เลอบรอน เจมส์ ซูเปอร์สตาร์ ไมอามี ฮีท ถูกยกเป็นตัวเต็งซิวรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) กลับบ้าน ช่วงฤดูกาลปกติของ ศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ด้วยผลงานเฉลี่ย 26.8 แต้ม 8.0 รีบาวนด์ 7.3 แอสซิสต์ และ 1.7 สตีล ส่องฟิลด์โกลเข้าเป้า 57 เปอร์เซ็นต์ ยิง 3 แต้ม 41 เปอร์เซ็นต์ พร้อมนำต้นสังกัดชนะรวด 27 เกม ดีสุดเป็นอันดับ 2 ของในประวัติศาสตร์ของลีก หากดูสตาร์คนอื่นๆ แล้ว น้อยคนนักจะมาทาบชั้นกับ “แอลบีเจ” ทางเว็บไซต์ “บลีทเชอร์ รีพอร์ต” สื่อแดนมะกัน จัดอันดับ 3 คู่แข่งที่จะมาท้าบัลลังก์ อดีตสตาร์ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส
3.คริส พอล (แอลเอ คลิปเปอร์ส)
สำหรับฤดูกาลที่ 2 กับ คลิปเปอร์ส อดีตผู้เล่น นิวออร์ลีนยนส์ ฮอร์เน็ตส์ ทำผลงานเฉลี่ย 16.9 แต้ม 9.7 แอสซิสต์ และ 2.4 สตีล ทว่าผลงานอันโดดเด่น คือ การนำทีมของ วินนี เดล เนโกร ปลดแอกจาก แอลเอ เลเกอร์ส คู่ปรับร่วมเมือง ด้วยการครองแชมป์ แปซิฟิก ดิวิชัน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1974-75 ภายใต้ชื่อ บัฟฟาโล เบรฟส์ และกระโจนเข้าสู่รอบเพลย์ออฟด้วยอันดับ 4 ของสายตะวันตกจากสถิติชนะ 56 แพ้ 26 รวมทั้งประเดิม MVP เกมออล-สตาร์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
2.คาร์เมโล แอนโธนี (นิวยอร์ก นิกส์)
“เมโลแมน” กลายเป็นแชมป์ปิดสกอร์สูงสุดช่วงฤดูกาลปกติ ด้วยค่าเฉลี่ย 28.7 แต้ม 6.9 รีบาวนด์ ส่องฟิลด์โกลเข้าห่วง 46 เปอร์เซ็นต์ และ 3 แต้ม 38 เปอร์เซ็นต์ และยังเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของ นิกส์ ซึ่งประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บมากมาย พร้อมรับบท พาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด แทน อมาเร สเตาดาไมร์ อย่างยอดเยี่ยมจนเข็น ทีมของ ไมค์ วูดสัน เถลิงแชมป์แอตแลนติก ดิวิชัน เป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปี ยึดตั๋วเพลย์ออฟด้วยอันดับ 2 สายตะวันออก รองจาก ไมอามี ฮีท
1. เควิน ดูแรนท์ (โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์)
“เคดี” เป็นผู้เล่นที่มีเปอร์เซ็นต์การชู้ตสูงสุดในประวัติศาตร์ของ NBA ในฤดูกาลนี้ โดยยิงฟิลด์โกล 51 เปอร์เซ็นต์ ส่องไกล 42 เปอร์เซ็นต์ และลูกโทษ 91 เปอร์เซ็นต์ ผลิตสกอร์เฉลี่ย 28.1 แต้ม เป็นรองเพียง คาร์เมโล แอนโธนี ฟอีร์เวิร์ด นิวยอร์ก นิกส์ แถมยังนำ “โอเคซี” ครองจ่าฝูงสายตะวันตก ด้วยสถิติ 60-22 แซงหน้า ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส ช่วงโค้งสุดท้ายของ เรคกูลา ซีซัน
สำหรับการประกาศผลรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า หรือ “MVP” จะทราบผลก่อนเปิดฉากการแข่งขันรอบรองชนะเลิศสายตะวันออก และตะวันตก หาก “คิงเจมส์” ป้องกันตำแหน่งสำเร็จ ก็จะทาบชั้น วิลท์ แชมเบอร์เลน อดีตเซ็นเตอร์ แอลเอ เลเกอร์ส ซึ่งพิชิตเกียรติยศดังกล่าว 4 ครั้ง
3.คริส พอล (แอลเอ คลิปเปอร์ส)
สำหรับฤดูกาลที่ 2 กับ คลิปเปอร์ส อดีตผู้เล่น นิวออร์ลีนยนส์ ฮอร์เน็ตส์ ทำผลงานเฉลี่ย 16.9 แต้ม 9.7 แอสซิสต์ และ 2.4 สตีล ทว่าผลงานอันโดดเด่น คือ การนำทีมของ วินนี เดล เนโกร ปลดแอกจาก แอลเอ เลเกอร์ส คู่ปรับร่วมเมือง ด้วยการครองแชมป์ แปซิฟิก ดิวิชัน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1974-75 ภายใต้ชื่อ บัฟฟาโล เบรฟส์ และกระโจนเข้าสู่รอบเพลย์ออฟด้วยอันดับ 4 ของสายตะวันตกจากสถิติชนะ 56 แพ้ 26 รวมทั้งประเดิม MVP เกมออล-สตาร์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
2.คาร์เมโล แอนโธนี (นิวยอร์ก นิกส์)
“เมโลแมน” กลายเป็นแชมป์ปิดสกอร์สูงสุดช่วงฤดูกาลปกติ ด้วยค่าเฉลี่ย 28.7 แต้ม 6.9 รีบาวนด์ ส่องฟิลด์โกลเข้าห่วง 46 เปอร์เซ็นต์ และ 3 แต้ม 38 เปอร์เซ็นต์ และยังเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของ นิกส์ ซึ่งประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บมากมาย พร้อมรับบท พาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด แทน อมาเร สเตาดาไมร์ อย่างยอดเยี่ยมจนเข็น ทีมของ ไมค์ วูดสัน เถลิงแชมป์แอตแลนติก ดิวิชัน เป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปี ยึดตั๋วเพลย์ออฟด้วยอันดับ 2 สายตะวันออก รองจาก ไมอามี ฮีท
1. เควิน ดูแรนท์ (โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์)
“เคดี” เป็นผู้เล่นที่มีเปอร์เซ็นต์การชู้ตสูงสุดในประวัติศาตร์ของ NBA ในฤดูกาลนี้ โดยยิงฟิลด์โกล 51 เปอร์เซ็นต์ ส่องไกล 42 เปอร์เซ็นต์ และลูกโทษ 91 เปอร์เซ็นต์ ผลิตสกอร์เฉลี่ย 28.1 แต้ม เป็นรองเพียง คาร์เมโล แอนโธนี ฟอีร์เวิร์ด นิวยอร์ก นิกส์ แถมยังนำ “โอเคซี” ครองจ่าฝูงสายตะวันตก ด้วยสถิติ 60-22 แซงหน้า ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส ช่วงโค้งสุดท้ายของ เรคกูลา ซีซัน
สำหรับการประกาศผลรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า หรือ “MVP” จะทราบผลก่อนเปิดฉากการแข่งขันรอบรองชนะเลิศสายตะวันออก และตะวันตก หาก “คิงเจมส์” ป้องกันตำแหน่งสำเร็จ ก็จะทาบชั้น วิลท์ แชมเบอร์เลน อดีตเซ็นเตอร์ แอลเอ เลเกอร์ส ซึ่งพิชิตเกียรติยศดังกล่าว 4 ครั้ง
