บริษัทผู้ผลิตแบตเตอร์รี เอฟบี เซ็นสัญญาสนับสนุน ทีม "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย เอฟซี เป็นเวลา 3 ปี มูลค่าสูงถึง 40 ล้านบาท เพื่อเป้าหมายในการคว้าแชมป์ 5 รายการในฤดูกาลนี้
เมื่อเวลา 14.00 น. วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2553 ณ ห้องแถลงข่าวสนามแพท การท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้มีการเซ็นสัญญาสนันสนุนระหว่าง สโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี กับ บริษัทสยามฟูรูกาวาเทรดดิง จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์แบตเตอร์รี เอฟบี ซึ่งมีนาย พิเชฐ มั่นคง ประธานสโมสร ร่วมกับ มิสเตอร์ ชิเกะโนริ โออูเอะ รองกรรมการผู้จัดการบริษัทสยามฟูรูกาวาเทรดดิง จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร นายศิริชัย แสงทองพิทักษ์ กับ คุณอธิธร จิตรานนท์ เข้าร่วมในการเซ็นสัญญาในครั้งนี้
โดยในการเซ็นสัญญาในครั้งนี้ ผู้ผลิตแบตเตอร์รี เอฟบี จะให้การสนับสนุนทีม"สิงห์เจ้าท่า" เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งเป็นมูลค่าสูงถึง 40 ล้านบาท โดยเงินทั้งหมดนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 30 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าบำรุงทีม ส่วนอีก 10 ล้านบาท จะใช้ในการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ ของทางสโมสร และในปีนี้ ทีมการท่าเรือฯ เอฟซี ก็ตั้งเป้าหมายที่จะกวาดแชมป์ทั้ง 5 รายการที่ลงทำการแข่งขันและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในศึกเอฟเอ คัพ ที่ทางท่านประธานสโมสร พิเชฐ มั่นคง หวังว่าจะต้องป้องกันตำแหน่งแชมป์ไว้ให้ได้
ซึ่งประธานสโมสรการท่าเรือฯ เอฟซี พิเชฐ มั่นคง กล่าวว่า "จากผลงานของการท่าเรือในปีที่ผ่านมา เราสามารถคว้าตำแหน่งแชมป์เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จในรอบ 16 ปี และในศึกไทยแลนด์ พรีเมียร์ ลีก ก็อยู่ในอันดับที่ 6 และในปีนี้เราได้มีการเตรียมทีมเป็นอย่างดี และผมก็เชื่อว่าศักยภาพของทีมเราในปีนี้สามารถคว้าได้ ทั้ง 5 แชมป์ ซึ่งเราก็จะพยายามคว้าแชมป์มาครองให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะการป้องกันตำแหน่งแชมป์เอฟเอ คัพ "
"สำหรับการเซ็นสัญญาในครั้งนี้ ถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดี สำหรับสโมสร ซึ่งการที่หน้าอกเสื้อของทีมเรามี เอฟบี แบตเตอร์รี มาสนับสนุนนั้น ผมเชื่อว่า นักเตะของเราจะวิ่งไม่หยุดเหมือนกับแบตเตอร์รีที่มีไฟอยู่ตลอดเวลา" ประธานสโมสรการท่าเรือ กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน สะสม พบประเสริฐ ผู้จัดการทีมการท่าเรือฯ เอฟซี เผย ถึงเป้าหมายในฤดูกาลหน้า ว่า "อย่างน้อยๆ ต้องมี 1 แชมป์ แต่ไม่คาดหวังว่าจะคว้าแชมป์รายการใดรายการหนึ่ง คือจะขอเน้นผลงานเป็นนัดไปดีกว่า ถ้าทีมเราชนะทุกคนภายในทีม รวมถึงแฟนบอลก็ต้องพอใจอยู่แล้ว ส่วนตัวผู้เล่นต่างชาติที่จะมาเสริมในปีนี้นั้น ก็กำลังมองหานักเตะที่มีความเหมาะสมอยู่ เบื้องต้นก็มีจาก ญี่ปุ่น แคเมอรูน และไนจีเรีย ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะเกินสิ้นเดือน ก็จะรู้ผล"
