ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ผู้เขียนได้รับมอบหมายเป็นตัวแทนทีมงาน MGR Sport บินลัดฟ้ามาเกาะติดผลงานนักกีฬาไทยในศึก “เอเชียน อินดอร์ แอนด์ มาร์เชียล อาร์ต เกมส์” ครั้งที่ 4 ณ อินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายนจนถึงวันที่ 7 กรกฏาคมนี้ ซึ่งนอกเหนือจากการแข่งขันจึงถือโอกาสแวบไปสำรวจบรรยากาศผู้คนและวิถีชีวิตของเมืองนี้มาเล่าสู่กันฟัง
ทันทีที่เหินฟ้าถึงสนามบินนานาชาติเมืองอินชอนการโดยสารมีให้เลือกหลากหลายพาหนะต่างๆ จอดเรียงรายทั้ง แท็กซี่และรถโดยสารประจำทาง ให้เลือกเดินทางตามสะดวก หากเป็นรถโดยสารก็ต้องซื้อบัตรที่เคาน์เตอร์ แล้วกระโดดขึ้นรถคันที่ระบุจุดหมายที่ต้องการ แต่ถ้าเป็นแท็กซี่ก็ให้เจ้าหน้าที่เรียกได้เลย ซึ่งก็จะมีการระบุราคาชัดเจนว่าค่าโดยสารกี่วอนป้องกันไม่ให้โดนคนขับขูดเลือดขูดเนื้อ
ระหว่างนั่งแท็กซี่เข้าโรงแรมที่อยู่ในย่าน ซองดู ผู้เขียนสังเกตบรรยากาศข้างทางรู้สึกว่า อินชอน เป็นเมืองที่สงบ แม้สองข้างทางจะมีตึกรามใหญ่โตโอบล้อม แถมทัศนียภาพคล้ายกับย่านเมืองทอง-แจ้งวัฒนะ ของบ้านเราที่มีแต่คอนโดหรือแฟลตเต็มไปหมด แต่กลับไม่ค่อยเห็นผู้คนเดินพลุกพล่านมากนักไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ต่างจากกรุงโซลที่คึกคักตลอด 24 ชั่วโมง แต่ก็ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเมืองติดชายทะเลแห่งนี้ เหมาะสำหรับคนที่เบื่อความวุ่นวาย ขณะที่สภาพอากาศช่วงเช้าอบอุ่น แต่ถ้าตกกลางคืนก็จะหนาวประมาณ 23 องศาเย็นสบาย
ด้านการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ยังมีรถไฟฟ้าใต้ดินเป็นอีกหนึ่งออปชั่นที่น่าสนใจโดยสามารถซื้อบัตรโดยสารที่เคาน์เตอร์เหมือนรถใต้ดินเมืองไทย หรือกดซื้อที่เครื่องขายบัตรแล้วขึ้นรถไฟไปสถานีที่ต้องการได้เลยหากไม่อยากรอรถโดยสารนานๆ ส่วนแผนผังที่ระบุปลายทางไปสถานีต่างๆก็มีภาษาอังกฤษกำกับไว้ด้วย เรียกว่าไม่มีหลงแน่นอน ผิดกับที่ญี่ปุ่นที่แผนผังจะมีแต่ภาษาญี่ปุ่น หากอ่านไม่ออกมีหวังได้หลงไปเมืองอื่นหรือนั่งแท็กซี่ก็มีมิเตอร์ระบุราคาเริ่มต้นที่ 2,400 วอน (ประมาณ 65 บาท) แต่ราคาก็แตกต่างกัน หากเลือกคันหรูดูดีหน่อยก็จะแพงกว่าเพราะที่นี่มีรถหลายเกรดให้ผู้โดยสารเลือกใช้บริการ
ขณะที่อาหารการกินเมืองอินชอน ถือว่ามีหลากหลายร้านอาหารที่เปิดให้บริการ ซึ่งเมนูก็เช่น ราเม็ง, ข้าวหน้าเนื้อ หรือเมนูบ้านๆ อย่าง จองกล (ซุปเนื้อตุ๋น) ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ กับ ต็อกป๊อกกี (แป้งข้าวเหนียวผัดซอสพริกโกชูจัง) อันนี้ถือว่าฮิตมาก เพราะไปร้านไหนก็จะเห็นแต่คนเกาหลีสั่งเจ้านี่มาทาน ขณะเดียวกันทุกเมนูคนขายก็จะเอา กิมจิ ผักดองขึ้นชื่อมาเสิร์ฟเป็นเครื่องเคียงไว้ทานแก้เลี่ยนด้วย ส่วนราคาของแต่ละร้านจะใกล้เคียงกันคือเริ่มที่ 4 พันวอน (ประมาณ 100 กว่าบาท)
ส่วนผู้คนในเกาหลีใต้ เท่าที่สัมผัสถือว่าค่อนข้างเป็นมิตรกับชาวต่างชาติพอสมควร แถมยังพูดภาษาอังกฤษคล่องทีเดียว โดยเฉพาะหนุ่มๆสาวๆ ที่พอไปถามทางกับอาสาสมัครที่อยู่แถวนั้นก็กรูกันเข้ามาบอกทางกันยกใหญ่ น่าเสียดายพื้นที่หมดเสียก่อนส่วนหนึ่งอยากจะให้ชมรูปกันแบบเต็มๆ ดังนั้นฉบับหน้าจะกลับมาเล่าต่อพร้อมพาไปชิม เนื้อย่างเกาหลี อาหารสุดฮิตของผู้คนแดนกิมจิที่บอกได้คำเลยว่าซี้ดซ้าดถึงใจ
รายงานพิเศษจากเกาหลีใต้ / เรื่องโดย : วัลลภ สวัสดี / ภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ