xs
xsm
sm
md
lg

เสี้ยวหนี่งของ มาริอง บารโตลี / กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

นี่ก็เป็นนักเทนนิสอีกคนหนึ่งที่เกิดมาถนัดซ้ายแท้ๆ แต่เล่นอาชีพได้ดีมาจนถึงตอนนี้ด้วยการเปลี่ยนมาเล่นด้วยมือขวา แล้วในที่สุดเธอก็ก้าวขึ้นสู่แช้มพ์หญิงเดี่ยว วิมเบิลเดิ้น เทนนิส แกรนด์สแลม รายการที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของโลก

มาริอง บารโตลี นักเทนนิสสาวฝรั่งเศส วัย 28 ปี เกิดในภาคกลางตอนล่างของ ฝรั่งเศส ตรงนั้นเรียกว่า เลอ ปุย อ็อง เวอเล ( Le Puy-en-Velay ) ซึ่งนอกจากเธอจะสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษในแผ่นดินใหญ่ฝรั่งเศสเอง ต้นตระกูลยังมีที่มาจาก เกาะกอรซีกา ( Corsica ) ถิ่นเกิดของ จักรพรรดิ นาโปเลอง รวมทั้ง กาตาลูญา ( Cataluna ) ของสเปนด้วย

ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ มาริอง เผยกับสื่อมวลชนว่า ตอนเธอเด็กๆ นั้น เคยทดสอบวัดระดับสติปัญญา ที่เรียกว่า อินเทลลิเจ้นท์ โควเที่ยนท์ หรือ อายคิว ( Intelligence quotient ) ซึ่งผลออกมา 175 เหนือกว่าระดับมาตรฐานคือ 100 ไปเยอะทีเดียว ทั้งนี้ คนปกติทั่วไปมักจะวัดระดับ อายคิว ได้ระหว่าง 70 ถึง 130

ตั้งแต่เด็กๆ มาริอง มี วอลแตร บารโตลี ( Walter Bartoli ) คุณพ่อของเธอเองทำหน้าที่เป็นโค้ช คอยแนะนำสั่งสอนเรื่องเทนนิสมาตลอด ซึ่งมันเริ่มตั้งแต่ตอนที่เขาได้เห็น โมนิกา เซเลส ( Monica Seles) อดีตมือ 1 ของโลกชาวสหรัฐฯ เชื้อสายยูโกสลาฟ เอาชนะ ชเตฟี่ กร๊าฟ (Steffi Graf) นี่ก็อดีตมือ 1 ของโลก ชาวเจอรมานี ในรอบชิงชนะเลิศ หญิงเดี่ยว โรล็อง การโรส ในปี 1992 นั่นเป็นแรงบันดาลใจให้เขามุ่งมั่นสอนเทคนิคของ เซเลส ให้ลูกสาวของตนเอง

ในระยะแรกๆ เธอมีปัญหากับการตีโฟร์แฮนด์ด้วยแขนซ้ายที่ขาดความหนักหน่วง ซึ่งก็เหมือนกับที่ โมนิกา เซเลส เคยประสพ แต่ภายหลังลองมาใช้พลังจากแขนทั้งสองข้าง ซึ่งก็ได้ผลอย่างมาก จนทุกวันนี้ มาริอง บารโตลี เป็นนักเทนนิสที่ตีด้วยสองแขนทั้ง โฟร์แฮนด์ และ แบ็คแฮนด์ ได้อย่างทรงพลัง แถมยังมีอาวุธเด็ดคือ การโต้ลูกเสริฟ

ด้วยความใกล้ชิดในชีวิตครอบครัวและการปลุกปั้นของ วอลแตร ทำให้เมื่อ มาริอง ไปแข่งที่ไหน เธอจะขาดพ่อไม่ได้ มันคงทำให้รู้สึกไม่อุ่นใจ จนใครๆ มักพูดกันว่า เธอไม่มีความเป็นตัวของตัวเองเลย แต่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของพ่อในทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่าง

ในที่สุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เอง ทั้ง 2 พ่อลูกก็ตกลงแยกจากกัน เพื่อให้นักเทนนิสอาชีพระดับโลกเข้ามาทำหน้าที่โค้ชแทน ซึ่งระหว่างที่กำลังเสาะแสวงหาโค้ชเก่งๆจริงๆ ที่จะพาเธอคว้าแช้มพ์รายการใหญ่อย่าง แกรนด์สแลม มาครองให้ได้ ก็ได้โค้ชกายภาพและนักเทนนิสโนเนมมาช่วยไปพลางๆ ก่อน แล้วในที่สุดก็ได้ ยาน่า โนว็อตน่า (Jana Novotna) อดีตมือ 2 ของโลก ชาวเช็ก เจ้าของแช้มพ์ วิมเบิลเดิ้น ปี 1998 มาเป็นโค้ช ดูท่าว่าจะดี แต่ก็ร่วมงานกันได้เพียงสัปดาห์เดียว หลังจาก มาริอง ตกรอบอย่างไม่เป็นท่าในรายการ อินเดียน เวลส์ (Indian Wells) ทำให้เธอตัดสินใจไปคว้า อาเมลี โมเรสโม (Amelie Mauresmo) อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของโลก เพื่อนร่วมชาติ เจ้าของแช้มพ์ วิมเบิลเดิ้น ปี 2006 มาเป็นโค้ชให้แทน

หลังจากที่ผิดหวังแพ้ วีนัส วิลเลี่ยมส์ (Venus Williams) ได้แค่รองแช้มพ์ในปี 2007 วิมเบิลเดิ้น หนนี้ มาริอง สามารถเอาชนะ ซาบีเนอ ลิซิดสกี้ (Sabine Lisicki) มือวางอันดับ 23 ของรายการจาก เจอรมานี 2 เซ็ทรวด เป็นการคว้าแช้มพ์เทนนิส แกรนด์สแลม รายการแรกในชีวิต โดยไม่เสียเซ็ทเลยด้วย และนับเป็นสถิติโลกของแช้มพ์แกรนด์สแลมหญิงที่กว่าจะได้แช้มพ์รายการแรกมาต้องลงแข่งมากถึง 47 รายการ

วันนี้ มาริอง ในฐานะแช้มพ์หญิงเดี่ยว วิมเบิลเดิ้น นอกจากจะได้รับ จาน วีนัส โรสวอเท่อร์ (Venus Rosewater Dish) เป็นรางวัลแล้ว คะแนนทั้ง ATP และ WTA ก็กวาดไปเต็มๆ 2,000 คะแนน ส่วนเงินรางวัลของหญิงเดี่ยวก็เท่าเทียมกับชายเดี่ยว ซึ่งในปี 2013 เป็นจำนวนถึง 1.6 ล้าน พาวน์ด ราคากระเถิบเพิ่มขึ้นไปไกลถึง 39 เพอร์เซ็นท์ เมื่อเปรียบเทียบกับเงินรางวัลที่ เซรีน่า วิลเลี่ยมส์ (Serena Williams) แช้มพ์หญิงเดี่ยวในปี 2012 ได้รับ ยิ่งนำไปเทียบกับเงินรางวัลในยุคที่ยังไม่เปิดเป็น โอเพ่น ที่ โหมด ว็อทเซิ่น (Maud Watson) เคยได้รับในฐานะแช้มพ์หญิงเดี่ยว วิมเบิลเดิ้น เมื่อปี 1884 แล้ว ห่างกันลิบลับ เพราะตอนนั้นเธอได้เพียงตะกร้าดอกไม้ทำด้วยเงิน ซึ่งมีมูลค่าเพียง 20 กีนี (guinea) เงินสกุลเก่าของ อังกฤษ ที่มีค่าประมาณ 20 พาวน์ด เท่านั้นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น