คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน
ทุกวันนี้มันก็ต้องมีคนคิดวิธีการต่างๆที่มันหลุดออกจากนอกกรอบไปบ้าง เพื่อนำมาใช้ให้มันเป็นประโยชน์และเอื้ออำนวยต่อการอยู่รอดของตนเองอย่างเป็นสุข แต่ถ้าวิธีการดังกล่าวเกิดไปสร้างความไม่พึงพอใจให้องค์กรใหญ่ แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้กระทบกระเทือนอะไรมากมาย คนที่คิดอะไรแหกๆอย่างนี้ก็จะต้องได้รับบทเรียน ถูกกดดัน และก็ถูกถีบออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อวันศุกร์ต้นเดือนที่ผ่านมา สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา และ สหสมาคมฟุตบอลยุโรป หรือ ยูเอ็ฟฟา เพิ่งประกาศลงโทษ สมาคมฟุตบอล บอสเนีย แอนด์ แอรเซโกวีนา ( Bosnia and Herzegovina ) โดยตัดสิทธิ์การเข้าร่วมการแข่งขันในระดับนานาชาติทุกรายการของ ฟีฟา และ ยูเอฟ็ฟฟา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2011 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น คำตัดสินดังกล่าวส่งผลให้ ทีมชาติ บอสเนีย แอนด์ แอรเซโกวีนา อดลงแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 รอบคัดเลือก ที่ทีมนักเตะเจ้าของฉายา ฝูงมังกร จะต้องบุกไปเยือน โรมาเนีย ที่กรุง บูกูเรชตี หรือที่เรารู้จักกันในนาม บูคาเรสท์ ในวันที่ 3 มิถุนายนนี้
ฟีฟา ให้เหตุผลในการพิจารณาตัดสินลงโทษแบนดังกล่าวว่า สมาคมฟุตบอล บอสเนีย ไม่เคารพต่อกฎ กติกาของฟีฟา เพราะตามหลักแล้ว สมาคมฟุตบอลของชาติหนึ่งๆ ย่อมต้องมีประธานเพียงคนเดียว แต่ บอสเนีย ดันมีถึง 3 คนในขณะเดียวกัน ก็เนื่องจากสมาคมฟุตบอล บอสเนีย แอนด์ แอรเซโกวีนา ( Football Association of Bosnia and Herzegovina ) หรือชื่อในภาษาบอสเนียว่า Nogometni/Fudbalski Savez Bosne i Hercegovine - N/FSBiH เขามีกลุ่มชนอยู่ 3 กลุ่ม ทำให้มีตัวแทนมาจากทั้ง โครเอเชีย เซรเบีย และบอสเนีย เขาจึงใช้ระบบให้เป็นประธานทั้ง 3 คน โดยหมุนเวียนผลัดกันขึ้นการเป็นประธานทีละคน เพื่อเป็นการประนีประนอมให้หลายสิ่งหลายอย่างมันตกลงกันได้
ทั้ง ฟีฟา และ ยูเอ็ฟฟา ร่วมกันส่งหนังสือเตือนให้ N/FSBiH ยุติการใช้ระบบประธานหมุนเวียนดังกล่าวตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ซึ่งทางสมาคมฟุตบอล บอสเนีย ก็ได้นำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณา มีการโหวตลงคะแนนตัดสินว่าจะเลิกระบบที่ใช้กันนี้หรือไม่ แต่ผลปรากฏว่า คณะกรรมการโหวตไม่รับระบบประธานคนเดียว สร้างความไม่พอใจให้กับ ฟีฟา เป็นอย่างยิ่ง
N/FSBiH เพิ่งหารือเรื่องระบบประธานคนเดียวอีกเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันอังคารที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ที่กรุงซาราเยโว ซึ่งมติของที่ประชุมก็ออกมาเช่นเดิม โดยในคณะกรรมการทั้งสิ้น 54 คน โหวตไม่รับ 28 คน โหวตให้เปลี่ยนเป็นระบบประธานคนเดียว 22 คน งดออกเสียง 3 คน และหนีประชุม 1 คน
เมื่อผลออกมาเป็นเช่นนี้ ฟีฟา ถือว่า N/FSBiH แข็งข้อ จึงยื่นคำขาดให้ทำการเปลี่ยนแปลงระบบให้สอดคล้องกับธรรมนูญของ ฟีฟา ภายในวันศุกร์ที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งก็ไร้ผล ทำให้ในที่สุด ฟีฟา จึงตัดสินใจลงโทษแบนดังกล่าว เป็นอันว่า บอสเนีย แอนด์ แอรเซโกวีนา จะไม่มีสิทธิ์ลงแข่งขัน ยูโร 2012 รอบคัดเลือก ที่ทยอยแข่งไปตั้งแต่เดือนกันยายน 2010 และจะเสร็จสิ้นโดยเล่นนัดสุดท้ายกับ ฝรั่งเศส ที่ สตาด เดอ ฟร็องซ์ ในวันที่ 11 ตุลาคมนี้
อันนี้มันจะมีผลต่อการแข่งขันฟุตบอล ยูโร 2012 ที่ได้ผ่านพ้นไปแล้วในกลุ่ม D โดยชาติใดก็ตามที่ได้แข่งกับ บอสเนีย แอนด์ แอรเซโกวีนา ไปแล้ว ไม่ว่าจะแพ้ เสมอ หรือ ชนะ ด้วยสกอร์เท่าใดก็ตาม ผลการแข่งขันจะกลายเป็นชาตินั้นชนะ บอสเนีย แอนด์ แอรเซโกวีนา ด้วยสกอร์ 3-0 อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริหาร ยูเอ็ฟฟา อาจเลื่อนการประชุมที่เดิมมีกำหนดในวันที่ 16 และ 17 มิถุนายนนี้ เข้ามาก่อนวันที่ 3 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่ บอสเนีย แอนด์ แอรเซโกวีนา ต้องไปเยือน โรมาเนีย เพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจนอีกครั้ง ฟีฟา ไม่ยอมให้ใครมาแทรกแซงวงการฟุตบอล แต่นี่มันเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของแต่ละสมาคมกันชัดๆ ก็ที สวิส ประเทศของเอ็ง ยังมีประธานาธิบดีที่หมุนเวียนผลัดกันดำรงตำแหน่งวาระละ 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมของทุกปีเลย องค์การสหประชาชาติไม่เห็นจะไปว่าอะไรเลย
ทุกวันนี้มันก็ต้องมีคนคิดวิธีการต่างๆที่มันหลุดออกจากนอกกรอบไปบ้าง เพื่อนำมาใช้ให้มันเป็นประโยชน์และเอื้ออำนวยต่อการอยู่รอดของตนเองอย่างเป็นสุข แต่ถ้าวิธีการดังกล่าวเกิดไปสร้างความไม่พึงพอใจให้องค์กรใหญ่ แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้กระทบกระเทือนอะไรมากมาย คนที่คิดอะไรแหกๆอย่างนี้ก็จะต้องได้รับบทเรียน ถูกกดดัน และก็ถูกถีบออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อวันศุกร์ต้นเดือนที่ผ่านมา สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา และ สหสมาคมฟุตบอลยุโรป หรือ ยูเอ็ฟฟา เพิ่งประกาศลงโทษ สมาคมฟุตบอล บอสเนีย แอนด์ แอรเซโกวีนา ( Bosnia and Herzegovina ) โดยตัดสิทธิ์การเข้าร่วมการแข่งขันในระดับนานาชาติทุกรายการของ ฟีฟา และ ยูเอฟ็ฟฟา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2011 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น คำตัดสินดังกล่าวส่งผลให้ ทีมชาติ บอสเนีย แอนด์ แอรเซโกวีนา อดลงแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 รอบคัดเลือก ที่ทีมนักเตะเจ้าของฉายา ฝูงมังกร จะต้องบุกไปเยือน โรมาเนีย ที่กรุง บูกูเรชตี หรือที่เรารู้จักกันในนาม บูคาเรสท์ ในวันที่ 3 มิถุนายนนี้
ฟีฟา ให้เหตุผลในการพิจารณาตัดสินลงโทษแบนดังกล่าวว่า สมาคมฟุตบอล บอสเนีย ไม่เคารพต่อกฎ กติกาของฟีฟา เพราะตามหลักแล้ว สมาคมฟุตบอลของชาติหนึ่งๆ ย่อมต้องมีประธานเพียงคนเดียว แต่ บอสเนีย ดันมีถึง 3 คนในขณะเดียวกัน ก็เนื่องจากสมาคมฟุตบอล บอสเนีย แอนด์ แอรเซโกวีนา ( Football Association of Bosnia and Herzegovina ) หรือชื่อในภาษาบอสเนียว่า Nogometni/Fudbalski Savez Bosne i Hercegovine - N/FSBiH เขามีกลุ่มชนอยู่ 3 กลุ่ม ทำให้มีตัวแทนมาจากทั้ง โครเอเชีย เซรเบีย และบอสเนีย เขาจึงใช้ระบบให้เป็นประธานทั้ง 3 คน โดยหมุนเวียนผลัดกันขึ้นการเป็นประธานทีละคน เพื่อเป็นการประนีประนอมให้หลายสิ่งหลายอย่างมันตกลงกันได้
ทั้ง ฟีฟา และ ยูเอ็ฟฟา ร่วมกันส่งหนังสือเตือนให้ N/FSBiH ยุติการใช้ระบบประธานหมุนเวียนดังกล่าวตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ซึ่งทางสมาคมฟุตบอล บอสเนีย ก็ได้นำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณา มีการโหวตลงคะแนนตัดสินว่าจะเลิกระบบที่ใช้กันนี้หรือไม่ แต่ผลปรากฏว่า คณะกรรมการโหวตไม่รับระบบประธานคนเดียว สร้างความไม่พอใจให้กับ ฟีฟา เป็นอย่างยิ่ง
N/FSBiH เพิ่งหารือเรื่องระบบประธานคนเดียวอีกเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันอังคารที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ที่กรุงซาราเยโว ซึ่งมติของที่ประชุมก็ออกมาเช่นเดิม โดยในคณะกรรมการทั้งสิ้น 54 คน โหวตไม่รับ 28 คน โหวตให้เปลี่ยนเป็นระบบประธานคนเดียว 22 คน งดออกเสียง 3 คน และหนีประชุม 1 คน
เมื่อผลออกมาเป็นเช่นนี้ ฟีฟา ถือว่า N/FSBiH แข็งข้อ จึงยื่นคำขาดให้ทำการเปลี่ยนแปลงระบบให้สอดคล้องกับธรรมนูญของ ฟีฟา ภายในวันศุกร์ที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งก็ไร้ผล ทำให้ในที่สุด ฟีฟา จึงตัดสินใจลงโทษแบนดังกล่าว เป็นอันว่า บอสเนีย แอนด์ แอรเซโกวีนา จะไม่มีสิทธิ์ลงแข่งขัน ยูโร 2012 รอบคัดเลือก ที่ทยอยแข่งไปตั้งแต่เดือนกันยายน 2010 และจะเสร็จสิ้นโดยเล่นนัดสุดท้ายกับ ฝรั่งเศส ที่ สตาด เดอ ฟร็องซ์ ในวันที่ 11 ตุลาคมนี้
อันนี้มันจะมีผลต่อการแข่งขันฟุตบอล ยูโร 2012 ที่ได้ผ่านพ้นไปแล้วในกลุ่ม D โดยชาติใดก็ตามที่ได้แข่งกับ บอสเนีย แอนด์ แอรเซโกวีนา ไปแล้ว ไม่ว่าจะแพ้ เสมอ หรือ ชนะ ด้วยสกอร์เท่าใดก็ตาม ผลการแข่งขันจะกลายเป็นชาตินั้นชนะ บอสเนีย แอนด์ แอรเซโกวีนา ด้วยสกอร์ 3-0 อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริหาร ยูเอ็ฟฟา อาจเลื่อนการประชุมที่เดิมมีกำหนดในวันที่ 16 และ 17 มิถุนายนนี้ เข้ามาก่อนวันที่ 3 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่ บอสเนีย แอนด์ แอรเซโกวีนา ต้องไปเยือน โรมาเนีย เพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจนอีกครั้ง ฟีฟา ไม่ยอมให้ใครมาแทรกแซงวงการฟุตบอล แต่นี่มันเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของแต่ละสมาคมกันชัดๆ ก็ที สวิส ประเทศของเอ็ง ยังมีประธานาธิบดีที่หมุนเวียนผลัดกันดำรงตำแหน่งวาระละ 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมของทุกปีเลย องค์การสหประชาชาติไม่เห็นจะไปว่าอะไรเลย