คอลัมน์ ON TRACK โดย เด็กปั๊ม
ในที่สุดศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกฤดูกาล 2009 ก็ผ่านพ้นไปแล้ว หลังจากได้บทสรุปในรุ่น 250 ซีซี จากการบิดสุดท้ายในศึกบาเลนเซียน กรังด์ปรีซ์ เมื่อช่วงค่ำของวันอาทิตย์ที่ผ่าน ซึ่งฮิโรชิ อาโอยามา นักบิดญี่ปุ่นก็ไม่พลิกโผ คว้าแชมป์โลกไปครองได้สำเร็จ แม้จะทำเสียวเล็กๆด้วยการหลุดลงไปในบ่อกรวดในรอบที่ 10 ก็ตามที
การคว้าแชมป์ของนักบิดญี่ปุ่นวัย 28 ปี ที่ใช้รถฮอนดา RS250RW รุ่นเดียวกับคันที่ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ใช้ลงแข่งขันในฤดูกาลนี้ ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใด อาโอยามาถึงมีทีเด็ดทะลุไปคว้าแชมป์โลกรุ่น 250 ซีซีได้ ขณะที่นักบิดไทยของเราทำได้ดีที่สุดด้วยการจบการแข่งขันอันดับที่ 5 ในเรซล่าสุด
ซึ่งก่อนอื่นต้องบอกว่าแม้รถของเบอร์ 14 ของฟีมและเบอร์ 4 ของอาโอยามาจะเป็นสเปกเดียวกัน แต่อย่าลืมว่าทีมงานคือสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะคุณอารักษ์ พรประภา บอสใหญ่เอ.พี ฮอนดาเคยกระซิบบอกผมว่า ทีมงานสกอตซึ่งเป็นทีมอิตาลีทั้งเซต ที่สำคัญมีประสบการณ์รวมถึงงบทำทีมมากกว่าสตอป แอนด์ โก (แซค) ของสเปนอยู่หลายขุมครับ
นอกจากทีมงานแล้ว เรื่องของประสบการณ์และความเจนจัดในการแข่งขันก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งผมเองมีโอกาสได้พูดคุยกับ "น้าบาน" สุทธิสาร แววสมณะ ช่างมือทองของฮอนดา และเป็นพี่เลี้ยงคู่ใจฟีมมาตั้งแต่วันกระเตาะถึงจังหวะทีเด็ดที่ขาดในสนามในช่วงแข่ง ที่ต้องยอมรับว่าเจ้าลิงน้อยของเรายัง เป็นรอง ฮาโอยามา,ซิมอนเชลลี หรือ เบาติสตา อยู่นิดๆ
โดย "น้าบาน" มองว่าเป็นเรื่องของประสบการณ์ล้วนๆ เพราะเวลานี้ฟีมเองแม้จะบิดเป็นฤดูกาลที่ 3 ซึ่งบางคนออจมากว่าเยอะ แต่หากไล่ดูรายชื่อนักบิดแถวหน้าล้วนเป็นนักซิ่งระดับเขี้ยวๆที่ลงแข่งมาไม่ต่ำกว่า 5-6 ปีทั้งสิ้น โดยเฉพาะ อาโอยามา ที่บิดรุ่นจีพี 250 แบบเต็มตัวเป็นปีที่ 6 ก่อนจะประสบความสำเร็จคว้าแชมป์โลกไปครองได้ในที่สุด
ซึ่งช่างพี่เลี้ยงคู่ใจของฟีม ยังมั่นใจลึกๆครับว่าพัฒนาการของนักบิดไทยวัย 21 ปี กำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง และจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักบิดแถวหน้าได้ด้วยการสั่งสมประสบการณ์นั่นเอง
ส่วนตัวผมเองแล้ว ก็เชื่อเช่นกันครับ โดยเฉพาะเมื่อเห็นอันดับควอลิฟายในเรซล่าสุดที่ติดแถวหน้าได้เป็นครั้งแรก แสดงให้เห็นว่าฟีมหมดห่วงในการทำฟลายอิง แลป แล้ว ส่วนจังหวะในวันแข่งคือสิ่งที่ต้องสั่งสมจากชั่วโมงบิน เอาเป็นว่าไปตามลุ้นเด็กคนนี้ต่อในรุ่น 600 ซีซี 4 จังหวะ (MOTO2) ในซีซันหน้าแล้วกันครับ
ในที่สุดศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกฤดูกาล 2009 ก็ผ่านพ้นไปแล้ว หลังจากได้บทสรุปในรุ่น 250 ซีซี จากการบิดสุดท้ายในศึกบาเลนเซียน กรังด์ปรีซ์ เมื่อช่วงค่ำของวันอาทิตย์ที่ผ่าน ซึ่งฮิโรชิ อาโอยามา นักบิดญี่ปุ่นก็ไม่พลิกโผ คว้าแชมป์โลกไปครองได้สำเร็จ แม้จะทำเสียวเล็กๆด้วยการหลุดลงไปในบ่อกรวดในรอบที่ 10 ก็ตามที
การคว้าแชมป์ของนักบิดญี่ปุ่นวัย 28 ปี ที่ใช้รถฮอนดา RS250RW รุ่นเดียวกับคันที่ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ใช้ลงแข่งขันในฤดูกาลนี้ ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใด อาโอยามาถึงมีทีเด็ดทะลุไปคว้าแชมป์โลกรุ่น 250 ซีซีได้ ขณะที่นักบิดไทยของเราทำได้ดีที่สุดด้วยการจบการแข่งขันอันดับที่ 5 ในเรซล่าสุด
ซึ่งก่อนอื่นต้องบอกว่าแม้รถของเบอร์ 14 ของฟีมและเบอร์ 4 ของอาโอยามาจะเป็นสเปกเดียวกัน แต่อย่าลืมว่าทีมงานคือสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะคุณอารักษ์ พรประภา บอสใหญ่เอ.พี ฮอนดาเคยกระซิบบอกผมว่า ทีมงานสกอตซึ่งเป็นทีมอิตาลีทั้งเซต ที่สำคัญมีประสบการณ์รวมถึงงบทำทีมมากกว่าสตอป แอนด์ โก (แซค) ของสเปนอยู่หลายขุมครับ
นอกจากทีมงานแล้ว เรื่องของประสบการณ์และความเจนจัดในการแข่งขันก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งผมเองมีโอกาสได้พูดคุยกับ "น้าบาน" สุทธิสาร แววสมณะ ช่างมือทองของฮอนดา และเป็นพี่เลี้ยงคู่ใจฟีมมาตั้งแต่วันกระเตาะถึงจังหวะทีเด็ดที่ขาดในสนามในช่วงแข่ง ที่ต้องยอมรับว่าเจ้าลิงน้อยของเรายัง เป็นรอง ฮาโอยามา,ซิมอนเชลลี หรือ เบาติสตา อยู่นิดๆ
โดย "น้าบาน" มองว่าเป็นเรื่องของประสบการณ์ล้วนๆ เพราะเวลานี้ฟีมเองแม้จะบิดเป็นฤดูกาลที่ 3 ซึ่งบางคนออจมากว่าเยอะ แต่หากไล่ดูรายชื่อนักบิดแถวหน้าล้วนเป็นนักซิ่งระดับเขี้ยวๆที่ลงแข่งมาไม่ต่ำกว่า 5-6 ปีทั้งสิ้น โดยเฉพาะ อาโอยามา ที่บิดรุ่นจีพี 250 แบบเต็มตัวเป็นปีที่ 6 ก่อนจะประสบความสำเร็จคว้าแชมป์โลกไปครองได้ในที่สุด
ซึ่งช่างพี่เลี้ยงคู่ใจของฟีม ยังมั่นใจลึกๆครับว่าพัฒนาการของนักบิดไทยวัย 21 ปี กำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง และจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักบิดแถวหน้าได้ด้วยการสั่งสมประสบการณ์นั่นเอง
ส่วนตัวผมเองแล้ว ก็เชื่อเช่นกันครับ โดยเฉพาะเมื่อเห็นอันดับควอลิฟายในเรซล่าสุดที่ติดแถวหน้าได้เป็นครั้งแรก แสดงให้เห็นว่าฟีมหมดห่วงในการทำฟลายอิง แลป แล้ว ส่วนจังหวะในวันแข่งคือสิ่งที่ต้องสั่งสมจากชั่วโมงบิน เอาเป็นว่าไปตามลุ้นเด็กคนนี้ต่อในรุ่น 600 ซีซี 4 จังหวะ (MOTO2) ในซีซันหน้าแล้วกันครับ
