ASTV ผู้จัดการรายวัน - “เอเชียน เกมส์” ครั้งที่ 17 ณ เกาหลีใต้ ปิดฉากอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2557 จีน ยึดความเป็นมหาอำนาจด้วยผลงาน 151 เหรียญทอง 108 เหรียญเงินและ 83 เหรียญทองแดง ซึ่งตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพรวมถือว่ามาตรฐานนักกีฬาเอเชียยกระดับขึ้นมาจนเห็นแสงสว่างรออยู่เบื้องทศวรรษหน้า พิสูจน์จากสถิติโลกที่ผุดขึ้นอย่างมากมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อมองย้อนมาที่ ไทย แม้จะคว้าเหรียญทองได้มากกว่าครั้งก่อน แต่เหมือนกลับมามีการบ้านให้ต้องทำอีกมากมาย
อนาคตวงการกีฬาเอเชียเหมือนดอกกุหลาบแรกแย้มพร้อมสีสันสดใส ประหนึ่งลมกำลังเปลี่ยนทิศจากยุโรปและอเมริกาเหนือมายังแถบตะวันออก จากนี้เกาหลีใต้ก็จะเป็นเจ้าภาพ โอลิมปิก ฤดูกาลหนาวที่ เปียงชาง ปี 2018 ตามมาด้วย 2 ปีถัดมา ญี่ปุ่น ก็จะเป็นจัด โอลิมปิก ตามด้วย กาตาร์ จะรับหน้าเสื่อฟุตบอลโลก 2022 แม้ว่าตอนนี้จะยังคงมีปัญหาคาราคาซังเกี่ยวกับการรับมือสภาพอากาศที่ร้อนระอุ รวมถึงถูกสอบสวนเกี่ยวกับกรณีทุจริตโหวตเลือกภายใน สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) จากนั้น จีน กับ คาซักสถาน ก็น่าจะอยู่ในข่ายถูกเลือกเป็นเจ้าภาพ โอลิมปิก ฤดูหนาว ทำให้เอเชียมีเวทีระดับโลกให้ทดสอบฝีไม้ลายมืออีกมากมายช่วง 10 ปีนับจากนี้ ไม่เพียงแค่นั้นวงการกีฬาก็จะเป็นเครื่องมือช่วยพัฒนาเรื่องเศรษฐกิจภูมิภาคนี้ให้ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว
ชีค อาหมัด อัล-ฟาฮัด อัล-ชาบาห์ ประธานโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) เผยว่า “เอเชียน เกมส์ ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่ดีในภาพรวม เราเหมือนเป็นโอลิมปิกแห่งเอเชียก็ว่าได้ ทุกคนพอใจกับความสำเร็จที่เกิดขึ้น พร้อมๆ กับความกระตือรือร้นที่จะยกระดับให้ดีขึ้นมากกว่านี้อีกในอนาคต”
เอเชียน เกมส์ 2010 จีน ทำ 199 เหรียญทอง ส่วนที่ อินชอน เก็บไปน้อยกว่าคือ 151 เหรียญทองจากทั้งหมด 439 เหรียญทอง โดย 5 อันดับแรก ประกอบไปด้วย จีน, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, คาซักสถาน และ อิหร่าน ทั้งหมดติดท็อป 20 ลอนดอน เกมส์ 2012 หมายความว่าเอเชียสามารถตอบสนองมาตรฐานระดับสากลได้เป็นอย่างดี รวมถึงพร้อมแล้วที่จะเขย่าเวที ริโอ เดอ จาเนโร ปี 2016
อินชอน เกมส์ หนนี้มีสถิติโลกเกิดขึ้นถึง 14 ครั้ง โดยมีการสร้างสถิติเอเชียใหม่อีก 27 ครั้ง ยุนชอล อึม ของเกาหลีเหนือ คือผู้เล่นคนแรกที่ทำลายสถิติโลกยกน้ำหนักรุ่น 56 กิโลกรัมชาย เมื่อวันที่ 20 กันยายานที่ผ่านมา คือท่า คลีน แอนด์ เจิร์ก 170 กิโลกรัม นอกจากนี้ ยังมีกีฬายิงปืนอีก ส่วน เกาหลีเหนือ ที่เดิมทีขู่จะคว่ำบาตรด้วยเหตุผลด้านการเมือง แต่ผลงานสุดประทับใจ 11 เหรียญทอง ครั้งที่แล้วได้มาเพียง 6 เหรียญทอง ส่วน โอลิมปิก เมื่อ 2 ปีก่อนได้มาถึง 4 เหรียญทอง
ไทย จบที่ 6 คว้า 12 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน และ 28 เหรียญทองแดงจากทั้งหมด 43 ชาติ ผิวเผินถือว่าดีกว่า 4 ปีก่อนที่จบอันดับ 9 ผลงาน 11 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน และ 32 เหรียญทองแดง แต่เจาะลึกลงไปถือว่าน่าผิดหวัง เพราะหนนี้ส่วนใหญ่เหรียญทองมาจากหลายชนิดกีฬาที่ไม่คาดหวังอย่าง โบว์ลิง และ จักรยาน ส่วนที่ได้ตามมาตรฐาน 4 เหรียญทอง คือ ตะกร้อ ด้านกอล์ฟทะลุเป้าได้เหรียญแรกในประวัติศาสตร์ แต่สมาคมฯ หัวหอกต่างๆ พลาดเป้าทั้ง มวย, กรีฑา และ ยกน้ำหนัก
“บิ๊กต้อม” ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย เผยว่า “ก่อนแข่งเราตั้งเป้าไว้เท่ากับเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่ง 12 เหรียญทองที่มาได้จึงถือว่าเกินเป้าที่วางไว้ ที่สำคัญ หลายเหรียญได้มาจากสมาคมกีฬาหน้าใหม่ที่ไม่เคยได้มาก่อนหรือห่างหายไปนาน ผมต้องขอชื่นชมและขอบคุณในตัวนักกีฬารวมถึงสตาฟฟ์โค้ชและทีมบริหารที่ช่วยกันทำงานจนประสบความสำเร็จในครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ตามยังมีหลายสมาคมที่เป็นความหวังแต่ไม่สามารถทำได้ตามเป้าที่วางไว้ได้ เช่น แบดมินตัน ยกน้ำหนัก หรือ กรีฑา"
ขณะที่ปัญหาเรื่องการทำหน้าที่ขอผู้ตัดสินที่ค่อนข้างเอนเอียงไปทางเจ้าภาพจนเป็นที่คาใจของหลายๆ ชาตินั้น “บิ๊กต้อม” กล่าวว่า “เรื่องการตัดสินนั้นไม่ใช่แค่เราที่เจอ หลายๆ ชาติก็ประสบเช่นกันว่าเข้าข้างทางเจ้าภาพและหลายครั้งก็ประท้วงไม่เป็นผล ซึ่งเรื่องนี้ตนจะนำกลับไปหารือกันอีกครั้งเพื่อเตรียมให้ทางคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ร่วมกับชาติต่างๆ เป็นตัวแทนเข้าแจ้งกับสภาโอลิมปิกแห่งเอเชียในการประชุมระดับนานาชาติครั้งต่อไป แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่จะป้องกันปัญหาเรื่องนี้ได้ก็คือแต่ละสมาคมควรจะมีบุคลากรโดยเฉพาะผู้ตัดสินเข้าร่วมงานกับแต่ละสหพันธ์กีฬานั้นๆ เพื่อที่จะได้มีปากมีเสียงเวลาเกิดปัญหา”
ส่วนมวยเจอทั้งการเปลี่ยนกฎสารพัด ไร้เฮดการ์ด และการให้คะแนนรูปแบบใหม่ ซึ่ง น.อ.สมยศ จุลเสน หัวหน้าฝ่ายเทคนิคมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย เผยว่า “ภาพรวมถือว่าพอใจ แม้จะตั้งเป้าไว้ที่ 2 เหรียญทอง แต่การได้ 1 เหรียญทองกับ 1 เหรียญทองแดง ก็ไม่ถึงกับเลวร้าย ซึ่งยอมรับว่าตอนแรกเรายังสับสนเรื่องการตัดสินอยู่บ้าง เนื่องจากบางครั้งนักมวยเราชกดี แต่กลับเป็นฝ่ายแพ้ ซึ่งจากนี้ก็จะกลับไปศึกษาสไตล์การชกขอคู่ต่อสู้ที่คว้าเหรียญได้ว่ามีวิธีการอย่างไร รวมถึงเร่งสร้างนักมวยรุ่นใหม่ขึนมาทดแทนอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน”
ถือว่า ไทย ประเมินคู่แข่งต่ำเกินไป เพราะแต่ละชาติเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เห็นได้จากการที่มีนักกีฬาหน้าใหม่ฝีมือดีขึ้นมาทดแทน ทว่าหลายชนิดกีฬาของเรายังใช้ผู้เล่นเก่าที่โรยรา บางคนประคองตัวใช้ความเก๋าคว้าเหรียญติดไม้ติดมือได้สำเร็จ แต่ไร้ดาวรุ่งขึ้นมาเสริม หลายคนมีอาการบาดเจ็บติดตัวมาตั้งแต่ก่อนแข่งจึงทำให้สภาพร่างกายไม่เต็มร้อย ส่วนหนึ่งเพราะแข่งทัวร์นาเมนท์ติดกันก่อนมาจึงส่งผลให้ล้า โดยจากนี้คงต้องกลับไปวางแผนปรับปรุงแก้ไขร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อเตรียมพร้อมลุย โอลิมปิก เกมส์ ปี 2016 ที่บราซิล เหนืออื่นใด อินชอน เกมส์ ก็เป็นบทเรียนชั้นดี แม้ต้องกลับมานับ 1 กันใหม่ จากนี้ก็ต้องรอดูกันว่าจะพัฒนาขึ้นแค่ไหนก่อนสู้ศึกครั้งต่อไปที่ อินโดนีเซีย ปี 2018
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *