เอเยนซี - ฝ่ายจัดการแข่งขันโมโตจีพี เตรียมสอบสวนถึงสาเหตุการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุสยองของ มาร์โก ซิมอนเชลลี ในศึกจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกรายการมาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะรัฐภาคย์ วิไลโรจน์ รับสลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและวิเคราะห์ว่าความแรงจากการชนน่าจะทำให้หมวกกันน็อกของนักบิดอิตาเลียนแตกและหลุดจากศีรษะ
วงการมอเตอร์สปอร์ตโลกต้องพบกับความสูญเสียอีกครั้ง หลังจาก มาร์โก ซิมอนเชลลี นักบิดอนาคตไกลชาวอิตาเลียน สังกัดเกรซินี-ฮอนด้า แห่งศึกมอเตอร์จีพี เสียชีวิตคาแทร็กสนามเซปัง ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา จากอุบัติเหตุที่ถูกรถยามาฮ่าของคอลิน เอ็ดเวิร์ดส และรถดูคาติของวาเลนติโน รอสซี ขับชนอย่างจัง
ล่าสุด พอล บัตเลอร์ ผู้อำนวยการประจำการแข่งขันโมโตจีพี ออกมาตอบข้อสักถามของผู้สื่อข่าวในประเด็นหมวกกันน็อกของนักบิดหัวฟูหลุดออกจากศีรษะขณะถูกชนว่า "ผมคิดว่า เราจะต้องมีการสอบสวนสาเหตุที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด โดยดูจากผลที่เกิดขึ้นและสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมาร์โก แต่การสอบสวนน่าจะยังไม่เกิดขึ้นในเวลานี้"
ด้าน "ฟีม" รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในรุ่นโมโตทู ที่มีประสบการณ์ในมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์มาถึง 5 ปี ได้วิเคราะห์ถึงสาเหตุของการที่หมวกกันน็อกของนักบิดหมายเลข 58 หลุดระหว่างถูกชนว่า "ผมคิดว่าสาเหตุของการที่หมวกกันน็อกหลุดออกจากศีรษะ น่าจะมาจากความแรงของการชนทั้งจากรถของเอ็ดเวิร์ดสและรอสซี จนทำให้หมวกกันน็อกแตก"
“ตามปกติแล้วนักบิดทุกคนจะมีสายรัดหมวกกันน็อกเอาไว้ที่คางในระดับที่แน่นถึงแน่นมากที่สุด ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่หมวกของซิมอนเชลลีจะกระเด็นออกไปโดยไม่ได้รับความเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องที่น่าใจหาย ผมเองเคยแข่งขันรุ่นเดียวกับเขาในรุ่น 250 ซีซี ซึ่งมาร์โก คือคนที่มีบุคลิกสนุกสนานและเป็นกันเองกับทุกคน" ฟีมเผย
ขณะที่เคซีย์ สโตเนอร์ แชมป์โลกโมโตจีพี คนล่าสุด จากค่ายเรปโซล-ฮอนด้า ที่อยู่ในอาการโศกเศร้าหลังเห็นเพื่อนร่วมอาชีพเสียชีวิตคาแทร็กเผยว่า "นี่คือเหตุการณ์ที่น่าเศร้า โดยเฉพาะเมื่อห็นภาพหมวกกันน็อกหลุดออกมา ทุกคนรู้ทันดีว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีแน่นอน ผมขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของมาร์โก และหวังว่าพวกเขาจะผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายนี้ไปได้ ขณะที่มาร์โกจะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป"
สำหรับ ซิมอนเชลลี นับเป็นนักบิดที่มีสไตล์การขับดุดันจนทำให้เขากลายเป็นขวัญใจอันดับที่ 2 ของแฟนๆความเร็วอิตาเลียนต่อจาก วาเลนติโน รอสซี ยอดนักบิดแชมป์โลก 9 สมัย นักบิดรุ่นพี่ที่มีส่วนกับอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งมีรายงานว่า หลังจบเรซ "เดอะด็อกเตอร์" ถึงกับร่ำไห้อยู่ในพิตทีมดูคาติ หลังเห็นนักบิดรุ่นน้องเสียชีวิตต่อหน้าต่อตา
วงการมอเตอร์สปอร์ตโลกต้องพบกับความสูญเสียอีกครั้ง หลังจาก มาร์โก ซิมอนเชลลี นักบิดอนาคตไกลชาวอิตาเลียน สังกัดเกรซินี-ฮอนด้า แห่งศึกมอเตอร์จีพี เสียชีวิตคาแทร็กสนามเซปัง ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา จากอุบัติเหตุที่ถูกรถยามาฮ่าของคอลิน เอ็ดเวิร์ดส และรถดูคาติของวาเลนติโน รอสซี ขับชนอย่างจัง
ล่าสุด พอล บัตเลอร์ ผู้อำนวยการประจำการแข่งขันโมโตจีพี ออกมาตอบข้อสักถามของผู้สื่อข่าวในประเด็นหมวกกันน็อกของนักบิดหัวฟูหลุดออกจากศีรษะขณะถูกชนว่า "ผมคิดว่า เราจะต้องมีการสอบสวนสาเหตุที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด โดยดูจากผลที่เกิดขึ้นและสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมาร์โก แต่การสอบสวนน่าจะยังไม่เกิดขึ้นในเวลานี้"
ด้าน "ฟีม" รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในรุ่นโมโตทู ที่มีประสบการณ์ในมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์มาถึง 5 ปี ได้วิเคราะห์ถึงสาเหตุของการที่หมวกกันน็อกของนักบิดหมายเลข 58 หลุดระหว่างถูกชนว่า "ผมคิดว่าสาเหตุของการที่หมวกกันน็อกหลุดออกจากศีรษะ น่าจะมาจากความแรงของการชนทั้งจากรถของเอ็ดเวิร์ดสและรอสซี จนทำให้หมวกกันน็อกแตก"
“ตามปกติแล้วนักบิดทุกคนจะมีสายรัดหมวกกันน็อกเอาไว้ที่คางในระดับที่แน่นถึงแน่นมากที่สุด ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่หมวกของซิมอนเชลลีจะกระเด็นออกไปโดยไม่ได้รับความเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องที่น่าใจหาย ผมเองเคยแข่งขันรุ่นเดียวกับเขาในรุ่น 250 ซีซี ซึ่งมาร์โก คือคนที่มีบุคลิกสนุกสนานและเป็นกันเองกับทุกคน" ฟีมเผย
ขณะที่เคซีย์ สโตเนอร์ แชมป์โลกโมโตจีพี คนล่าสุด จากค่ายเรปโซล-ฮอนด้า ที่อยู่ในอาการโศกเศร้าหลังเห็นเพื่อนร่วมอาชีพเสียชีวิตคาแทร็กเผยว่า "นี่คือเหตุการณ์ที่น่าเศร้า โดยเฉพาะเมื่อห็นภาพหมวกกันน็อกหลุดออกมา ทุกคนรู้ทันดีว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีแน่นอน ผมขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของมาร์โก และหวังว่าพวกเขาจะผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายนี้ไปได้ ขณะที่มาร์โกจะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป"
สำหรับ ซิมอนเชลลี นับเป็นนักบิดที่มีสไตล์การขับดุดันจนทำให้เขากลายเป็นขวัญใจอันดับที่ 2 ของแฟนๆความเร็วอิตาเลียนต่อจาก วาเลนติโน รอสซี ยอดนักบิดแชมป์โลก 9 สมัย นักบิดรุ่นพี่ที่มีส่วนกับอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งมีรายงานว่า หลังจบเรซ "เดอะด็อกเตอร์" ถึงกับร่ำไห้อยู่ในพิตทีมดูคาติ หลังเห็นนักบิดรุ่นน้องเสียชีวิตต่อหน้าต่อตา
