เอเยนซี - กอล์ฟ “ไรเดอร์ คัพ” ครั้งที่ 39 กำลังจะเปิดฉากขึ้นวันศุกร์ที่ 28 ก.ย. นี้ ถือเป็นการดวลกันของทีมที่มีศักดิ์ศรีค้ำคอของ “แชมป์เก่า” ทีมยุโรป และฝั่งเจ้าถิ่นสหรัฐฯ ณ สนาม เมดินาห์ คันทรี คลับ โดยมีไฮไลท์สำคัญคือการประชันวงสวิงระหว่าง รอรีย์ แม็คอิลรอย จากไอร์แลนด์เหนือ ที่มาคราวนี้ในฐานะมือ 1 ของโลก กับ ไทเกอร์ วูดส์ ยอดโปรซูเปอร์สตาร์ชาวเมืองมะกัน อย่างไรก็ตามด้วยความกดดันและประสบการณ์ที่เป็นรองจึงไม่ใช่งานยากที่จะพาทีมป้องกันแชมป์
การแข่งขันกอล์ฟประเภททีมรายการใหญ่และได้รับความสนใจมากที่สุดในโลกหนนี้ เป็นทีมจากเมืองลุงแซมที่นำโดย เดวิส เลิฟ เดอะเธิร์ด รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่สนาม เมดินาห์ คันทรี คลับ สนาม 3 ระยะ7,657 หลา พาร์ 72 ในเมือง เมดินาห์ รัฐอิลินอย ต้อนรับ “แชมป์เก่า” ทีมยุโรปภายใต้การนำของ โฆเซ มาเรีย โอลาซาบัล ยอดโปรจากสเปน พร้อมด้วย 24 ก้านเหล็กชั้นยอดที่ผ่านการคัดเลือกจากกัปตันทีมทั้งสองฝ่ายไปแล้วก่อนหน้านี้
โดยมีรูปแบบการแข่งขันแบบแมตช์เพลย์ ดวลวงสวิงทั้งสิ้น 3 วัน ใน 2 วันแรกเป็นการแข่งแบบ โฟร์ซัม (เล่นแบบคู่ผู้เล่นในทีมผลัดกันตีลูกกอล์ฟลูกเดียว) ในช่วงเช้าและต่อด้วยแข่ง โฟร์บอล (เล่นแบบคู่ตีลูกกอล์ฟคนละลูก) ในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นงานหนักของกัปตันทั้งสองฝ่ายที่จะต้องตัดสินใจเลือกลูกทีมลงแข่งเพื่อชิงคะแนน ก่อนไปแข่งในประเภทเดี่ยวดวลวงสวิงตามปกติในวันสุดท้าย
ผลงานที่ต่อเนื่องจากศึกกอล์ฟ “เฟดเอ็กซ์คัพ ซีรีส์” ที่เพิ่งจบไปเป็นอีกปัจจัยสำคัญทำให้ ทีมสหรัฐฯ มั่นใจมากยิ่งขึ้น กับ “บิ๊กโบนัส” ของ สนีเดเกอร์ น้องใหม่ในทีม และนอกจากนี้ยังมีโปรของทีมมะกันถึง 7รายที่จบรายการ “ทัวร์แชมเปียนชิพ” ด้วยผลงานติดท็อป 10 ยิ่งไปกว่านั้น เมดินาห์ คันทรี คลับ เป็นอีกสังเวียนที่โปรดปรานของ “พญาเสือ” ดาราดังของสหรัฐฯ ก็ว่าได้ เพราะ ไทเกอร์ เคยคว้าแชมป์พีจีเอ แชมเปียนชิพ ที่สนามแห่งนี้มาแล้ว 2 ครั้งด้วยกันในปี 1999 และ 2006
และถึงแม้ว่าในหนนี้ทีมสหรัฐฯ มีผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง เจสัน ดัฟเนอร์, คีแกน แบรนด์ลีย์, เวบบ์ ซิมพ์สัน และ แบรนท์ สนีเดเกอร์ ที่ก้าวเข้ามาติดทีมเป็นหนแรกและตลอดการแข่ง 5 ครั้งล่าสุดจะเป็นฝั่งยุโรปที่เข้าป้ายซิวแชมป์ไปถึง 4 ครั้ง ทว่าการที่ทีมมะกันได้กลับมาลงเล่นในบ้านเกิดต่อหน้าแฟนๆ พร้อมด้วยความหวังที่ต้องการกระชากบัลลังก์แชมป์คืนให้ได้ คือแรงบวกที่ทำให้ภาษีในการคว้าแชมป์เหลือมกว่าเล็กน้อย
ขณะที่ก้านเหล็กชื่อดังของฝั่งยุโรปอย่าง ลุก โดนัลด์ อดีตมือ 1 ของโลก และ ลี เวสต์วูด โปรจอมเก๋าจากเมืองผู้ดี ก็ไม่ได้อยู่ในช่วงท็อปฟอร์มนัก ส่วน เซร์คิโอ การ์เซีย ก้านเหล็กชาวสแปนิชที่มีประสบการณ์ติดทีมถึง 6 ครั้ง ผลงานในปีที่ผ่านมายังเอาแน่นอนไม่ได้เช่นกัน และคล้ายว่า โอลาซาบัล จะฝากความหวังกับ รอรีย์ ดาวรุ่งจากไอร์แลนด์เหนือให้แบกรับความกดดันมากเกินไป ถึงขั้นที่ออกมาให้สัมภาษณ์ยกไปเทียบชั้น ไทเกอร์ เป็นที่เรียบร้อย จนทำให้โมเมนต์ตัมการลุ้นแชมป์เอียงมาหาฝั่งเจ้าถิ่นตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่ง
อย่างไรก็ดี บรรดากูรูวงการก้านเหล็กต่างมองว่าการแข่งแบบ “โฟร์บอล” ในช่วงบ่ายของ 2 วันแรกคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ทีมสหรัฐฯ ประสบความาสำเร็จได้ เนื่องจากจากสถิติที่ผ่านมาฝั่งยุโรปมักมีทีมเวิร์คดีกว่าและทำได้ยอดเยี่ยมในการแข่งแบบ “โฟร์ซัม” ในช่วงเช้าชิงคะแนนนำไปก่อนในครั้งที่ผ่านๆ มา เช่นนั้นแฟนกอล์ฟฝั่งเจ้าถิ่นคงไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อยในประเภทนี้ ก่อนไปวัดกันในการออกรอบวันสุดท้ายแบบประกบคู่ดวลเดี่ยว ที่ยังเชื่อว่าฟอร์มและประสบการณ์ของโปรชาวเมืองลุงแซมยังเหนือกว่าแน่นอน
ด้าน แม็คอิลรอย ที่ถูกฝากความหวังเอาไว้มากมายจากเพื่อนร่วมทีมจนถูกยกว่าเขาได้เปลี่ยนสถานะจากสมาชิกธรรมดาเมื่อ 2 ปีก่อน มาหนนี้ในฐานะสตาร์ดังและผู้นำทัพฝั่งยุโรป ต้องรีบออกมาบอกปัดลดความกดดันว่า ครั้งนี้ตนเองไม่ได้มาแข่งในฐานะมือ 1 ของโลก และเป็นเพียง 1 ใน 12 สมาชิกของทีมยุโรปไม่ต่างจากเดิมพร้อมชี้ว่าไรเดอร์ คัพ ก็ไม่ใช่รายการที่ชื่นชอบมากนักหากเทียบกับทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์หรือเวิลด์กอล์ฟแชมเปียนชิพ
"อาทิตย์นี้ผมไม่ใช่ผู้เล่นเบอร์ 1 ของโลก ผมเป็นเพียงผู้เล่นคนหนึ่งจาก 12 คนในทีมยุโรป ความพยายามของทีมเราก็คือผู้เล่นทั้ง 12 คนต้องเล่นเพื่อเป้าหมายเดียวกันคือความสำเร็จและผมก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในนั้น ถ้าให้เลือกระหว่างแชมป์ ไรเดอร์ คัพ กับ เมเจอร์สักรายการหรือเวิลด์กอล์ฟแชมเปียนชิพ ผมเลือกรายการที่แข่งแบบบุคคลดีกว่าเพราะท้ายที่สุดแล้วเราจะจำความสำเร็จส่วนตัวมากกว่า" แม็คอิลรอย กล่าว
