ASTV ผู้จัดการรายวัน – กีฬาแบดมินตันในมหกรรม โอลิมปิก ปี 2016 ที่เมือง ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ระหว่างวันที่ 5-21 สิงหาคม จะมีการชิงชัยทั้งสิ้น 5 เหรียญทอง โดยเริ่มนับคะแนนตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2558 ถึง 30 เมษายน 2559 ซึ่งประเภทเดี่ยวแต่ละประเทศจะได้รับสิทธิ์เข้าแข่งขันเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ถ้านักกีฬามีคะแนนสะสมของโลกอยู่ในลำดับที่ 1 – 16 จะได้สิทธิ์เพิ่มอีก 1 คนเป็น 2 คน ส่วนประเภทคู่แต่ละประเทศจะได้รับสิทธิ์เพียงคู่เดียวเท่านั้น แต่ถ้านักกีฬามีคะแนนสะสมของโลกอยู่ในลำดับที่ 1 – 8 ทั้งสองคู่จะมีสิทธิ์ได้ไปแข่งขันเพิ่มอีก 1 คู่
โดยประเภทหญิงเดี่ยวนั้น ไทย ถือว่ามีนักกีฬาฝีมือดีหลายคน ดังนั้นจึงมีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะได้ 2 ที่นั่ง ซึ่งในตารางคะแนนสะสมโลกมีคู่แข่งสำคัญจากจีนที่อยู่ในท็อป 16 อยู่ถึง 4 คน ได้แก่ หลี เสียว เร่ย (1), หวัง ซิ เซียน (2), หวัง ยี ฮาน (5) และ หลู เซิน (11) ทำให้ต้องยกสิทธิ์ในการเข้าแข่งขันให้ชาติอื่นที่มีคะแนนสะสมรองลงมาไปชิงชัยแทน
สำหรับทัพไทยน่าจะการันตี 1 โควต้าจาก “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ ขนไก่สาวมืออันดับ 8 โลก ดังนั้นโอกาสลุ้นตั๋วอีก 1 ใบในประเภทหญิงเดี่ยวในศึก ริโอ เกมส์ ถือว่าน่าจับตาอย่างยิ่ง เพราะยังมี 3 สาวที่จะต้องมาห้ำหั่นกันเองเพื่อให้ได้สิทธิ์มาครอง ได้แก่ “พีช” พรทิพย์ บูรณะประเสริฐสุข อันดับ 20 โลก, “ครีม” บุศนันท์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ อันดับ 21 โลก และ “แน็ต” ณิชชาอร จินดาพล อันดับ 22 โลก
“โค้ชพล” สมพล คูเกษมกิจ ผู้ฝึกสอนแบดมินตันทีมชาติไทย ได้วิเคราะห์ความหวังของไทยในประเภทหญิงเดี่ยวแบบเรียงตัวให้ฟังว่า “ตอนนี้อันดับโลกประเภทหญิงเดี่ยวของเราไม่ทิ้งกันมาก แต่ พรทิพย์ กำลังทำผลงานได้ดีในช่วงต้นปี ดูจะมีโอกาสในการคว้าตั๋วมาครองได้มากที่สุด เพราะจะต้องโกยแต้มเพิ่มได้แน่ แม้ว่า พีช จะไม่เคยมีประสบการณ์ในศึกใหญ่แบบนี้ แต่เจ้าตัวเรียนรู้ที่จะต่อกรจากคู่แข่งที่เป็นเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นจีนหรือญี่ปุ่น มีการทำเกมบุกที่หลากหลาย หากระวังไม่ให้บาดเจ็บก็จะสามารถก้าวมาสร้างความหวังเพิ่มให้ไทยได้”
ขณะที่รายของ บุศนันท์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ ทางด้าน “โค้ชพล” มองว่า “แม้จะอายุน้อยแต่ปีที่ผ่านมาคว้าเหรียญทองแดงในศึก ยูธ โอลิมปิก โดยเอาชนะดาวรุ่งจากชาติคู่แข่งสำคัญมาได้และหลายชาติมีหน้าใหม่ก้าวขึ้นมาติดอยู่บนตารางคะแนนโลก ข้อดีของ ครีม คือมีจิตใจที่แข็งแกร่ง มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่ดีมากๆ เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับนักกีฬาที่ต้องพัฒนาทั้งเรื่องร่างกาย และฝีมือไปพร้อมๆกัน ตนมั่นใจว่ามีแววที่จะพัฒนาขึ้นมาเบียดคว้าตั๋วโอลิมปิกได้เช่นกัน แต่ต้องปรับปรุงทั้งในเรื่องความแข็งแรงของร่างกาย จิตใจที่จะต้องนิ่งไม่ตื่นเต้นหรือเกร็งเวลาที่เกมคู่คี่สูสีมากๆ รวมไปถึงการตีลูกต้องแม่นยำ แน่นอนกว่านี้อีก และที่สำคัญสุดๆ ว่าจะผ่านขึ้นชั้นไปได้หรือไม่ก็คือประสบการณ์ในการตีลูกแก้ไขสถานการณ์ระหว่างเกมการแข่งขัน ที่จุดนี้จะต้องใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในสนามแข่งขันอีกมากพอสมควร ต้องถือว่าวงการแบดขนไก่บ้านเราในประเภทหญิงเดี่ยวโชคดีมากๆ ที่มีนักกีฬาฝีมือดีอยู่ในระดับโลกพร้อมกันหลายคน”
พร้อมกันนี้โค้ชขนไก่ยังกล่าวถึงแคนดิเดตสุดท้ายอย่าง ณิชชาอร จินดาพล ว่า “ที่ผลงานอาจจะดร็อปลงไปในช่วงท้ายฤดูกาลที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากอาการบาดเจ็บที่หลัง แต่ตอนนี้อาการดีขึ้นพร้อมที่จะไต่อันดับขึ้นมาใหม่ แม้จะยังต้องปรับเรื่องการเคลื่อนไหวอีกพอสมควร เพราะ แน็ต จะสลับเล่นเกมบุกและรับได้ไม่ดีพอ แต่มีการวิเคราะห์เกมที่น่ายกย่อง อ่านจุดอ่อนของคู่แข่งได้เร็ว ทำให้เหนือชั้นกว่าคู่แข่งหลายชาติ ถือเป็นข้อดีที่จะช่วยให้เจ้าตัวทะยานขึ้นมาเป็นความหวังได้อีกเช่นกัน”
ส่วนของ “น้องเมย์” ความหวังสูงสุดของไทยที่จะคว้าเหรียญ โอลิมปิก โดยมีดีกรีแชมป์โลก แม้ว่าจะได้ไปค่อนข้างแน่ แต่ “โค้ชพล” สมพล ก็แนะนำให้ไต่อันดับโลกขึ้นไปอีก เพื่อให้อยู่ในสายที่ไม่หนักมากในศึก ริโอ เกมส์ “น้องเมย์ ยังมีเรื่องน่าห่วงคืออาการบาดเจ็บที่รุมเร้า เพราะช่วงต้นปีเจ้าตัวต้องเล่นในลีกจีน อินโดฯ และแข่งรายการที่กำหนดของสหพันธ์แบดมินตัน แต่ก็ให้เจ้าตัวได้เผชิญหน้ากับคู่แข่งสำคัญและพัฒนาได้ดีขึ้น แม้ว่าเรื่องอันดับโลกจะไม่ค่อยน่าเป็นห่วง แต่เจ้าตัวจะต้องเร่งไต่อันดับเพื่อให้ขึ้นไปเป็นมือวางในสายบน และไม่ต้องเจองานหนักมากนัก ซึ่งสมาคมตั้งเป้าว่าเมย์จะเป็นความหวังเหรียญใดเหรียญหนึ่งในโอลิมปิกได้อย่างแน่นอน”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *