เอเยนซี – ทัวร์นาเมนต์แรลลีเก่าแก่และหฤโหดที่สุดของวงการมอเตอร์สปอร์ต ดาการ์ ครั้งที่ 36 เปิดฉากไปแล้วเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา โดยปีนี้เส้นทางยังคงวนเวียนอยู่แถบอเมริกาใต้ตามเดิมทั้ง อาร์เจนตินา, ชิลี และ โบลิเวีย เช่นเดียวกับแชมป์เก่าประเภทรถยนต์ มินิ คืนสังเวียนทะเลทรายลุ้นป้องกันตำแหน่งท่ามกลางคู่แข่งที่รอขัดขวาง โดยเฉพาะการปรากฏตัวของ เปอโยต์ ทีมซิ่งสัญชาติฝรั่งเศส ที่หมายมั่นปั้นมือทวงบัลลังก์กลับมาให้ได้ หลังห่างหายจากสังเวียนมานาน 25 ปี
ศึกชิงเจ้าความเร็วบนทะเลทรายอันร้อนระอุของดินแดนอเมริกาใต้ ปี 2015 ออกตัวสเตจแรกที่ บัวโนส ไอเรส อาร์เจนตินา แล้ววนไปตามเมืองของแต่ละประเทศทั้ง ชิลี และ โบลิเวีย ก่อนมาบรรจบที่เดิมในสเตจสุดท้าย วันที่ 17 มกราคม รวมระยะทางทั้งสิ้นกว่า 9,200 กม. ทั้งประเภทรถยนต์, รถจักรยานยนต์, รถควอท และรถบรรทุก ที่ส่งลงชิงชัยกันทั้งหมด 406 คัน นำโดย มินิ เจ้าพ่อทัวร์นาเมนต์ที่มี นาสเซอร์ อัล อัตติยาห์ นักขับจาก กาตาร์ เป็นมือความหวังและประเดิมแชมป์สนามแรกไปแล้ว
ดูจากหน้าเสื่อ ทีมแข่งสัญชาติอังกฤษ มีโอกาสทำแฮททริกแชมป์ประเภทรถยนต์ 3 ปีซ้อน ทว่างวดนี้มีคู่ต่อสู้ปรากฏตัวเพิ่มขึ้นมานั่นคือ เปอโยต์ อดีตทีมชั้นนำของวงการที่กระโดดคืนสังเวียนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ลงแข่งครั้งสุดท้ายเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ก่อนเบนเข็มไปแข่งรายการอื่นตามนโยบายผู้บริหาร จนกระทั่งตัดสินใจกลับมาลุยทะเลทรายอีกรอบพร้อมกับรถ เปอโยต์ ดีเคอาร์ ปี 2008 ที่ปรับปรุงใหม่ให้พร้อมสำหรับการขับบนทุกสภาพพื้นผิวถนน
ขณะเดียวกัน อีกสิ่งที่ยืนยันได้ว่าอดีตทีมแชมป์โลก 4 สมัยซ้อน (1987-1990) ต้องการความสำเร็จแบบเร่งด่วน นั่นคือการเซ็นสัญญากับ สเตฟาน ปีเตอร์อองเซล แชมป์โลกประเภทรถยนต์ 5 สมัยชาวฝรั่งเศส ที่เพิ่งหมดสัญญากับ มินิ มาเป็นนักขับหัวหอก พร้อม 2 สมาชิก คือ ซีริล เดสเพรส ที่ถอนตัวจากอานมอเตอร์ไซค์มาขับรถใหญ่เป็นครั้งแรก กับ คาร์ลอส เซนส์ ซีเนียร์ อดีตแชมป์ของ โฟล์คสวาเกน นับเป็นสุดยอดไลน์อัพก็ว่าได้เพราะทุกคนต่างก็มีแชมป์โลก ดาการ์ ติดไม้ติดมือรวมกันถึง 17 สมัย
โดย ปีเตอร์อองเซล วัย 49 ปี ที่ยังไม่หมดไฟในการซิ่ง กล่าวถึงความท้าทายครั้งใหม่ในการไล่ล่าโทรฟีกับต้นสังกัดจากบ้านเกิดว่า “มันไม่ง่ายนักที่คุณจะปรับตัวให้เข้ากับรถคันใหม่ที่ไม่คุ้นเคยภายใต้ความกดดันทุกครั้งที่ลงสนาม แต่ยังมุ่งมั่นและทะเยอะทะยานอยู่เสมอ ผมผ่านประสบการณ์แข่งบนทะเลทรายมาอย่างโชกโชนทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไบค์ และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องมุ่งสมาธิเพื่อจดจ่ออยู่กับมันเพื่อเริ่มสร้างความสำเร็จครั้งใหม่”
ด้าน บรูโน ฟามิน ทีมบอสของ เปอโยต์ เผยบ้างว่าแม้ทางต้นสังกัดจะห่างหายจากการส่งทีมลงแข่งตั้งแต่ปี 1990 แต่ยืนยันไม่ได้มาเพื่อเป็นทางผ่านให้ทีมใดแน่ “เราพร้อมแล้วสำหรับการคืนสังเวียน รถของเราทุกคันที่ส่งลงสนามไม่ได้มีดีแค่ชื่อชั้น แต่มีศักยภาพมากพอที่จะพานักขับของเราขึ้นโพเดียมทุกสนาม ขณะเดียวกันผมยังเชื่อว่าประสบการณ์ของนักขับทุกคนจะเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ เปอโยต์ มีลุ้นตำแหน่งสิงห์ทะเลทรายในปีนี้”
ส่วนฟากรถจักรยานยนต์ มาร์ค โคมา แชมป์เก่าชาวสเปน จากค่าย เคทีเอ็ม เรด บูลล์ ถูกจับตามองว่าน่าจะป้องกันแชมป์ 2 ล้อไว้ได้อีกรอบ หลังเสี้ยนหนามอย่าง ซีริล เดสเพรส ย้ายไปขับรถใหญ่กับ เปอโยต์ ไปแล้ว ซึ่งสเตจแรกเจ้าตัวก็ทำได้ดีขึ้นโพเดียมอันดับ 3 โดยที่แชมป์นั้นเป็นของ แซม ซันเดอร์แลนด์ เพื่อนร่วมทีมเดียวกันจากอังกฤษ ทว่ายังมีเวลาอีกเหลือเฟือจนกว่าจะถึงสเตจสุดท้าย อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ เช่นเดียวกับ เปอโยต์ ที่เข้าเส้นชัยอันดับ 8 จากรถของ คาร์ลอส เซนส์ ซีเนียร์
สำหรับ แรลลี ดาการ์ แม้ความนิยมจะเริ่มถดถอยไปเรื่อยๆ นับตั้งแต่การถอนตัวของทีมมอเตอร์สปอร์ตอย่าง นิสสัน, บีเอ็มดับเบิลยู แถมจำนวนผู้เข้าแข่งขันลดลงเนื่องจากเป็นทัวร์นาเมนต์ที่อันตรายถึงชีวิตหากนักขับไม่แกร่งพอทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ก็ยังมีสเน่ห์ให้คอความเร็วที่หลงใหลได้ติดตามกันเหมือนเดิม โดยเฉพาะการวางแผนของแต่ละทีมที่ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อพารถของตัวเองขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดให้ได้ ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายสักเพียงใดก็ตาม
สำหรับผลสเตจแรกที่ผ่านพ้นไปเส้นทางจากกรุง บูเอโนส ไอเรส ถึง วิลลา คาร์ลอส ปาซ ระยะทางรวม 833 กิโลเมตร ปรากฎว่า นาสเซอร์ อัล-อัตติยาห์ นักซิ่งชาวกาตาร์สังกัดทีม มินิ ซึ่งเคยคว้าแชมป์รายการนี้ ปี 2011 ครองแชมป์สเตจแรก พร้อมยึดผู้นำเวลารวม 1 ชั่วโมง 12 นาที 50 วินาที เร็วกว่าอันดับ 2 ออร์แลนโด เตร์ราโนวา นักขับเจ้าถิ่นของ มินิ และอันดับ 3 ร็อบบี กอร์ดอน จากทีม กอร์ดินี 22 วินาที และ 1 นาที 4 วินาที ตามลำดับ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *