“ส.จ.แดง” วรานนท์ เกลื่อนสิน ประธานสโมสร ระนอง ยูไนเต็ด เผยรับได้ โดนแบน 5 ปี แต่ข้ออื่นไม่เป็นธรรม บางคนไม่เกี่ยวข้องแต่ต้องรับโทษ เตรียมยื่นเรื่องฟ้องศาลปกครองขอพิจารณาโทษใหม่ หลังมีข้อสรุปบทลงโทษ เนื่องจากเหตุชุลมุน นานเกือบ 6 ชั่วโมง ในเกมดิวิชัน 2 ระหว่าง ระนอง เอฟซี กับ สตูล ยูไนเต็ด
หลังเหตุความวุ่นวายในเกมที่ ระนอง เอฟซี กับ สตูล ยูไนเต็ด ในศึก ดิวิชัน 2 โซนภาคใต้ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2555 จนต้องยุติเกมการแข่งขันลงกลางคัน เนื่องจากเกิดเหตุจลาจล หลังจากที่เจ้าหน้าที่ทีมระนอง ยูไนเต็ด ไม่พอใจผลตัดสินของกรรมการ ทำให้ “ส.จ.แดง” วรานนท์ เกลื่อนสิน ประธานสโมสระนอง ยูไนเต็ด คว้าไมโครโฟนจากพิธีกร พร้อมสั่งให้ลูกทีมหยุดเล่น จนแฟนบอลเจ้าถิ่นลงไปปิดล้อม พร้อมวิ่งไลทำร้ายผู้ตัดสิน นานเกือบ 6 ชั่วโมง
จนทางฝ่ายจัดการแข่งขันดิวิชัน 2 ฝ่ายพิจารณาวินัย มารยาท และข้อประท้วงลีกภูมิภาค ได้พิจารณาโทษและมีข้อสรุปว่า 1.ห้าม นายวรานนท์ เกลื่อนสิน ประธานสโมสร ระนอง ยูไนเต็ด ยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลที่ทางสมาคมมีส่วนร่วมเป็นเวลา 5 ปี พร้อมปรับเงิน 15,000 บาท 2.ผู้ฝึกสอน และเจ้าหน้าที่ทีมที่พยายามทำร้ายผู้ตัดสิน ห้ามทำหน้าที่ 6 นัด พร้อมปรับเงิน 10,000 บาท 3.ห้ามไม่ให้สโมสรระนอง ยูไนเต็ด เล่นในสนามเหย้าของตัวเองทั้งฤดูกาล 4.ปรับให้ทีมแพ้ 0-2 และตัดอีก 3 คะแนน พร้อมปรับเงิน 50,000 5.ปรับเงินจากการกรณีกองเชียร์ วิ่งลงมาในสนาม, ด่าทอ และ ปาสิ่งของ รวม 15,000 บาท 6.ปรับเงินจากบุคคลนอกที่ไม่ใช่กองเชียร์ หรือเจ้าหน้าที่ที่ลงมาในสนาม 50,000 บาท
ล่าสุด “ส.จ.แดง” วรานนท์ เกลื่อนสิน ประธานสโมสร ได้เผยต่อผู้สื่อข่าว MGR Sport ถึงภายหลังจากทราบบทลงโทษ ว่า “โทษที่ผมโดนแบน 5 ปีนั้น ผมไม่มีปัญหา เพราะผมไม่ยึดติดอยู่แล้ว แต่ยังไงก็มีคนมาทำหน้าที่แทนแน่ ไม่มีการยุบทีมแน่นอน เพราะสโมสรระนอง ยูไนเต็ด เป็นของคนจังหวัดระนอง แต่ผมยังติดใจเรื่องคำตัดสินบางข้อ เนื่องจากวันที่ตัดสินทางคณะกรรมการไม่ได้มีการเรียกผม หรือเจ้าหน้าที่ทีมไปให้คำชี้แจงเลย ตัดสินเองแล้วก็กล่าวโทษมาเลย ซึ่งบางข้อไม่ได้ผิดจริง ทำให้คนที่โดนกล่าวร้ายเสื่อมเสียชื่อเสียง บางคนเป็นถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผมสงสารพวกเขาเพราะบางคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ แต่ต้องมารับโทษ”
“จากนี้ผมจะไปปรึกษาฝ่ายกฎหมาย แฟนคลับ และผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง ว่า จะทำอย่างไรต่อไป โดยอาจจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้มีการพิจารณาใหม่ เพื่อให้พวกเราได้ชี้แจง ถ้าเหตุไหนผิดก็ลงโทษมาหนักๆ เลยเรารับได้ แต่ถ้าไม่ผิดก็ต้องตัดสินตามนั้น หรือไม่อกทางคือการยื่นเรื่องขออุทธรณ์ เพื่อลดโทษ แต่ถ้าทำอย่่างนั้นจะถือว่าเรายอมรับผิดในเบื้องต้นเรียบร้อย” นายใหญ่ระนอง กล่าว
