เอเยนซี - นับถอยหลังอีกแค่เดือนเศษ ศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก ฤดูกาล 2014 ก็จะเปิดฉากให้แฟนความเร็วได้ติดตามกัน ซึ่งเวลานี้ทุกทีมกำลังขะมักเขม้นพัฒนารถของตัวเองให้ดีที่สุดในช่วงเทสต์เปิดซีซันที่มีขึ้น 3 รอบ ก่อนปล่อยตัวออกจากกริดสนามแรกอย่างเป็นทางการที่ ออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ วันที่ 16 มีนาคมนี้ ซึ่งการเทสต์ครั้งแรกที่ เฆเรซ ประเทศสเปน ระหว่างวันที่ 28-31 มกราคมที่ผ่านมา มีเรื่องที่น่าสนใจมากมายให้แฟนคลับทีมต่างๆ ได้ดีใจและหวั่นใจ 5 ประการ ดังต่อไปนี้
“เรด บูลล์” เครื่องสะดุด
เป็นหนึ่งในทีมที่ถูกจับจ้องมากที่สุดสำหรับ เรด บูลล์ แชมป์ทีมผู้สร้าง 4 สมัยติด ที่มี เซบาสเตียน เวทเทล นักขับเบอร์ 1 เจ้าของแชมป์โลก 4 สมัยซ้อนชาวเยอรมัน และ แดเนียล ริคคิอาร์โด น้องใหม่จาก โตโรรอสโซ คอยสนับสนุนอยู่เคียงข้าง ปีนี้รถ RB10 ซีรีส์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวสู่สายตาแฟนๆ ยังคงออกแบบโดย อาเดรียน นิวอี วิศวกรมือ 1 ของค่าย ทว่าเมื่อถึงเวลาเข็นลงทดสอบตลอด 4 วัน กลายเป็นว่า เวทเทล กับ ริคคิอาร์โด ทำรอบรวมกันได้เพียงแค่ 21 รอบเท่านั้น เพราะปัญหาการระบายความร้อนของตัวถังจนมีควันลอยออกมาขณะขับ รวมถึงเครื่องเรโนลต์ตัวใหม่ซึ่งลดความจุลงมาเหลือแค่ 1.6 ลิตร ไม่สามารถเร่งแรงม้าได้เต็มที่จนทำให้ เรด บูลล์ กลายเป็นทีมที่วิ่งรอบน้อยที่สุด เรียกว่าสะดุดพลาดตั้งแต่สนามแรกก็ว่าได้ ซึ่ง คริสเตียน ฮอร์เนอร์ ทีมบอสหนุ่ม รับทราบปัญหาเรียบร้อย เตรียมถกกับทีมงานเพื่อช่วยแก้ไขรถก่อนลงเทสต์รอบต่อไปที่ บาห์เรน วันที่ 19-22 กุมภาพันธ์นี้
“เมอร์เซเดส” วิ่งฉิวที่ เฆเรซ
เหลียวหลังกลับมาที่ เมอร์เซเดส จีพี ของ ลูอิส แฮมิลตัน อดีตแชมป์โลกปี 2008 กับ นิโค รอสเบิร์ก คู่หูคู่ใจที่มาพร้อมกับรถ W05 เครื่องไฮบริดอันทรงพลังชนิดที่หลายทีมต้องอิจฉา เนื่องจากตลอดการเทสต์ รถซิ่งจากค่าย “ซิลเวอร์ แอร์โรว์ส” ติดปีกวิ่งฉิวชนิดไม่มีปัญหาให้กวนใจ วิ่งรวมกันได้ถึง 309 รอบ เล่นเอาทีมงานยิ้มแก้มปริ เพราะได้ข้อมูลกลับไปศึกษามากมาย นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตด้วยว่าทีมที่ใช้เครื่อง เมอร์เซเดส เหมือนกันอย่าง วิลเลียมส์, ฟอร์ซ อินเดีย และ แม็คลาเรน ต่างก็วิ่งทำรอบได้เยอะไม่แพ้กัน ซึ่งสถิติหลังจบวันแรก ทั้ง 4 ทีมวิ่งรวมกันไปถึง 36 รอบ เบียดกับ เฟอร์รารี ยักษ์ใหญ่อีกทีมได้แบบสูสี ก่อนเพิ่มจำนวนรอบขึ้นมาอย่างน่ากลัวในวันที่เหลือ แน่นอนว่าคงทำเอาทีมคู่แข่งหนาวๆ ร้อนๆ กันพอสมควรกับประสิทธิภาพเครื่อง เมอร์เซเดส ในปีนี้
จมูกรถใหม่กับสีสันฉูดฉาด
อีกประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจ คือ การออกแบบรถใหม่ให้สอดคล้องกับกฏของ “เอฟไอเอ” โดยเฉพาะจมูกหน้าที่กำหนดให้ลาดต่ำลงมาด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ซึ่งหลังจากหลายทีมเข็นรถออกมาอวดปรากฏว่าแฟนๆ ต่างพากันรับไม่ได้ โดยเฉพาะ เฟอร์รารี กับ แม็คลาเรน ที่ทำออกมาราวกับเครื่องดูดฝุ่นหรือตัวกินมด แต่ก็มีหลายทีมที่ออกแบบได้สวยน่าดูชมทั้งจมูกและตัวถัง เช่น ฟอร์ซ อินเดีย ที่เปลี่ยนลุคใช้สีดำมาแซมบนตัวถังเสริมความโดดเด่น หรือจะเป็น โตโรรอสโซ ที่เพนท์รูปกระทิงสีแดงบนหลังคารถดูสะดุดตาผู้ชมไม่น้อย
“แม็คลาเรน” กับบอสใหม่ชื่อ “บูลลิเยร์”
ก่อนการเทสต์รถรอบแรกเริ่มขึ้น แม็คลาเรน ที่เพิ่งปรับเปลี่ยนทีมบริหารใหม่ทั้งหมด จัดการดึง เอริค บูลลิเยร์ ทีมบอสของ โลตัส-เรโนลต์ ที่เพิ่งลาออกจากต้นสังกัดเดิมมากุมบังเหียนที่การาจพิตแทน มาร์ติน วิทมาร์ช โดยทีมบอสมากประสบการณ์ชาวฝรั่งเศส พิสูจน์ฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์ตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานด้วยการร่วมมือกับทีมช่างช่วยกันแต่งเติมแก้ไขรถ MP4-29 ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าจนวิ่งไม่ได้ในรอบแรกให้กลับมาโลดแล่นบนแทร็กในรอบต่อมา แถมยังร่ายมนต์ปรับเครื่องให้แรงขึ้นจนทำให้ เจนสัน บัตตัน และ เควิน แม็กนุสเซน สองนักขับของทีมยึดหัวตารางในวันที่ 2 และ 3 แบบเหลือเชื่อ ทำเอาสื่อหลายสำนักต้องหันกลับมามองว่าปีนี้ แม็คลาเรน อาจกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์ได้อีกครั้ง ด้วยฝีมือของบอสที่ชื่อ บูลลิเยร์ ก็เป็นได้ หลังจากปีก่อนผลงานน่าผิดหวังไม่มีแชมป์แม้แต่สนามเดียว
เสียงคำรามที่หายไป
ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่แฟนๆ รถสูตรหนึ่งพากันบ่นอุบสำหรับเสียงเครื่องยนต์ที่ปีนี้ด้วยข้อจำกัดของตัวเครื่องที่ลดลง ทำให้เสียงเครื่องยนต์ที่เคยคำรามราวกับราชสีห์ในหลายปีที่ผ่านมา ลดดีกรีความดังลงมาจนทำให้นักขับหลายคนรู้สึกไม่คุ้นเคย โดยเฉพาะ บัตตัน ที่ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่าเสียงเครื่องที่เบาลงทำให้อารมณ์ความตื่นเต้นเร้าใจขณะขับขี่หายไปพอสมควร แต่ก็มีบางคนเช่น รอสเบิร์ก ที่ชอบใจกับเสียงเครื่องตัวนี้เช่นกัน เรียกได้ว่างานนี้ใครที่เคยชมเอฟวันข้างสนามแล้วบ่นว่าเสียงดังแสบแก้วหู ปีนี้คงสบายใจกันได้ที่ไม่ต้องเอาปลั๊กเอียร์มาอุดหูเหมือนแต่ก่อน เพียงแต่อาจขัดใจคอเอฟวันพันธุ์แท้ไปบ้างเท่านั้น