“ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านถล่ม “เดอะ คลาเร็ตส์” เบิร์นลีย์ 3-1 จากการเหมา 2 ประตูของ คริส สมอลลิง และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี สังหารจุดโทษท้ายเกม เมื่อคืนวันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กลับมารั้งอันดับ 3 ของตาราง พรีเมียร์ ลีก เช่นเดิม
ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 เบิร์นลีย์
หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดทัพระบบ 4-4-2 ไดมอนด์ วาง โรบิน ฟาน เพอร์ซี จับคู่ ราดาเมล ฟัลเกา ล่าตาข่าย แดนกลางส่ง เวย์น รูนีย์, อังเคล ดิ มาเรีย และ อัดนาน ยานูซาจ์ ปั้นเกมรุก เปิดรัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้อนรับ เบิร์นลีย์ ที่กำลังหนีการตกชั้น
เสียงนกหวีดดังขึ้นเพียง 6 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกนำก่อน โรบิน ฟาน เพอร์ซี โหม่งเสยลูกเตะมุมกราบซ้ายมาทางเสาสอง ราดาเมล ฟัลเกา โขกตั้งกลับไปให้ คริส สมอลลิง ตัวสำรอง โหม่งจ่อๆ ตุงตาข่าย ถัดมา 3 นาที เบิร์นลีย์ หวิดทวงคืนทันควัน แดนนี อิงส์ พลิกตวัดจ่ายมาทางซ้ายให้ ไมเคิล ไคท์ลี หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษ แล้วแปมุมแคบติดเซฟ ดาบิด เด เคอา
อย่างไรก็ตาม ทีมเยือน ตีเสมอได้สำเร็จนาที 12 แนวรับ ยูไนเต็ด เคลียร์บอลไม่ขาด คีแรน ทริปเปียร์ ทะลุมารับบอลทางกราบขวา แล้วโยนเข้ากลาง แดนนี อิงส์ ทิ้งตัวโหม่งจ่อๆ ไม่พลาด ทีมของ ชอน ไดช์ เริ่มคึกคัก บุกกดดันอย่างต่อเนื่อง นาที 18 อิงส์ เปิดจากขวาย้อนมาตรงหัวกะโหลก แอชลีย์ บาร์นส บรรจงปั่นไซด์โป้งด้วยเท้าขวา หลุดกรอบนิดเดียว
พลพรรค “ปิศาจแดง” เล่นผิดฟอร์มอย่างชัดเจน จ่ายบอลเสียกันไปหมด แถมแดนหน้าเก็บบอลไม่อยู่จนตั้งเกมบุกแทบไม่ขึ้น แต่ยังฉวยโอกาสขึ้นนำอีกครั้ง ช่วงทดเจ็บ จากลูกเตะมุมสั้นทางกราบขวา อังเคล ดิ มาเรีย ทำชิ่งกับ เวย์น รูนียฺ์ ก่อนตั้งป้อมโยนมาเสาสอง คริส สมอลลิง โขกตุงตาข่าย ครบ 45 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำ 2-1
ครึ่งหลังเปิดฉากมาเพียง 2 นาที “เดอะ คลาเร็ตส์” น่าตีเสมอแบบสุดๆ จอร์จ บอยด์ สอดทะลุรับบอลชิ่งจังหวะเดียวทางเขตโทษด้านขวา แล้วตบเข้ากลาง คริส สมอลลิง กับ อันเดร์ เฮร์เรรา เข้าสกัดจั่วลม หลุดมาถึง แดนนี อิงส์ ยิงจ่อๆ ติดเซฟ ดาบิด เด เคอา จากนั้นรูปเกม แมนฯ ยูไนเต็ด ดีขึ้นตามลำดับ แต่ก็ไม่มีช็อตหวาดเสียวเกิดขึ้น
แชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ 20 สมัย ทิ้งห่างนาที 81 จากเกมสวนกลับ อังเคล ดิ มาเรีย กระชากเข้าเขตโทษด้านซ้าย แล้วถูก สกอตต์ อาร์ฟิลด์ กระแทกล้มลง ผู้ตัดสินชี้จุดโทษ โรบิน ฟาน เพอร์ซี สังหารไม่พลาด ถัดมา 7 นาที แพดดี แม็คแนร์ หลุดมาทางกราบขวาถึงสุดเส้นหลัง จ่ายย้อนมาให้ ดิ มาเรีย ตั้งป้อมกดด้วยซ้าย ทอม ฮีตัน นายทวาร ทุบมาเข้าทาง อัดนาน ยานูซาจ์ ยิงซ้ำ เจสัน แช็คเคลล์ สกัดบนเส้น จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะไป 3-1 เก็บเพิ่มเป็น 47 แต้ม จาก 25 นัด
รายชื่อ 11 ตัวจริง
แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา , ฟิล โจนส์ , มาร์กอส โรโฮ , โจนาธาน อีแวนส์ , แพดดี แม็คแนร์ , อังเคล ดิ มาเรีย , เวย์น รูนีย์ , อัดนาน ยานูซาจ์ , เดลีย์ บลินด์ , ราดาเมล ฟัลเกา , โรบิน ฟาน เพอร์ซี
เบิร์นลีย์ : ทอม ฮีตัน , คีแรน ทริปเปียร์ , เจสัน แช็คเกลล์ , เบนจามิน มี , ไมเคิล คีน , ไมเคิล ไคท์ลีย์ , เดวิด โจนส์ , จอร์จ บอยด์ , สกอตต์ อาร์ฟิลด์ , แดนนี อิงส์ , แอชลีย์ บาร์นส
ผลฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ประจำวันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์
เชลซี 1-0 เอฟเวอร์ตัน
[1-0 วิลเลียน น.89]
เซาแธมป์ตัน 0-0 เวสต์แฮม
สโต๊ก 1-4 แมนฯ ซิตี
[0-1 เซร์คิโอ อกูเอโร น.33 , 1-1 ปีเตอร์ เคราช์ น.38 , 1-2 เจมส์ มิลเนอร์ น.55 , 1-3 เซร์คิโอ อกูเอโร (จุดโทษ) น.70 , 1-4 ซาเมียร์ นาสรี น.76]
คริสตัล พาเลซ 1-1 นิวคาสเซิล
[0-1 ปาปิสส์ เดมบา ซิสเซ น.42 , 1-1 เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ น.71]
เวสต์บรอมฯ 2-0 สวอนซี
[1-0 อิดิเย บราวน์ น.60 , 2-0 ไซโด เบราฮิโน น.74]
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 เบิร์นลีย์
หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดทัพระบบ 4-4-2 ไดมอนด์ วาง โรบิน ฟาน เพอร์ซี จับคู่ ราดาเมล ฟัลเกา ล่าตาข่าย แดนกลางส่ง เวย์น รูนีย์, อังเคล ดิ มาเรีย และ อัดนาน ยานูซาจ์ ปั้นเกมรุก เปิดรัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้อนรับ เบิร์นลีย์ ที่กำลังหนีการตกชั้น
เสียงนกหวีดดังขึ้นเพียง 6 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกนำก่อน โรบิน ฟาน เพอร์ซี โหม่งเสยลูกเตะมุมกราบซ้ายมาทางเสาสอง ราดาเมล ฟัลเกา โขกตั้งกลับไปให้ คริส สมอลลิง ตัวสำรอง โหม่งจ่อๆ ตุงตาข่าย ถัดมา 3 นาที เบิร์นลีย์ หวิดทวงคืนทันควัน แดนนี อิงส์ พลิกตวัดจ่ายมาทางซ้ายให้ ไมเคิล ไคท์ลี หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษ แล้วแปมุมแคบติดเซฟ ดาบิด เด เคอา
อย่างไรก็ตาม ทีมเยือน ตีเสมอได้สำเร็จนาที 12 แนวรับ ยูไนเต็ด เคลียร์บอลไม่ขาด คีแรน ทริปเปียร์ ทะลุมารับบอลทางกราบขวา แล้วโยนเข้ากลาง แดนนี อิงส์ ทิ้งตัวโหม่งจ่อๆ ไม่พลาด ทีมของ ชอน ไดช์ เริ่มคึกคัก บุกกดดันอย่างต่อเนื่อง นาที 18 อิงส์ เปิดจากขวาย้อนมาตรงหัวกะโหลก แอชลีย์ บาร์นส บรรจงปั่นไซด์โป้งด้วยเท้าขวา หลุดกรอบนิดเดียว
พลพรรค “ปิศาจแดง” เล่นผิดฟอร์มอย่างชัดเจน จ่ายบอลเสียกันไปหมด แถมแดนหน้าเก็บบอลไม่อยู่จนตั้งเกมบุกแทบไม่ขึ้น แต่ยังฉวยโอกาสขึ้นนำอีกครั้ง ช่วงทดเจ็บ จากลูกเตะมุมสั้นทางกราบขวา อังเคล ดิ มาเรีย ทำชิ่งกับ เวย์น รูนียฺ์ ก่อนตั้งป้อมโยนมาเสาสอง คริส สมอลลิง โขกตุงตาข่าย ครบ 45 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำ 2-1
ครึ่งหลังเปิดฉากมาเพียง 2 นาที “เดอะ คลาเร็ตส์” น่าตีเสมอแบบสุดๆ จอร์จ บอยด์ สอดทะลุรับบอลชิ่งจังหวะเดียวทางเขตโทษด้านขวา แล้วตบเข้ากลาง คริส สมอลลิง กับ อันเดร์ เฮร์เรรา เข้าสกัดจั่วลม หลุดมาถึง แดนนี อิงส์ ยิงจ่อๆ ติดเซฟ ดาบิด เด เคอา จากนั้นรูปเกม แมนฯ ยูไนเต็ด ดีขึ้นตามลำดับ แต่ก็ไม่มีช็อตหวาดเสียวเกิดขึ้น
แชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ 20 สมัย ทิ้งห่างนาที 81 จากเกมสวนกลับ อังเคล ดิ มาเรีย กระชากเข้าเขตโทษด้านซ้าย แล้วถูก สกอตต์ อาร์ฟิลด์ กระแทกล้มลง ผู้ตัดสินชี้จุดโทษ โรบิน ฟาน เพอร์ซี สังหารไม่พลาด ถัดมา 7 นาที แพดดี แม็คแนร์ หลุดมาทางกราบขวาถึงสุดเส้นหลัง จ่ายย้อนมาให้ ดิ มาเรีย ตั้งป้อมกดด้วยซ้าย ทอม ฮีตัน นายทวาร ทุบมาเข้าทาง อัดนาน ยานูซาจ์ ยิงซ้ำ เจสัน แช็คเคลล์ สกัดบนเส้น จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะไป 3-1 เก็บเพิ่มเป็น 47 แต้ม จาก 25 นัด
รายชื่อ 11 ตัวจริง
แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา , ฟิล โจนส์ , มาร์กอส โรโฮ , โจนาธาน อีแวนส์ , แพดดี แม็คแนร์ , อังเคล ดิ มาเรีย , เวย์น รูนีย์ , อัดนาน ยานูซาจ์ , เดลีย์ บลินด์ , ราดาเมล ฟัลเกา , โรบิน ฟาน เพอร์ซี
เบิร์นลีย์ : ทอม ฮีตัน , คีแรน ทริปเปียร์ , เจสัน แช็คเกลล์ , เบนจามิน มี , ไมเคิล คีน , ไมเคิล ไคท์ลีย์ , เดวิด โจนส์ , จอร์จ บอยด์ , สกอตต์ อาร์ฟิลด์ , แดนนี อิงส์ , แอชลีย์ บาร์นส
ผลฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ประจำวันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์
เชลซี 1-0 เอฟเวอร์ตัน
[1-0 วิลเลียน น.89]
เซาแธมป์ตัน 0-0 เวสต์แฮม
สโต๊ก 1-4 แมนฯ ซิตี
[0-1 เซร์คิโอ อกูเอโร น.33 , 1-1 ปีเตอร์ เคราช์ น.38 , 1-2 เจมส์ มิลเนอร์ น.55 , 1-3 เซร์คิโอ อกูเอโร (จุดโทษ) น.70 , 1-4 ซาเมียร์ นาสรี น.76]
คริสตัล พาเลซ 1-1 นิวคาสเซิล
[0-1 ปาปิสส์ เดมบา ซิสเซ น.42 , 1-1 เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ น.71]
เวสต์บรอมฯ 2-0 สวอนซี
[1-0 อิดิเย บราวน์ น.60 , 2-0 ไซโด เบราฮิโน น.74]
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
