xs
xsm
sm
md
lg

แจ้งเกิด "น้องแน็ต" ตบขนไก่หน้าหวาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แน็ต ณิชชาอร
ASTV ผู้จัดการรายวัน - เรียกได้ว่าเป็นยุคที่มีนักแบดมินตันสาวไทยขึ้นมาประดับวงการอย่างต่อเนื่องก็ว่าได้ เพราะเวลานี้เรามีนักตบลูกขนไก่ติดท็อป 50 ของโลกถึง 5 ราย ซึ่งหนึ่งในคนที่น่าจับตามองก็คือ "น้องแน็ต" ณิชชาอร จินดาพล สาวหน้าหวานจากสโมสร รอยัล สตาร์ ที่ทำผลงานโดดเด่นจนขยับรั้งมือ 35 วันนี้ MGR SPORT จะพาไปรู้จักตัวตนที่แท้จริงในหลากหลายเรื่องราวทั้งนอกและในคอร์ตชนิดที่ว่าน่าจะมีใครหลงเสน่ห์เผลอใจเปิดพื้นที่ 4 ห้องหัวใจรับเธอเข้าไปโดยไม่รู้ตัวอย่างแน่นอน

ผลงานที่เห็นได้ชัดก็คือคว้ารองแชมป์ "เอสซีจี ออลไทยแลนด์ แชมเปียนชิป 2012" เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนที่ล่าสุดจะสามารถผ่านเข้าไปเล่นระดับซูเปอร์ซีรีส์ พรีเมียร์ ที่ประเทศเดนมาร์ก รวมถึงที่ฝรั่งเศส จนทำให้หลายคนเริ่มจับตามองและให้ความสนใจชื่อของ ณิชชาอร จินดาพล ว่าเป็นใครมาจากไหน

"แน็ต" ณิชชาอร เริ่มเล่าถึงวันแรกที่เริ่มจับไม้แบดมินตัน รวมถึงจุดที่อาจจะหักเหชีวิตจนเกือบไม่มีทุกวันนี้แล้ว "เริ่มเล่นแบดมินตันตั้งแต่อายุ 8 ขวบพร้อมกับพี่สาวจากคำแนะนำของพ่อ เพราะตอนเด็กๆ เราพี่น้องป่วยบ่อยประกอบกับคุณพ่อก็ชอบเล่นกีฬาอยู่แล้ว จากนั้นอีก 4 ปีจึงถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของตนเองอย่างแท้จริง เพราะที่สนใจมีทั้งแบดมินตันรวมถึงกอล์ฟซึ่งเคยไปซ้อมวงสวิงจนตีได้ในระดับหนึ่ง แต่มีอยู่วันหนึ่งติดแข่งนานเป็นสัปดาห์จนไม่มีเวลาตีกอล์ฟและเลิกล้มความตั้งใจในที่สุด จากนั้นก็จริงจังจนเริ่มทยอยคว้าแชมป์เรื่อยมา"

"ต่อมาช่วงมัธยมปลายได้ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ พร้อมกับเรียนที่โรงเรียนสตรีวิทยา 2 และเปลี่ยนสังกัดมาที่ บีจี สปอร์ต จากคำแนะนำของโค้ช จนคว้าแชมป์ เยาวชน เอสซีจี ไทยแลนด์ โอเพน 2008 ทำให้เราได้ติดทีมชาติครั้งแรก โดยประเดิมรายการแรกกับการแข่ง อูเบอร์คัพ รอบคัดเลือกโซนเอเชีย ที่จังหวัดนครราชสีมา ก่อนจะมีชื่อไปแข่งขัน กวางโจว เกมส์ 2010 ตามด้วยแข่งรายการระดับ ชาลเลนเจอร์ เรื่อยมา ซึ่งปีนี้อันดับโลกเพียงพอที่จะได้ไปแข่งระดับ เวิลด์กรังด์ปรีซ์ และซูเปอร์ซีรีส์ นับเป็นครั้งแรกที่ตนได้ตระเวนแข่งขันมากที่สุดเรียกได้ว่าเป็นปีทองอย่างแท้จริงก็ว่าได้" สาววัย 22 ปีเผย

เมื่อถามถึงแมตช์ประทับใจที่สุดต้องย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน "คงเป็น เอเชียน เกมส์ ที่ กวางโจว เป็นการแข่งขันประเภททีม ตอนนั้นทุกคนยังใหม่มาก แต่ผ่านคู่ต่อสู้ที่เก่งกว่าจนถึงรอบรองชนะเลิศสามารถเอาชนะอินโดนีเซียได้อีกถือเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ แม้จะพ่ายจีนในรอบชิงชนะเลิศแต่ก็ได้เหรียญเงิน ส่วนอีกรายการคือ เวียดนาม ชาลเลนเจอร์ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แม้จะเป็นรายการเล็กๆ แต่ตนก็เก็บตัว 3 เดือนเพื่อคว้าแชมป์รายการนี้ ตอนนั้นพร้อมมากและสุดท้ายตนก็ทำสำเร็จเอาชนะนักกีฬาญี่ปุ่น ที่สำคัญตรงกับวันเกิดพอดีด้วยยิ่งทำให้ตนปลื้มและจำไม่ลืมที่สุด"

"แน็ต" ก็เหมือนนักกีฬาทั่วไปที่จะต้องมีไอดอลเป็นของตนเอง สาวเมืองภูเก็ตเผยว่า "ถ้าในประเทศไทยเห็นทีคงต้องยกให้ "พี่ตา" สุจิตรา เอกมงคลไพศาล นอกจากมีรูปร่างที่สูงใหญ่แล้ว ยังมีการออกลูกที่เฉียบคม สมกับเป็นราชินีขนไก่จริงๆ น่าเสียดายที่พี่มาเจ็บหัวเข่า ขณะที่ต่างประเทศยกให้ หลี่ เสวี่ยรุ่ย จากจีน เป็นนักกีฬาที่เข้ามาพร้อมกัน แต่เขามีลูกทีเด็ดทีขาดและลูกตบที่หนักหน่วง สมควรที่จะอยู่ตำแหน่งเบอร์ 2 ของโลกและน่าจะครองตำแหน่งนี้ยาวนานกว่าคนอื่นๆได้แน่"

แม้ 2012 จะเป็นปีทอง แต่ "แน็ต" มองว่าแค่เริ่มต้นเท่านั้นและตั้งความหวังในปีหน้าเอาไว้สูงกว่าเดิม "เดิมตั้งความหวังในปีนี้ว่าติดท็อป 50 ของโลกแต่ว่ามาไกลกว่าที่คาดคือ 35 ของโลกแล้ว ส่วนปีหน้าอยากติดอันดับ 20 ของโลกให้ได้ โดยปีนี้เหลืออีกรายการ อินเดีย อินเตอร์เนชันแนล ชาลเลนจ์ ซึ่งจะแข่งระหว่างวันที่ 11-16 ธันวาคมนี้"

ปิดท้ายด้วยเรื่องเบาๆ ที่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า "แน็ต" มีคุณสมบัติของสาวไทยก็คือเสน่ห์ปลายจวักและมักทำอาหารให้เพื่อนๆ รับประทานบ่อยครั้งยามตระเวนแข่งที่ต่างๆ "หากเรียนจบเมื่อไหร่ตนก็อยากมีกิจการร้านอาหารหรือทำเบเกอรี่เล็กๆ เพราะส่วนตัวเวลาไปแข่งขันตามต่างประเทศหรืออยู่ที่บ้านก็จะชอบทำอาหารให้คนอื่นๆ ทาน ส่วนใหญ่เปิดเมนูอาหารและทำเดี๋ยวนั้นเลย ผลตอบรับทุกคนก็ชื่นชอบอาหารที่เราทำอยู่เหมือนกันค่ะ"

ส่วนเรื่องของหัวใจ "แน็ต" ก็ยอมรับว่ามีหลายคนเข้ามาขายขนมจีบ แต่ทว่าเวลานี้มีคนที่สนิทอยู่แล้ว "ตอนนี้ตนขอเรียกว่าเพื่อนสนิทจะดีกว่า คือ พี่ไบรท์ สัพพัญญู อวิหิงสานนท์ รุ่นพี่แบดมินตันทีมชาติไทย รู้จักตั้งแต่สมัยอยู่สโมสร บีจี สปอร์ต ส่วนสาเหตุที่ประทับใจก็คือสามารถคุยได้ทุกเรื่อง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและคอยเป็นที่ปรึกษาอยู่เสมอ"
พูดคุยหลังเสร็จสิ้นการซ้อม
ลีลาบนคอร์ตแบด
คว้าเหรียญประวัติศาสตร์
กำลังโหลดความคิดเห็น