ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ณ เวลานี้ สปอตไลท์ทุกดวงในวงการกอล์ฟต่างจับจ้องศึก “ดิ โอเพน” ครั้งที่ 141 ที่แข่งขันระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค. 2555 ซึ่งเส้นทางเมเจอร์รายการเก่าแก่เกือบ 150 ปี มีเรื่องประทับใจให้เชยชมมากมายตั้งแต่ เซอร์ วิลลี พาร์ค ประเดิมแชมป์ปี 1860 ว่ากันว่าเป็น 1 เดือนก่อนที่ อับราฮัม ลินคอล์น ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือ วอลเตอร์ ฮาเกน อเมริกันชนคนแรกที่รับแชมป์บนแผ่นดินสหราชอาณาจักร และประวัติศาสตร์แข่งครั้งเดียวเป็นแชมป์ของ เบน โฮเกน ไหนจะแมตช์น่าจดจำของ เซวี บาเยสเตรอส รวมถึงความดุดันของ ไทเกอร์ วู๊ดส์ และนี่คือ 5 แชมป์สุดประทับใจในบริติช โอเพนโดยจะไล่เรียงมาจากอันดับที่ 5 ไปจนถึงอันดับที่ 1
5. เซวี บาเยสเตรอส ที่เซนต์แอนดรูวส์ เมื่อปี 1984 ตำนานก้านเหล็กชาวสเปนสวมบทตาอยู่ แย่งแชมป์มาจาก ทอม วัตสัน เจ้าของแชมป์ดิ โอเพน 5 สมัย อย่างเหลือเชื่อ โดยก่อนแข่งวันสุดท้ายเขามีสกอร์ไล่หลัง 2 สโตรก และการแข่งทำท่าว่า ทอม จะเป็นผู้ชนะพร้อมเพิ่มแชมป์เป็นสมัยที่ 6 แบบนำม้วนเดียวจบ
ทว่าเมื่อดำเนินถึงหลุม 17 ลูกกอล์ฟเจ้ากรรมของ ทอม วัตสัน ลอยมาตกตรงกลางระหว่างทางเดินกับกำแพงและเป็นหลุมที่นำไปสู่การเสียโบกีของเจ้าตัว ขณะที่ “เซวี” ประคองตัวตามมาช้าๆ ก่อนหลุมสุดท้ายจะพัตต์เบอร์ดีเพื่อแชมป์ระยะ 15 ฟุต เข้าป้ายซิวโทรฟี่ดิ โอเพน สมัยที่ 2 ของตัวเอง พร้อมลีลาดีใจที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าตัวมาจนถึงทุกวันนี้
4. พอล ลอรีย์ กลายเป็นตำนานการคัมแบ็กคว้าแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์กอล์ฟระดับเมเจอร์ ย้อนไปเมื่อปี 1999 ณ สนามคาร์นุสตี กอล์ฟ ลิงค์ เมืองอันกัส สกอตแลนด์ ทันทีที่จบวันที่ 3 คล้ายว่า ฌอง แวน เดอ เวลด์ นักกอล์ฟชาวฝรั่งเศสต้องขอบคุณพระเจ้าเป็นการใหญ่ สำหรับสัปดาห์ยอดเยี่ยมนำเดี่ยวด้วยสกอร์อีเวนท์พาร์ 213 ในขณะที่บรรดาโปรรายอื่นๆ กอดคอกันตีออกทะเลไปหมด
แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า โปรชาวสกอต เร่งเครื่องจากสถานะผู้ตาม 10 สโตรก ขึ้นมาขอลุ้นเพลย์ออฟกับ จัสติน ลีโอนาร์ด และ แวน เดอ เวลด์ อย่างน่าทึ่ง โดยการเพลย์ออฟ 4 หลุม ลอรีย์ ใช้เหล็ก 3 ตีขึ้นกรีน ก่อนตามไปพัตต์จ่อๆ เพียง 3 หลา เก็บเบอร์ดีหลุมที่ 4 เซฟพาร์และปล่อยให้สองคู่แข่งที่ตามมาตีออกโบกีต้องน้ำตาตกในกันไป
3. เบน โฮเกน ได้ชื่อว่าเป็นนักกอล์ฟอเมริกันรุ่นบุกเบิกที่เดินทางข้ามทวีปมาแข่งไกลถึงเกาะอังกฤษ โดยในยุคก่อนรายการดิ โอเพน ถือว่าไม่เป็นที่นิยมในหมู่ก้านเหล็กมะกันมากนัก เนื่องจากพวกเขาไม่อยากเหน็ดเหนื่อยกับเวลาเดินทางที่ยาวนานเพื่อมาแย่งเงินรางวัลอันน้อยนิดเพียง 500 ปอนด์ (25,000 บาท) ณ เวลานั้น
ยอดโปรผู้ล่วงลับฝากผลงานครั้งแรกและครั้งเดียวในรายการนี้ เมื่อปี 1953 ที่คาร์นุสตี กอล์ฟ ลิงค์ ด้วยการผงาดคว้าแชมป์ที่สกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 282 พร้อมทั้งทำ “โฮเกน สแลม” จากการเป็นแชมป์ เดอะ มาสเตอร์ และ ยูเอส โอเพน มาก่อนในปีเดียวกัน เป็นอีกหนึ่งแชมป์ชิ้นโบว์แดงที่ยากจะลืมเลือนและยากอีกเช่นกันหากนักกอล์ฟรุ่นใหม่หวังลอกเลียนแบบ
2. ไทเกอร์ วูดส์ ลงเล่นดิ โอเพน เป็นครั้งที่ 5 ของตัวเองเมื่อปี 2000 ที่โอลด์ ครอส เซนต์แอนดรูวส์ และคว้า “คลาเร็ท จัก” มาประดับตู้โชว์เป็นครั้งแรกด้วยวัย 24 กะรัต ซึ่งโทรฟี่ใบนี้เองคือบันไดสู่การทำสถิติโปรอายุน้อยที่สุดทำ “แกรนด์สแลม” กวาดเมเจอร์ทั้ง 4 รายการในปีเดียว โดยเป็นการทำลาย สถิติ แจ็ค นิคลอส ก้านเหล็กรุ่นพี่ด้วย
ทั้งนี้ดิ โอเพน ครั้งแรกของ “พญาเสือ” ยังได้ลบสถิติสกอร์สูงสุดในทัวร์นาเมนต์ที่ นิก ฟัลโด ยอดโปรชาวเมืองผู้ดีที่ทำไว้ 18 อันเดอร์พาร์ 270 เมื่อปี 1990 และเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่สกอร์สูงสุดของรายการนี้เข้าไปแทนที่ 19 อันเดอร์พาร์ 269 อย่างยิ่งใหญ่
1. ทอม วัตสัน ยอดโปรชาวเมืองลุงแซมต้องขับเคี่ยวกับ แจ็ค นิคลอส แบบออกรสชาติในการออกรอบวันที่ 4 ในดิ โอเพน ครั้งที่ 106 เมื่อปี 1977 เมืองเทิร์นเบอร์รี สกอตแลนด์ กว่าจะได้มาซึ่งตำแหน่งแชมป์ จนการดวลครั้งนี้ได้รับขนานนามว่า “ดูเอิล อิน เดอะ ซัน” (THE DUEL IN THE SUN) หรือการแข่งกันระหว่าง 2 ยอดนักกอล์ฟแห่งยุคก็ว่าได้
ไฮไลท์สำคัญหลุม 18 พาร์ 4 นิคลอส ตามอยู่ 1 สโตรกต้องการเบอร์ดีและอวยพรให้ วัตสัน แค่เซฟพาร์เพื่อเพลย์ออฟต่อไป ทว่าเพียงเริ่มต้นก็ไม่สวยแล้ว เขาตีทีออฟมาตกรัฟสูงนอกแฟร์เวย์ต้องเล่นช๊อตแก้ไขขึ้นกรีนและตามมาพัตต์เบอร์ดีระยะ 40 ฟุต ลงหลุมตามต้องการเรียกเสียงปรบมือได้ทั่วสนาม ขณะที่ วัตสัน ก็ไม่มีแกว่งคว้าเหล็กเบอร์ 7 จากถุงกอล์ฟตีช๊อตที่ 2 จากกลางแฟร์เวย์ตกห่างหลุมเพียง 2 ฟุต ก่อนแหวกฝูงชนมาซ้ำง่ายๆ เก็บเบอร์ดีพ่วงด้วยตำแหน่งแชมป์บริติช โอเพน พร้อมดับความฝันของเพื่อนร่วมชาติลงไปทันตา
เรื่องโดย : ปภังกรณ์ นิลวรกุล