xs
xsm
sm
md
lg

เพชรเม็ดงาม “ขนไก่ไทย” นับถอยหลังก้าวสู่เวทีโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สิทธิคมน์ ธรรมศิลป์
ASTV ผู้จัดการรายวัน – ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการแข่งขันแบดมินตัน “เอสซีจี ไทยแลนด์ โอเพน 2013” นักกีฬาไทยต่างทำผลงานได้น่าชื่นชม โดยเฉพาะบรรดาดาวดวงใหม่ที่รอวันจรัสแสงอย่าง “โอ๊ต” สิทธิคมน์ ธรรมศิลป์ หนุ่มน้อยจากค่ายเอ็นจอย หลังสามารถทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ก่อนจะแพ้ต่อ ศรีกันธ์ นัมมัลวาร์ คิดัมบี จากอินเดีย ฟากหญิงเดี่ยวก็ไม่น้อยหน้ามี “น้องหมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ ที่แม้จะพ่ายต่อ จวน กู จากสิงคโปร์ 1-2 เกม แต่ก็ประทับใจคนดูทั้งสนามเช่นกัน ซึ่งทั้งสองคนถือเป็นเพชรเม็ดงามของวงการขนไก่ที่รอวันเจียระไนเพื่อขึ้นมาสร้างปรากฏการณ์ตามรอยรุ่นพี่

สิทธิคมน์ เริ่มเล่นแบดมินตันตั้งแต่อายุ 8 ขวบจากการสนับสนุนของคุณพ่อ และเริ่มทำผลงานได้ดีจนได้เข้าสู่โครงการ เอสซีจี อคาเดมี ในอีก 4 ปีถัดมา ก่อนจะเริ่มแข่งอาชีพเมื่ออายุ 16 ปี ซึ่งสามารถคว้าแชมป์ทั้ง หลี่-หนิง สิงคโปร์ โอเพน อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ 2012 ตามมาด้วยแชมป์ ปุ้มปุ้ย แชมเปียนชิป 2013 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่วนผลงานระดับเยาวชนก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน สามารถหยิบแชมป์ โยเน็กซ์ ดัตช์ จูเนียร์ ถือเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่ได้แชมป์รายการนี้ จนปัจจุบันรั้งอันดับโลกอยู่ที่ 115 ส่วนระดับเยาวชนอยู่ที่ 3 ของโลก

“หนุ่มโอ๊ต” เผยถึงเป้าหมายที่วางไว้ว่าปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายที่เล่นระดับเยาวชน “ผมตั้งความหวังในปีนี้จะขอหยิบแชมป์ เวิลด์ จูเนียร์ แชมเปียนชิป ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพเดือนตุลาคมนี้ เพราะเป็นปีสุดท้ายที่ตนจะได้เล่นระดับเยาวชน เนื่องจากอายุ 18 ปีแล้วแถมยังเป็นรายการที่ตนไม่เคยได้เลย ก่อนจะขึ้นไปเล่นแบดมินตันอาชีพอย่างเต็มตัวในฤดูกาลหน้า”

ทว่าการเข้าไปเล่นระดับอาชีพอย่างเต็มตัว ถือเป็นสิ่งท้าทายสำหรับ สิทธิคมน์ ไม่น้อย ซึ่งทาง เทศนา พันธ์วิศวาส หัวหน้าโค้ชแบดมินตันแห่งค่ายเอ็นจอย ได้เผยถึงลูกศิษย์คนเก่งรายนี้ และยังได้ฝากข้อคิดอีกว่า “น้องโอ๊ตเป็นนักแบดมินตันที่มีพรสวรรค์ ทั้งการออกลูกที่เฉียบคม และการตบที่รุนแรง แต่ตนมองว่าหากต้องการขึ้นสู่ระดับโลกในฤดูกาลหน้าจริงๆ สิ่งแรกที่ต้องปรับด่วน คือการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและการฝึกซ้อมที่หนักมากกว่านี้ เพราะจะเห็นว่าการไปแข่งขันรายการระดับโลกบางรายการที่เจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง จะเป็นฝ่ายรับมากกว่า เนื่องจากชิงบุกก่อนไม่ได้เลย ดังนั้นจึงเป็นการบ้านเราทั้งสองฝ่ายต้องมาร่วมมือกัน แต่การเข้าไปเล่นอาชีพเต็มตัวย่อมหมายถึงประสบการณ์อันล้ำค่า เพื่อมาให้เราปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น”

ฟาก “น้องหมิว” พรปวีณ์ จากค่ายสิงห์เอชเอช เริ่มเข้าสูวงการขนไก่ตั้งแต่อายุ 6 ขวบจากการติดตามพี่สาว พชรพรรณ ช่อชูวงศ์ มาฝึกซ้อมที่กรุงเทพฯ ทางครอบครัวเห็นว่าให้มาเล่นด้วยกัน จากนั้นเริ่มทำผลงานดีขึ้นจนได้เข้าโครงการ เอสซีจี อคาเดมี ตั้งแต่อายุ 12 ปี และปัจจุบันฝึกซ้อมที่สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย และได้ร่วมแข่งขันระดับอาชีพ ซึ่งเธอทำผลงานให้ทุกคนได้ตะลึงด้วยการคว้ารองแชมป์ ซีปุตรา ฮานอย เวียดนาม อินเตอร์เนชันแนล ชาลเลนจ์ 2013 ส่วนระดับเยาวชนสามารถคว้าแชมป์ เอเชีย ยูธ 17-ยูธ 15 เมื่อปี 2012

โดยสาวน้อยร่างเล็กวัย 15 ปีเผยว่า “ถึงแม้ว่าหนูอายุจะยังน้อยและปัจจุบันจะรั้งอันดับที่ 83 ของโลก แต่เป้าหมายหลักก็คือการไปเล่นตามทัวร์นาเมนต์ระดับอาชีพรวมถึงขอตั้งเป้าติด 1 ใน 30 ของโลกให้ได้ ซึ่งตนอยากจะทำให้ได้เหมือนไอดอลอย่าง รัชนก อินทนนท์ เพราะพี่เป็นคนที่ตีเก่งและเล่นฉลาด จึงอยากยึดเป็นแบบอย่างเดินตามรอยให้ได้ ส่วนระดับเยาวชนที่รั้ง 24 โลก ตั้งความหวังไว้ที่ติดท็อปเทนของโลกและขอคว้าแชมป์ เวิลด์ จูเนียร์ แชมเปียนชิป 2013 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ”

ซึ่งทางด้าน “โค้ชโต้ง” ศิริพงศ์ ศิริกูล หัวหน้าโค้ชในสมาคมแบดมินตัน กล่าวถึงดาวรุ่งฝ่ายหญิงว่า “ยอมรับว่าโชคดีมากๆ ที่ได้เจอเพชรเม็ดงามที่จะขึ้นมาทดแทน รัชนก ในอนาคต เนื่องจากเป็นนักแบดมินตันฝีมือดี แล้วยังมีพรสวรรค์ที่หลายคนคาดไม่ถึง เหลือแต่เพียงประสบการณ์ที่เราพยายามคัดรายการระดับโลกที่ น้องหมิว สามารถร่วมแข่งขันได้ ซึ่งรายการต่อไปจะพาไป คือ ศึก หลี่-หนิง สิงคโปร์ โอเพน ระหว่าง 18-23 มิถุนายนนี้ รวมทั้งการเวทเทรนนิงเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแกร่งขึ้นและเพิ่มส่วนสูงให้มากขึ้น”
เทศนา พันธ์วิศวาส
พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์
“โค้ชโต้ง” ศิริพงศ์ ศิริกูล
กำลังโหลดความคิดเห็น