พิสูจน์ “บาร์ซา-เมสซี” เจ๋งจริงฝ่าด่าน “มิลาน”

เอเยนซี - บาร์เซโลนา เต็ง 1 ของศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เตรียมเผชิญกับด่านสำคัญรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่จะต้องผ่านไปให้ได้ในคืนวันอังคารที่ 12 มีนาคมนี้ โดยจะต้องเปิด คัมป์ นู รับการมาเยือนของ เอซี มิลาน แชมป์ 7 สมัย หลังจากนัดแรกเพลี่ยงพล้ำมาก่อน 0-2 ซึ่งแน่นอนว่าต้องฝากความหวังทะลวงประตูเอาไว้ที่ ลิโอเนล เมสซี แข้งเบอร์ 1 ของโลกพ.ศ.นี้

นัดแรก บาร์เซโลนา มีเปอร์เซ็นต์ครองบอลมากกว่า แต่เจอ มิลาน ต้นตำรับความเหนียวแน่นสไตล์เขี้ยวลากดินของฟุตบอลอิตาลีเล่นงานใช้โอกาสไม่เปลืองตุนสกอร์ชนะมาก่อน 2-0 ดังนั้นหาก บาร์ซา หวังครองเจ้ายุโรปหนที่ 3 รอบ 5 ปีหลังสุดจะต้องฝ่าเงื่อนไขนี้ไปให้ได้ ส่วนอีกคู่เตะค่ำคืนวันเดียวกัน ชาลเก 04 (เยอรมนี) พบ กาลาตาซาราย (ตุรกี) โดยนัดแรกเสมอกันมา 1-1

ถือว่า บาร์เซโลนา อยู่ในช่วงฟอร์มเป๋ถูก รีล มาดริด เฆี่ยนศึก “เอล กลาซิโก” 2 นัดทั้งใน ลา ลีกา สเปน และร่วงรอบรองชนะเลิศ โกปา เดล เรย์ ทั้งที่ 19 นัดแรกในลีกผลงานสุดหรูทำหลุดมือไปแค่ 2 แต้ม แต่ 13 เกมหลังสุดรวมทุกรายการเสียประตูทุกนัด จนกระทั่งล่าสุดเกมลีกสามารถรักษาคลีนชีตเอาชนะ เดปอร์ติโว ลา คอรุนญา 2-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา

เกมแรก เมสซี กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา เล่นไม่ออกเลย ทั้งที่ฟอร์มในลีกถือว่าไร้เทียมทานสร้างสถิติสุดยอดซัดประตู 17 นัดติดต่อกันล่าสุด คือลงเป็นสำรองและยิง ลา คอรุนญา ปิดกล่อง รวมถลุงไปแล้ว 40 ประตู จาก 27 นัด ซึ่งถ้ารวมทุกรายการถือว่าตัวเลขเหลือเชื่อมาก 51 ประตู จาก 41 นัด ฆอร์ดี รูรา ผู้ช่วยโค้ชที่รักษาการแทน ติโต บิลาโนบา ที่ยังพักฟื้นจากการผ่าตัดมะเร็งต่อมน้ำลาย จะส่งให้ประสานงานกับ อันเดรียส อิเนียสตา และ เปโดร โรดริเกซ ในแนวรุก โดยทั้งหมดได้พักเป็นตัวสำรองในเกมที่ผ่านมาเพื่อรักษาความสดให้เต็มที่

แต่อีกหนึ่งตำแหน่งที่ บาร์เซโลนา ต้องลุ้นคือหัวใจสำคัญแผงกองกลางอย่าง ชาบี เอร์นานเดซ ว่าจะพร้อมลงบัญชาเกมหรือไม่ หลังมีอาการเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา ทว่ากลับมาฝึกซ้อมได้แล้ว โดยมี เซร์คิโอ บุสเกตส์ และ เชส ฟาเบรกาส คอยขนาบสองข้าง ที่เหลือคือคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ คาร์เลส ปูโยล เล่นได้ในเกมกับ ลา คอรุนญา แล้วอาจจะยืนคู่ เคราร์ด ปิเก ถ้าไม่พร้อมจะเป็น ฮาเวียร์ มาสเชราโน

ฟากทีมเยือน มิลาน ที่รั้งอันดับ 3 กัลโช เซเรีย อา อิตาลี เวลานี้เพิ่งเรียกความมั่นใจเอาฤกษ์เอาชัยด้วยการบุกชนะ เจนัว 2-0 เมื่อวันศุกร์ที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา โดยต้องลุ้นอย่าให้หลุดจากนี้เพื่อการันตีกลับมาเล่น แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า เนื่องจากมี ฟิออเรนตินา, อินเตอร์ มิลาน และ ลาซิโอ หายใจรดต้นคออยู่ขณะที่เหลือเกมให้โม่แข้งอีก 10 นัดเท่านั้น

เกมนี้ มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี กุนซือ มิลาน มีปัญหาการจัดทัพแนวรุกอาจจะต้องส่ง สเตฟาน เอล ชาราวี ที่ซัดไปแล้ว 16 ประตู นำเป็นดาวซัลโวทีมขณะนี้ลงเป็นหน้าเป้าตัวเดียว เนื่องจาก จามเปาโล ปาสซินี กองหน้าทีมชาติอิตาลีเจ็บขโยกขเยกเกมชนะ เจนัว ส่วน มาริโอ บาโลเตลลี ต้องนั่งดูเพื่อนบนอัฒจันทร์ เนื่องจากติดคัพไทเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี มาแล้ว โดยมีตัวสนับสนุนอย่าง เควิน ปรินซ์-บัวเต็ง ที่นัดแรกก็ยิงประตูได้ และ เอ็ม'บาย เนียง ส่วนห้องเครื่อง 3 คนที่เป็นหัวใจสำคัญประกอบไปด้วย มัสซิโม อัมโบรซินี, ริคคาร์โด มอนโตลิโว และ ซุลลีย์ มุนตารี

สำหรับ บาร์เซโลนา ถือว่าฟอร์มการเล่นในถิ่น คัมป์ นู ยอดเยี่ยมไม่แพ้ที่บ้านมาแล้วมากกว่า 3 ปีในถ้วยยุโรปและสามารถเขี่ย มิลาน ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายเมื่อฤดูกาลที่แล้วด้วยสกอร์รวม 3-1 และย้อนไปฤดูกาล 2005-06 ก็ฝากรอยแค้นเอาไว้รอบรองชนะเลิศด้วยประตูรวมชนะ 1-0 ก่อนที่จะก้าวไปคว้าแชมป์ในที่สุดด้วยการเอาชนะ อาร์เซนอล 2-1 เมื่อครั้งนั้น

ฟาก มิลาน ห้ามชะล่าใจเด็ดขาด เพราะว่าเคยโดนสโมสรจากสเปนทำแสบเอาไว้แล้วเมื่อฤดูกาล 2003-04 ที่ครั้งนั้น “ปีศาจแดง-ดำ” ยังถือเป็นสุดยอดทีมของยุโรปกับแข้งอย่าง อังเดร เชฟเชนโก, อันเดรีย ปิร์โล และ กาก้า โดยเป็นเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดแรกเปิดบ้านยำใหญ่ ลา คอรุนญา 4-1 ก่อนที่นัดสองจะบุกไปพ่าย 0-4 ตกรอบไปแบบช็อกกันทั้งบาง