หลุยส์ ซัวเรซ ศูนย์หน้าจอมตุกติกชาวอุรุกวัย ยังคงร้อนแรง เหมาคนเดียว 2 ประตู นำ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านถล่ม ฟูแลม แบบยับเยิน 4-0 ในศึกฟุตบอล พีรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูล 4-0 ฟูแลม
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ ลิเวอร์พูล จัดทัพแบบเต็มสูบ ส่ง หลุยส์ ซัวเรซ จับคู่ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ล่าตาข่าย พร้อม ฟิลิปเป คูตินโญ ปั้นเกมแดนกลาง เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือน ฟูแลม ซึ่งต้องการชัยชนะเพื่อหนีโซนอันตราย และฝากความหวังจบสกอร์ไว้กับ ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ ศูนย์หน้าชาวบัลแกเรียน
เสียงนกหวีดดังขึ้นเพียง 2 นาที ลิเวอร์พูล ทักทาย สตีเวน เจอร์ราร์ด เปิดเตะมุมฝั่งขวามากลางประตู มาร์ติน สเคอร์เทล โหม่งย้อนศรติดบล็อกมาตั้งให้ แดเนียล แอ็กเกอร์ วอลเลย์สวนระยะจุดโทษข้ามคาน ต่อมา เจ้าถิ่นกดดันต่อเนื่อง แต่ยังหาโอกาสปิดสกอร์แบบเน้นๆ ไม่ได้ นาที 15 ฟูแลม ตอบโต้ได้เสียว เอลซาด ซเวโรติช โยนจากขวามาเสาสอง ปาจ์ติม คาซามี วอลเลย์แฉลบ เกล็น จอห์นสัน เข้าหน้าต่าง
เข้าสู่นาที 23 สาวก “เดอะ ค็อป” ได้เฮ เจอร์ราร์ด เปิดฟรีคิกจากขวามากลางประตู หลุยส์ ซัวเรซ กับ แอ็กเกอร์ ขึ้นโหม่งวืด บอลตกใส่ เฟร์นานโด อโมเรบีตา เข้าประตูตัวเอง ต่อมา 3 นาทีสกอร์ไหลเป็น 2-0 เจอร์ราร์ด เปิดเตะมุมฝั่งขวามาเสาแรก สเคอร์เทล โถมมาโหม่งตุงตาข่าย จากนั้นนาที 29 ฟิลิปเป คูตินโญ สับไกตรงหัวกะโหลกเยื้องมาทางซ้าย มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก บินปัดข้ามคาน
“หงส์แดง” ยังไม่เพลาเครื่อง ก่อนโขยกหนี 3-0 นาที 36 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แทงทะลุช่องมาทางเขตโทษด้านขวา ซัวเรซ วิ่งฉีกมาตวัดยิงตามน้ำเข้าเสาไกลชนิดคมกริบ ช่วงท้ายทีมอันดับ 3 ของตาราง คุมเกมอยู่หมัด แต่ทำอะไรเพิ่มไม่ได้ ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว
ครึ่งหลังเปิดฉากเพียง 2 นาที ทีมจากย่านเมอร์ซีย์ไซด์ พลาดโอกาสทอง เจอร์ราร์ด ส่องไกลระยะประมาณ 30 หลา ติด แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ดึงจังหวะหลอก แล้วปั่นด้วยซ้าย สเตเคเลนเบิร์ก พุ่งปัดมาเข้าทาง ซัวเรซ ซ้ำจ่อๆ ข้ามคาน เข้าสู่นาที 54 สถานการณ์ “เจ้าสัวน้อย” เริ่มร่อแร่ คีแรน ริชาร์ดสัน ถูก เจอร์ราร์ด แย่งบอลหน้าเขตโทษ ล้นมาถึง ซัวเรซ หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษด้านขวา แล้วยิงเรียดยัดเสาแรกไม่พลาด
ทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผ่อนเกมลง หันมาเน้นครองบอลโดยผ่านบอลแบบเท้าสู่เท้า พร้อมถอด สตีเวน เจอร์ราร์ด จอมทัพ และ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ออกมาพัก ส่ง โจ อัลเลน และ วิคเตอร์ โมเซส ลงมาแทน ขณะที่แนวรุกอาคันตุกะจากกรุงลอนดอน แทบไม่ได้สร้างความกดดันแก่คู่แข่งเลย จึงไม่มีช็อตหวาดเสียวเกิดขึ้นมากนัก จบเกม ลิเวอร์พูล เอาชนะไป 4-0 เก็บเพิ่มเป็น 23 แต้ม จาก 11 นัด ขึ้นรองจ่าฝูง
รายชื่อ 11 ตัวจริง
ลิเวอร์พูล : ซิมง มิโญเลต์ , เกล็น จอห์นสัน , แดเนียล แอ็กเกอร์ , อาลี ซิลโซโก , มาร์ติน สเคอร์เทล , หลุยส์ ซัวเรซ , สตีเวน เจอร์ราร์ด , ฟิลิปเป คูตินโญ , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , ลูคัส เลวา , แดเนียล สเตอร์ริดจ์
ฟูแลม : มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก , ฟิลิปป์ เซนเดอรอส , คีแรน ริชาร์ดสัน , เอลซาด ซเวโรติช , เฟร์นานโด อโมเรบีตา , สตีฟ ซิดเวลล์ , อเล็กซานเดอร์ คาซานิกลิช , แอชคาน เดจากาห์ , สก็อตต์ ปาร์เกอร์ , ปาจ์ติม คาซามี , ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ
ผลฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก ประจำวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน
แอสตัน วิลลา 2-0 คาร์ดิฟฟ์
[1-0 เลอันโดร บาคูนา น.76 , 2-0 ลิบอร์ โคซัค น.83]
เชลซี 2-2 เวสต์บรอมฯ
[1-0 ซามูเอล เอโต น.45+1 , 1-1 เชน ลอง น.61 , 1-2 สเตฟาน แซสซิยง น.67 , 2-2 เอเดน ฮาซาร์ด (จุดโทษ) น.90+6]
คริสตัล พาเลซ 0-0 เอฟเวอร์ตัน
เซาแธมป์ตัน 4-1 ฮัลล์ ซิตี
[1-0 มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน น.16 , 2-0 ริคกี แลมเบิร์ต (จุดโทษ) น.30 , 3-0 อดัม ลัลลานา น.37 , 3-1 ยานนิค ซากโบ น.54 , 4-1 สตีเวน เดวิส น.87]
นอริช 3-1 เวสต์แฮม
[0-1 ราเวล มอร์ริสัน น.32 , 1-1 แกรี ฮูเปอร์ (จุดโทษ) น.54 , 2-1 โรเบิร์ต สนอร์ดกราสส์ น.72 , 3-1 เลอรอย เฟอร์ น.90+3]