นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ปิดฉากการรอคอย 10 ปี เอาชนะ ซีแอตเทิล ซีฮอวฺ์คส 28-24 จากการขว้าง 4 ทัชดาวน์ของ ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ็กตัวเก่ง คว้าแชมป์ศึก อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตามวัน-เวลาประเทศไทย
ศึก "ซูเปอร์ โบว์ล" ครั้งที่ 49 ณ สนาม ยูนิเวอร์ซิตี ออฟ ฟีนิกซ์ สเตเดียม เมืองเกลนเดล มลรัฐอริโซนา นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ แชมป์สาย เอเอฟซี (AFC) นำโดย ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ็ก ที่หมายมั่นปั้นมือ คว้าแชมป์ 4 สมัย ทาบสถิติตำนานอย่าง โจ มอนทานา กับ เทอร์รี แบรดชอว์ ลงสนามพบ ซีแอตเทิล ซีฮอว์คส ซึ่งหวังจะเบิ้ลโทรฟี "วินซ์ ลอมบาร์ดี" ทีมแรกนับตั้งแต่ปี 2005
เปิดฉากคิกออฟ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ที่ครองบอลบุกก่อน อาศัยการขว้างสั้นรุกคืบมาเรื่อยๆ จนถึงเขต "เรด โซน (หลังเส้น 20 หลาแดนคู่แข่ง)" ช่วงท้ายควอเตอร์แรก ทว่า ทอม เบรดี กลับเสียอินเทอร์เซ็ปต์ใน เอนด์ โซน ก่อนแก้ตัวสำเร็จไดรฟ์ถัดมา ด้วยการขว้างออกทางซ้ายให้ แบรนดอน ลาเฟลล์ ปีกนอก ปิดสกอร์ระยะ 11 หลา ขึ้นนำ 7-0 ช่วงต้นควอเตอร์ 2
ซีแอตเทิล ซีฮอว์คส ฝืดอยู่นาน รัสเซลล์ วิลสัน ควอเตอร์แบ็กส่วนสูง 5 ฟุต 11 นิ้ว (180 เซนติเมตร) แผลงฤทธิ์บ้างบอมบ์ยาวระยะ 44 หลาเข้ามือ คริส แม็ทธิวส์ บุกมาถึงเส้น 11 หลา (แดน แพทริออตส์) แล้วยัดบอลใส่มือ มาร์ชอว์น ลินช์ รันนิงแบ็กคู่หู ตะลุยเข้าเอนด์โซน ตีเสมอ 7-7 ต่อมา "แพทส์แมน" ตอบโต้ทันควัน เบรดี ขว้างย้อยๆ เข้ามือ ร็อบ กรอนคอฟสกี ปีกในคู่หู รับทัชดาวน์ระยะ 22 หลา ขยับหนี 14-7 ช่วง 31 วินาทีสุดท้าย
ด้วยเวลาที่เหลือเพียงน้อยนิด แชมป์เก่า ซึ่งเริ่มบุกตั้งแต่เส้น 20 หลา แดนตัวเอง สร้าง "บิ๊กเพลย์" 3 ครั้ง จาก โรเบิร์ต เทอร์บิน รันนิงแบ็ก ทะลวงระยะ 19 หลา , รัสเซลล์ วิลสัน ถือบอลวิ่งระยะ 17 หลา ก่อนจะขว้างระยะ 23 หลา เข้ามือ ริคคาร์โด ล็อคเก็ตต์ แถมโทษดึงหน้ากากของ คายล์ แอร์ริงตัน อีก 11 หลา และปิดท้ายด้วยการขว้างออกทางมุมซ้ายให้ คริส แม็ทธิวส์ รับทัชดาวน์ระยะ 11 หลา จบครึ่งแรก เสมอกัน 14-14
ช่วง "ฮาล์ฟ ไทม์ โชว์" ทางฝ่ายจัดการแข่งขัน อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) คัดเลือก เคที เพอร์รี ป็อปสตาร์สาวซ่า พร้อมกับ เลนนี คราวิตซ์ กับ มิสซี เอลเลียตต์ 2 แขกรับเชิญ มอบความบันเทิงแก่แฟนๆ คนชนคน
เริ่มต้นครึ่งหลัง ซีฮอว์คส แซงนำครั้งแรกของเกม หลังได้ คริส แม็ทธิวส์ ปีกนอกสัดส่วน 6 ฟุต 5 นิ้ว (196 เซนติเมตร) รับบอลระยะ 45 หลา เข้ามาเขต "เรด โซน (ภายในเส้น 20 หลาแดนคู่แข่ง)" และปิดไดรฟ์การบุกโดย สตีเวน ฮอสชกา เตะฟิลด์โกล ระยะ 27 หลา แซงนำ 17-14 ถัดมา ทีมรับ "เหยี่ยวทะเล" เริ่มสร้างความกดดันแก่ เบรดี จนเสียอินเทอร์เซ็ปต์ที่ 2
ผลพวงจากความผิดพลาด ทำเอา "นักรบกู้ชาติ" ตกที่นั่งลำบาก เจอ วิลสัน อาศัยเกมรุกทางอากาศสลับภาคพื้นดิน ก่อนเช็กบิลด้วยการปาบอลระยะ 3 หลา ออกทางมุมขวาเข้ามือ ดัก บัลด์วิน ปีกนอก ทิ้งห่าง 24-14 แถม ทีมบุก เกิดช็อตขึ้นมาดื้อๆ ก่อนจะจบควอเตอร์ 3 ด้วยสกอร์ดังกล่าว
เข้าสู่ควอเตอร์ที่ 4 ทีมของ บิลล์ เบลิชิก จุดประกายความหวัง เน้นทำระยะจากการขว้างสั้นมาถึงเส้น 3 หลา ก่อน เบรดี จะขว้างเจาะตรงกลางเข้ามือ แดนนี อเมนโดลา ปีกนอก ตีตื้น21-24 และพลิกขึ้นนำอีกครั้ง หลัง จอมทัพวัย 37 ปี ขว้างทัชดาวน์ที่ 4 ของตัวเอง แก่ จูเลียน อีเดลแมน ช่วง 2:02 นาทีสุดท้ายของเกม
ทีมของ พีท แคร์โรลล์ ยังไม่ถอดใจ เปิดฉากไดรฟ์การบุกก่อนถึงการเตือน 2 นาที บอมบ์ยาว 31 หลา ออกทางซ้ายย้อยเข้ามือ มาร์ชอว์น ลินช์ รันนิงแบ็ก ก่อนจะเกิดเพลย์ปาฏิหาริย์ วิลสัน ขว้างยาว 33 หลามาทางขวา เจอร์เมน เคิร์ส กระโดดแย่งกับตัวประกบล้มลงกับพื้น แต่บอลยังกระดอนมาเข้ามือ เจอร์เมน เคิร์ส ทว่าถัดมา มัลคอล์ม บัตเลอร์ สวมบทฮีโร่ โฉบตัดหน้า ริคคาร์โด ล็อคเก็ตต์ อินเทอร์เซ็ปต์บอลในเอนด์โซน 20 วินาทีสุดท้าย
เกมเดือดขึ้นเล็กน้อย เมื่อผู้เล่น ซีฮอว์คส พยายามเอาบอลคืนไม่ให้คู่แข่งคุกเข่าฆ่าเวลาจนเกิดเหตุวิวาท จบเกม นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ เอาชนะไปแบบหวุดหวิด 28-24 คว้าแชมป์สมัยที่ 4 ในประวัติศาสตร์แฟรนไชส์ และเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2005
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
