 เดือนก่อนหน้า ดาวดังจากมหาวิทยาลัยมิสซูรี ถูกยกย่องจากสื่อเรื่องฝีไม้ลายมือในการครองบอลจนถูก เซนต์ หลุยส์ แรมส์ ดราฟต์ตัวไปดูฟอร์ม แม้ไม่ผ่านการคัดเลือกแต่ก็ได้ คาวบอยส์ มาอุ้มชูให้โอกาสเป็นผู้เล่นฝึกหัดอยู่ 7 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม เส้นทางชีวิตที่เกือบจะรุ่งโรจน์ต้องดำดิ่งจากการเปิดเผยว่าเป็นชาวสีม่วง ถึงจะได้รับการสรรเสริญถึงความกล้าหาญจากคนนอกวงการ แต่หลังออกจาก คาวบอยส์ เจ้าตัวก็ยังไม่เป็นที่ต้องการของทีมใด
ดีเฟนซีฟ เอนด์ จาก เท็กซัส แสดงความเป็นตัวเองออกมาแบบไม่แคร์สื่อ ทั้งจูบปากกับ วิโต คัมมิซาโน แฟนหนุ่มที่เคยเป็นอดีตนักกีฬาว่ายน้ำในมหาวิทยาลัยเดียวกันต่อหน้ากล้องถ่ายทอดของ อีเอสพีเอ็น แถมล่าสุดช่วงต้นปีก็ควงคนรักไปเที่ยววิหาร เซนต์ ปีเตอร์ ที่นครรัฐวาติกัน พร้อมกับคุกเข่าขอแต่งงาน ซึ่งเจ้าตัวนั้นยกให้ คัมมิซาโน เป็นชายคนสำคัญและคอยหนุนหลังให้ตนยืนหยัดท่ามกลางสังคมที่ตัดสินคนแค่ภาพลักษณ์และรสนิยมที่แตกต่าง
ชีวิตวัยเด็กของผู้เล่นฝึกหัดในค่าย “ม้าป่า” ไม่สู้ดีนัก แซม เปิดใจว่าสมัยยังเล็กมักถูกพี่ชายรังแกอยู่เสมอ พ่อก็ไม่ใส่ใจ ทำให้ต้องใช้กีฬารวมถึงเพื่อนฝูงที่โรงเรียนและมหาวิทยาลัยเป็นเครื่องเยียวยาความเจ็บปวด ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการให้ใครรับรู้ว่าเรื่องรสนิยมทางเพศเพราะกลัวว่าจะทำให้ชีวิตลำบาก “ถ้าผมเลือกได้ก็ไม่อยากแสดงตัวออกมา แม้ไม่เคยปิดบังหรือหลบซ่อน แต่แผนของผมคือไม่อยากให้เรื่องนี้ออกสู่สาธารณะ”
“ผมถูกจับภาพออกสื่อทุกวันสมัยถูกดราฟท์มาอยู่กับ แรมส์ นั่นทำให้รู้สึกอึดอัด ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง แต่บ่อยเข้าก็พยายามปรับตัวจนในที่สุดพวกเขายอมรับผมในฐานะผู้เล่นคนหนึ่งหลังจบเกมแรกของพรีซีซั่น” แซม เล่าถึงอดีตที่ไม่เคยบอกใครมาก่อน ขณะเดียวก็ต้องรักษาภาพพจน์เพราะรู้ดีว่าจะต้องถูกเพื่อนร่วมทีมกลั่นแกล้งในห้องแต่งตัวแน่หากเผยตัวเองออกไปแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง
แม้ทุกวันนี้ วงการกีฬาคนชนคนยังไม่เปิดพื้นที่อ้าแขนรับ แซม กลับมาแบบเป็นทางการ แต่เจ้าตัวก็เผยไม่รู้สึกเสียใจและต้องการให้ผู้เล่นที่เป็นชาวสีม่วง ลุกขึ้นมาเปิดตัวต่อสาธารณชน เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย “ผมรู้ว่าวงการเอ็นเอฟแอลยังมีผู้เล่นแบบผมซุกซ่อนอยู่และไม่กล้าเผยตัวตน ผมได้รับโทรศัพท์ที่พวกเขาโทรมาระบายความอึดอัดหลายสาย แต่ก็ให้กำลังใจกลับไป”
สุดท้าย แซม ที่เพิ่งไปปรากฏตัวเป็นผู้เข้าประกวดรายการ แดนซิง วิธ เดอะ สตาร์ ซีซันที่ 20 และโชว์ลีลาเท้าไฟบนฟลอร์ให้คนดูอึ้งมาแล้ว กล่าวก่อนจากว่าทุกวันนี้ชีวิตมีความสุขมาก เพราะมีคนที่รักและเข้าใจอยู่เคียงข้างมากมาย จนทำให้รู้สึกว่าแม้ที่ผ่านมาจะเจอมรสุมอะไรมา แต่ก็พร้อมยิ้มรับมันและก้าวต่อไป “เชื่อไหม ผมเคยได้รับอีเมลจากผู้หญิงคนหนึ่ง เธอส่งมาว่าเธอเกลียดผมเพราะผมเป็นเกย์ ผมได้แต่หัวเราะ ว้าว! และตอบกลับไปว่าเสียใจด้วย แต่ผมชอบคุณ”
เรื่องโดย : วัลลภ สวัสดี
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
