แอธเลติก บิลเบา จัดการหักปากกาเซียนด้วยการเปิดเกมรุกก่อนบุกมาปราบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงโรงละครแห่งความฝัน 3-2 ในศึกยูโรปาลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก กุมความได้เปรียบก่อนกลับไปเล่นในบ้านสัปดาห์หน้า
ฟุตบอลยูโรปาลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) 2-3 แอธเลติก บิลเบา (สเปน)
เริ่มเกม แอธเลติก บิลเบา ทีมอันดับ 5 จากลา ลีกา สเปน ไม่เน้นตั้งรับแต่ใช้วิธีการต่อบอลเข้าทำ ซึ่งสามารถปั่นป่วนแนวรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รองจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้พอสมควร แต่แล้วนาทีที่ 22 “ปิศาจแดง” กลับได้เฮก่อนจากการต่อบอลบริเวณกลางสนามขึ้นมา ไรอัน กิกส์ จิ้มให้ “ชิชาริโต” ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ หลอกหนึ่งทีแล้วซัดไปถูก กอร์กา อิไรซอซ ปัดมาเข้าทาง เวย์น รูนีย์ ซ้ำดาบสองไม่เหลือซากเป็น 1-0
หลังจากเสียประตู บิลเบา ก็บุกหนักหวังตีเสมอให้ได้ นาทีที่ 30 ออสการ์ เด มาร์กอส ตวัดจากเส้นหลังฝั่งขวามาที่เสาแรกให้ เฟร์นานโด ยอเรนเต โฉบเข้ามาโขกข้ามคาน 3 นาทีต่อมา มาร์เกล ซูซาเอตา ได้บอลวางยาวจากกลางสนามก่อนสปีดแซง จอนนี อีแวนส์ แล้วกระดกข้ามหัว ดาบิด เด เคอา แต่ลูกเฉี่ยวเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
จากนั้นนาทีที่ 36 อันเดร์ อิตูร์ราสเป จ่ายทะลุช่องให้ อันโดนี อิราโอลา เติมขึ้นมาทางขวาแล้วล็อกหลบ ปาร์ค จี-ซอง หนึ่งจังหวะก่อนซัดมุมแคบ ทว่า เด เคอา ยังไม่พลาดล้มตัวปัดออกไปก่อนที่บอลจะเสียบเสาแรก กระทั่งนาทีที่ 44 ทีมเยือนก็ตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จจากการประสานงานอย่างยอดเยี่ยมหน้าเขตโทษก่อนที่ ซูซาเอตา จะเปิดมาที่จุดนัดพบให้ ยอเรนเต สอดเข้ามาโขกผ่านมือ เด เคอา ซุกก้นตาข่าย จบครึ่งแรกจึงเจ๊ากันที่ 1-1
เข้าสู่ครึ่งหลัง บิลเบา ยังกดดันอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 50 อิเคร์ มูเนียอิน ลองส่องไกลถูก เด เคอา พุ่งปัดสุดปลายมือออกหลัง 2 นาทีถัดมา ยอเรนเต ได้บอลหลุดเข้าไปล่อเป้าในเขตโทษ แต่หัวหอกทีมชาติสเปนกลับยิงหลุดเสาแรกออกไปอย่างน่าผิดหวัง นาทีที่ 53 ยอเรนเต ได้โอกาสปั่นโค้งหน้าเขตโทษ ลูกทำท่าจะเสียบใต้คาน แต่ เด เคอา ยังเหินกายปัดข้ามคานออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม
แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเปลี่ยนเอา คริส สมอลลิง ที่หัวแตกจนเลือดอาบออกไปพักเพื่อเย็บแผลแล้วส่ง ไมเคิล คาร์ริค ลงมาแทน พร้อมทั้งถอย ฟิล โจนส์ ลงไปคุมแนวรับก่อนหาทางตอบโต้บ้างในนาทีที่ 56 จากการปั่นฟรีคิกของ รูนีย์ แต่ลูกโค้งไม่พอจึงเฉี่ยวเสาแรกออกไป แต่ บิลเบา ยังคงบุกได้อย่างน่ากลัว นาทีที่ 68 มูเนียอิน ทำชิ่งหนึ่งสองแล้วหลุดเข้าไปยิงในเขตโทษติดตัว เด เคอา ออกหลัง
ถึงนาทีที่ 72 แฟนบอลเจ้าถิ่นก็ต้องตาค้าง เมื่ออาคันตุกะจากแดนกระทิงดุแซงนำ 2-1 จากการต่อบอลอย่างไหลลื่นก่อนที่ อันเดร์ เอร์เรรา จะชิปข้ามแนวรับให้ เด มาร์กอส วอลเลย์ด้วยซ้ายในเขตโทษเสียบโคนเสาอย่างเฉียบขาดชนิดที่ เด เคอา ได้แต่ชายตามอง เท่านั้นไม่พอนาทีที่ 90 บิลเบา มาหนีห่างเป็น 3-1 จากการวางบอลยาวให้ เด มาร์กอส ยิงจังหวะแรกติดเซฟ เด เคอา แต่ ราฟาเอล ชะล่าใจไม่ยอมเข้าหาบอลจึงถูก มูเนียอิน ปรี่เข้ามาซ้ำไม่เหลือ
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ “ปิศาจแดง” ได้จุดโทษหลังจาก เด มาร์กอส ใช้มือปัดบอลบริเวณเส้นเขตโทษจากการเปิดของ ชิชาริโต ก่อนที่ รูนีย์ จะสังหารไม่พลาดเป็นประตูตัวที่ 2 ของตัวเองในเกมนี้แต่ก็ไม่ทันการณ์ จบเกม บิลเบา จึงบุกมาสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเอาชนะ 3-2 ก่อนกลับไปเล่นในบ้านที่สนามซาน มาเมส ในวันที่ 15 มีนาคมนี้
รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - ดาบิด เด เคอา, ราฟาเอล ดา ซิลวา, คริส สมอลลิง, จอนนี อีแวนส์, ปาทริซ เอฟรา, แอชลีย์ ยัง, ฟิล โจนส์, ไรอัน กิกส์, ปาร์ค จี-ซอง, เวย์น รูนีย์, “ชิชาริโต” ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ
แอธเลติก บิลเบา - กอร์กา อิไรซอซ, อันโดนี อิราโอลา, ฆาบี มาร์ติเนซ, มิเกล ซาน โฆเซ, จอน เอาร์เตเนทเซ, อันเดร์ อิตูร์ราสเป, อันเดร์ เอร์เรรา, มาร์เกล ซูซาเอตา, ออสการ์ เด มาร์กอส, อิเคร์ มูเนียอิน, เฟร์นานโด ยอเรนเต
ผลฟุตบอลยูโรปาลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก
สปอร์ติง ลิสบอน (โปรตุเกส) ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี 1-0
แอตเลติโก มาดริด (สเปน) ชนะ เบซิคตัส (ตุรกี) 3-1
เอฟซี ทเวนเต (ฮอลแลนด์) ชนะ ชาลเก 04 (เยอรมนี) 1-0
เมตาลิสต์ คาร์คีฟ (ยูเครน) แพ้ โอลิมเปียกอส (กรีซ) 0-1
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) แพ้ แอธเลติก บิลเบา (สเปน) 2-3
อาแซด อัลค์มาร์ (ฮอลแลนด์) ชนะ อูดิเนเซ (อิตาลี) 2-0
สตองดาร์ ลีแอช (เบลเยียม) เสมอ ฮันโนเวอร์ 96 (เยอรมนี) 2-2
บาเลนเซีย (สเปน) ชนะ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน (ฮอลแลนด์) 4-2