“ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดทีมประจำเวที พรีเมียร์ชิป อังกฤษ จัดการยื่นขอจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก โดยหวังจะเพิ่มเงินจากการขายหุ้นให้ได้ถึง 64 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,200 ล้านบาท)
บอร์ดบริหารประจำถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้มีการยื่นเอกสารให้รัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกา และตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันอังคารที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยยังไม่ได้มีการตั้งราคาหุ้นแต่อย่างใด ทว่า แมนฯยู จะได้เงินเพิ่มจากการขายหุ้นของบริษัทให้สาธารณชนเพื่อมาช่วยในการลดหนี้
ก่อนหน้านี้ แมนฯยูไนเต็ด พยายามผลักดันเพื่อขายหุ้นให้กับสาธารณชนจำนวน 640 ล้านปอนด์ (ประมาณ 32,000 ล้านบาท) ผ่านทางตลาดหุ้นประเทศสิงคโปร์ ที่ถือว่ามีกำลังซื้อสูงเมื่อปี 2011 แต่ถูกระงับเนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน
สำหรับ มัลคอล์ม เกลเซอร์ นักธุรกิจชาวสหรัฐฯ เข้ามาฮุบกิจการถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อปี 2005 ด้วยการระดมเงินทุนราคา 940 ล้านปอนด์ (ประมาณ 47,000 ล้านบาท) ปัจจุบันปลดหนี้เหลือ 423 ล้านปอนด์ (ประมาณ 21,150 ล้านบาท) แม้จะเทขายหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์บางส่วน แต่ยังกุมอำนาจเบ็ดเสร็จในการตัดสินใจภายในทีม
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แมนฯยูไนเต็ด ได้รับการประเมินจากนิตยสาร “ฟอร์บส์” ให้มีมูลค่าอยู่ที่ 1,430,000,000 ปอนด์ (ประมาณ 71,500 ล้านบาท) ถือว่าเป็นสโมสรกีฬาที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกฟุตบอล 8 ปีติดต่อกัน