ASTV ผู้จัดการรายวัน – สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการมวยไทยได้เป็นอย่างดีสำหรับศึก “สุดสวยมวยไทยโลก 2013” ที่เปิดฉากขึ้นเป็นครั้งแรก ด้วยการเฟ้นหาสาวงามจากทั่วทุกมุมโลกมาโชว์แม่ไม้มวยไทยบนเวที ซึ่งนอกจากจะหน้าตาดีแล้ว ความสามารถและลีลาบนเวทีก็ไม่ได้ยิ่งหย่อน แต่ละคนออกอาวุธได้ดุดัน จนได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ยังต้องติดตามดูว่าการที่เป็นมวยหญิงและมีรูปแบบการจัดที่ตั้งใจฉีกภาพลักษณ์เดิมๆ จะยั่งยืนได้เพียงใด หรือเป็นแค่กระแสชั่ววูบที่ผ่านมาแล้วหายไปเท่านั้น
ศึก “สุดสวยมวยไทยโลก 2013” ภายใต้การจัดของ “ชุ้นเกียรติเพชร” พีรพงศ์ ธีระเดชพงศ์ โปรโมรเตอร์ชื่อดัง เป็นการนำนักชกสาวสวยจาก 14 ชาติ คือ ฝรั่งเศส, อิตาลี, รัสเซีย, สวีเดน, สเปน, อังกฤษ, โรมาเนีย, ลักเซมเบิร์ก, โปแลนด์, เบลารุส, นิวซีแลนด์, โมร็อกโก, ฮ่องกง และ เกาหลีใต้ มาผนึกกำลัง 2 สาวไทยหน้าหวานอย่าง “น้องแนท” เดือนนภา ม.รัตนบัณฑิต กับ ชมมณี ส.เต๊ะหิรัญ เพื่อนำมาชกแบบแบ่งสายใครแพ้ตกรอบ คัดหาผู้ชนะเพียง 1 เดียว ชิงรางวัลเงินสด 1 ล้านบาท และ รถยนต์โตโยต้า วีออส 1 คัน โดยประเดิมรอบ 16 คนไปแล้ว ที่ บีบีซี ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2556 ท่ามกลางคนดูกว่า 1,600 คน ก่อนจะดวลกำปั้นกันต่อในรอบ 8 คน วันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ เซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ และรอบชิงชนะเลิศวันที่ วันที่ 25 ธันวาคม ที่เซ็นทรัล เวิลด์
นอกจากเป็นการคัดเอานักมวยสาวสวยมาโชว์ลีลากันแล้ว ยังเพิ่มอรรถรสด้วยการจัดแสง สี เสียง ครบครัน รวมถึงถ่ายทอดสดผ่านจอทีวีทางช่อง 9 และ CTH คล้ายกับรายการ ไทยไฟต์ และ แม็กซ์มวยไทย ที่พยายามแสดงให้เห็นว่ามวยไทยไม่ได้มีแค่ในเวทีราชดำเนิน หรือ ลุมพินี เท่านั้น แต่ยังพร้อมเสิร์ฟให้ชมถึงบ้าน ตามที่ “ชุ้นเกียรติเพชร” ตั้งใจหวังจะสร้างความแปลกใหม่และเปิดโอกาสให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ซึ่งหลังจากได้เสียงตอบรับที่ดีเจ้าตัวก็ถึงกับยิ้มไม่หุบ
ด้าน “เจ้าบาส” สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ที่เคยผ่านสังเวียนมวยไทยมาอย่างโชกโชน ได้กล่าวกับ MGR SPORT หลังจากได้มานั่งดูติดขอบเวทีว่าเป็นผลดีต่อวงการมวยอย่างยิ่ง “จัดได้ดีเลยครับ เป็นครั้งแรกที่นำแสงสีเสียงมาผสานให้ดูสนุกขึ้น คู่มวยแต่ละคนก็ประกบคู่ได้ดี เชื่อว่าจะเป็นการกระตุ้นให้ผู้หญิงตื่นตัวกับกีฬามวยไทยมากขึ้น เพราะทุกวันนี้ผู้หญิงหันมาออกกำลังกายกันเยอะ ซึ่งมวยไทยก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เนื่องจากราคาถูกกว่าฟิตเนสแต่ยังได้ออกกำลังทุดสัดส่วน แถมได้ศิลปะการป้องกันตัวด้วย จากนี้ก็อยากให้มีโปรโมเตอร์ช่วยกันจัดบ่อยๆ รวมถึงผู้สนับสนุนและสปอนเซอร์ด้วย ผมเชื่อว่าจะยั่งยืนแน่นอน”
พร้อมกันนี้นักชกวัย 40 ปี ยังโต้ถึงข้อครหาที่ว่าการนำนักมวยหญิงมาชกบนเวทีนั้นไม่เหมาะสมว่า “ไม่จริงหรอกครับ มวยไทยเป็นศิลปะประจำชาติมาตั้งแต่สมัยโบราณ สมัยก่อนมีวีรสตรีที่ออกมารบสู้เพื่อเอกราชมากมาย ฉะนั้นเราอย่าตั้งแง่ แต่ควรช่วยกันสนับสนุนมากกว่า เพราะเป็นการส่งเสริมเอกลักษณ์ชาติไทยอีกทาง ทุกวันนี้ต่างชาติเขาหันมาชกมวยไทยมากกว่าบ้านเราอีก”
ซึ่งในเรื่องนี้ “น้องแนท” เดือนนภา ม.รัตนบัณฑิต กับ ชมมณี ส.เต๊ะหิรัญ 2 นักชกสาวไทยวัย 18 ปี ที่เพิ่งคว้าชัยในรอบที่ผ่านมาก็ออกมาเห็นพ้องด้วยเช่นกัน โดย เดือนนภา กล่าวว่า “หนูเริ่มฝึกมวยไทยตามคุณอามาตั้งแต่อายุ 12 ปีนี่ก็ขึ้นชกมา 49 ไฟต์แล้ว แต่ก็ยังไม่มีครั้งไหนที่จัดกันจริงจังอย่างนี้ ซึ่งต้องขอบคุณโปรโมเตอร์ที่ช่วยส่งเสริมมวยหญิง เพราะเป็นการยกระดับมวยไทยขึ้น จากนี้ก็อยากให้มีบ่อยๆ เนื่องจากส่วนตัวก็อยากจะติดทีมชาติลงแข่งขันรายการซีเกมส์ดูสักครั้ง แต่ถ้าไม่มีการแข่งบ่อยๆพอเรียนจบคงต้องไปรับราชการเป็นตำรวจหรือไม่ก็ทหารแทน”
ส่วน ชมมณี เผยว่า “ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีโปรโมเตอร์ให้ความสนใจมวยหญิงเท่าไหร่ ซึ่งการจัดชกครั้งนี้ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้หลายคนหันมาดูมากขึ้น ส่วนตัวเองชกตามพี่ชายมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ตอนนี้พอเริ่มเป็นสาวแล้วก็คงชกได้อีกไม่นาน เมื่อเรียนจบที่มรภ.ชัยภูมิ ก็คงต้องเลิกเพราะตั้งใจไว้ว่าอยากเป็นตำรวจ แต่ถ้ามีวงการบันเทิงสนใจก็พร้อมลองดูเช่นกัน”
รวมถึง ลอเรนท์ จากฝรั่งเศส ที่มาปักหลักเรียนที่ BCM (Bangkok School of Management) ในเมืองไทยกว่า 1 ปี แล้ว “ฉันรักมวยไทยมาก ตั้งแต่มาเรียนที่เมืองไทยก็ชกมาโดยตลอด มันสนุก ตื่นเต้น และเป็นการออกกำลังกายไปในตัว จากนี้ก็ยังจะชกไปเรื่อยๆ และหวังว่าจะมีการจัดการแข่งขันแบบนี้ต่อไป”
ขณะที่ทางฝั่งของ “น้องโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์หนุ่มไฟแรงประจำเวทีราชดำเนิน ทายาทของ “เสี่ยเน้า” วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ ได้ออกมาชื่นชมพร้อมตั้งข้อสังเกตว่า “ถือเป็นความแปลกใหม่ ทำให้มีสีสันมากขึ้น ยิ่งถ้านักมวยมีคุณภาพมากขึ้นยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ส่วนเรื่องทัศนคติที่ว่าเป็นผู้หญิงแล้วขึ้นบนเวทีมวยไม่เหมาะสมนั้นผมว่าคงต้องเปลี่ยนไปตามยุคสมัยมากกว่า ปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร ผู้หญิงหลายคนก็หันมาสนใจมวยไทยมากขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่ามวยหญิงยังเป็นที่นิยมสู้มวยชายไม่ได้ ดังนั้นถ้าจะให้ยั่งยืนในส่วนของกีฬา จะสวยอย่างเดียวไม่ได้ ความเก่งต้องมาด้วย และที่สำคัญต้องหาซูเปอร์สตาร์หรือมวยแม่เหล็กมาเป็นตัวชูโรงเพื่อให้คนติดตามให้ได้”
สุดท้ายนี้มวยไทยหญิงงามจะได้รับความสนใจจากสังคมไปอีกนานขนาดไหน ก็ต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายจัดและโปรโมเตอร์ที่เป็นผู้เฟ้นหานักมวยและคิดค้นกลยุทธ์สร้างความน่าสนใจให้เหมาะสม ซึ่งอีก 2 รอบที่เหลือในศึกสุดสวยมวยไทยโลกจะเป็นคำตอบได้อย่างดี