คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน
จากการละทิ้งทีมชาติไทยไปเป็นผู้ช่วยโคช ทีมสโตค ซิที ( Stoke City ) ของ พีเทอร์ รีด ( Peter Reid ) โคชชาวอังกฤษ อย่างไม่เหลือเยื่อใยใดๆทั้งสิ้น ทำให้คุณวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ต้องเร่งควานหาผู้ที่จะมาทำหน้าที่แทนโดยเร็ว และแทนที่จะมองบรรดาโคชชาวไทยจากสโมสรต่างๆใน ไทย พรีเมียร์ ลีก แต่ลูกพี่เล่นชิงประกาศออกมาชัดเจนว่า โคชทีมชาติไทยคนต่อไป เป็นชาวต่างชาติแน่นอน
ผลงานของ พีเทอร์ รีด ในสายตาของผม ถือว่า ซังกะบ๊วย มาก หมอนี่เริ่มเข้ามาคุมทีมชาติไทยในเดือนกันยายน 2008 นับถึงตอนนี้ก็ครบ 1 ปีพอดี เขานำทีมชาติไทยคว้าอะไรมาบ้าง มาดูกันครับ เมื่อเขามาอยู่บ้านเรา ด้วยสัญญา 4 ปี โดยภารกิจที่ได้รับมอบหมายคือ พาทีมชาติไทยไปบอลโลกปี 2014 ให้ได้ ช่วงที่คุมทีม พีเทอร์ ชื่นชมว่า นักเตะไทยมีทักษะไม่เลว เขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับฟุตบอลที่เมืองไทยนี่เอง มันเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ในฟุตบอลอังกฤษ และเขาก็รักมันซะด้วย แต่ทำไมเอ็งถึงได้จากไปก็ไม่ทราบ พีเทอร์ ไม่เคยเรียกชื่อนักเตะถูกเลย ไม่ว่าชื่อเล่นหรือชื่อจริง เขามักจะเรียกแต่ละคนด้วยเบอร์เสื้อ อันนี้บ่งบอกได้ชัดเจนว่า พีเทอร์ ไม่มีความรู้สึกผูกพันกับฟุตบอลไทย
ผลงานการคุมทีมชาติไทยของหมอนี่โดดเด่นเหลือเกิน นั่นคือการนำทีมชาติไทยชวดแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซุกิ คัพ ปลายปีที่แล้ว ( 2008 AFF Suzuki Cup runner ) โดยแพ้ เวียดนาม คาสนามราชมังคลากีฬาสถาน 1-2 ในรอบชิงชนะเลิศนัดแรก ก่อนที่จะไปเสมอที่ประเทศเวียดนาม 1-1 ในนัดที่สอง ส่วนที่ได้แชมป์ก็คือ ทีแอนด์ที คัพ ที่ประเทศเวียดนาม รายการนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2004 ในชื่อ อกรีแบงค์ คัพ ( Agribank Cup ) เป็นรายการที่มาแทน ฟุตบอลฉลองเอกราช ( The Independence Cup ) ของเขา แต่ผมว่าไอ้แชมป์เฮ็งซวยนี่มันมีทีมเข้าร่วมการแข่งขันเพียงแค่ 3 ทีมเท่านั้นคือ เกาหลีเหนือ ไทย และเวียดนาม เจ้าภาพ ซึ่งเราก็เอาชนะเกาหลีเหนือได้ 1-0 แล้วไปเสมอ เวียดนาม 2-2 แต่ เวียดนาม ดันเสมอ เกาหลีเหนือ 0-0 ดังนั้น เมื่อรวมคะแนนแล้ว พี่ไทยจึงได้แชมป์ ซึ่งก่อนหน้านั้น อุซเบกิสถาน ได้ส่งรายชื่อเข้าร่วมด้วย แต่มาถอนตัวในภายหลัง
ผมอยากเรียนท่านผู้อ่านว่า ฟุตบอลรายการนี้ เป็นรายการกระจอกมาก หาสปอนเซอร์ยากมาก เพราะเขาเกี่ยงกันว่า คุณภาพของทีมที่เข้าร่วมแข่งขันอยู่ในขั้น ห่วย บางชาติส่งทีมระดับสโมสร ไม่ใช่ทีมชาติ ญี่ปุ่น บาห์เรน เองก็เคยส่งทีมระดับเยาวชนเข้าร่วมแข่ง ไทยเราเองก็เคยปฏิเสธการเข้าร่วมแข่งในปี 2007 จนทำให้ เวียดนาม ต้องไปชวน ซิมบับเว มาเป็นมวยแทน แล้วอย่างนี้จะเรียกว่า เป็นผลงานการคว้าแชมป์ที่น่าภาคภูมิใจของ พีเทอร์ รีด ได้อย่างไร
ผมขอขุดมาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังอีกว่า ตั้งแต่ตอน พีเทอร์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นโคชคุมทีม โคเวนทรี ซิที ( Coventry City ) ในเดือนพฤษภาคม 2004 โดยมีภารกิจสำคัญคือ นำทีมกลับขึ้นมาเล่นใน เพรอมิเอ ลีก แต่หมอนี่ก็ทนอยู่กับ เดอะ สกาย บลูส์ ( The Sky Blues ) ได้ไม่นาน ราว 8 เดือน ก็เซ็งกับผลงานของตนเอง ที่ละเลงจน โคเวนทรี รั้งอันดับ 20 ของ เดอะ แชมเปียนชิพ ( The Championship ) จึงเปิดตูด แล้วกลับไปนอนเลียแผล ว่างงานอยู่กับบ้านนานเกือบ 4 ปี โชคดีเป็นบ้าเลยครับ มีชาติในเอเชียทะเล่อทะล่ามาเสนอตำแหน่งกุนซือให้ ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมา มันก็ไอ้แค่งานที่ให้เงินเลี้ยงชีพแก่ พีเทอร์ ดีกว่าอยู่เปล่าๆเท่านั้นเอง เมื่อมีตำแหน่งที่ไม่ใช่ว่าหรู แค่เป็นผู้ช่วยโคชสโมสรในอังกฤษ หมอนี่รีบเผ่นกลับทันที จะเอาอีกไหมครับ โคชอังกฤษ
จากการละทิ้งทีมชาติไทยไปเป็นผู้ช่วยโคช ทีมสโตค ซิที ( Stoke City ) ของ พีเทอร์ รีด ( Peter Reid ) โคชชาวอังกฤษ อย่างไม่เหลือเยื่อใยใดๆทั้งสิ้น ทำให้คุณวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ต้องเร่งควานหาผู้ที่จะมาทำหน้าที่แทนโดยเร็ว และแทนที่จะมองบรรดาโคชชาวไทยจากสโมสรต่างๆใน ไทย พรีเมียร์ ลีก แต่ลูกพี่เล่นชิงประกาศออกมาชัดเจนว่า โคชทีมชาติไทยคนต่อไป เป็นชาวต่างชาติแน่นอน
ผลงานของ พีเทอร์ รีด ในสายตาของผม ถือว่า ซังกะบ๊วย มาก หมอนี่เริ่มเข้ามาคุมทีมชาติไทยในเดือนกันยายน 2008 นับถึงตอนนี้ก็ครบ 1 ปีพอดี เขานำทีมชาติไทยคว้าอะไรมาบ้าง มาดูกันครับ เมื่อเขามาอยู่บ้านเรา ด้วยสัญญา 4 ปี โดยภารกิจที่ได้รับมอบหมายคือ พาทีมชาติไทยไปบอลโลกปี 2014 ให้ได้ ช่วงที่คุมทีม พีเทอร์ ชื่นชมว่า นักเตะไทยมีทักษะไม่เลว เขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับฟุตบอลที่เมืองไทยนี่เอง มันเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ในฟุตบอลอังกฤษ และเขาก็รักมันซะด้วย แต่ทำไมเอ็งถึงได้จากไปก็ไม่ทราบ พีเทอร์ ไม่เคยเรียกชื่อนักเตะถูกเลย ไม่ว่าชื่อเล่นหรือชื่อจริง เขามักจะเรียกแต่ละคนด้วยเบอร์เสื้อ อันนี้บ่งบอกได้ชัดเจนว่า พีเทอร์ ไม่มีความรู้สึกผูกพันกับฟุตบอลไทย
ผลงานการคุมทีมชาติไทยของหมอนี่โดดเด่นเหลือเกิน นั่นคือการนำทีมชาติไทยชวดแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซุกิ คัพ ปลายปีที่แล้ว ( 2008 AFF Suzuki Cup runner ) โดยแพ้ เวียดนาม คาสนามราชมังคลากีฬาสถาน 1-2 ในรอบชิงชนะเลิศนัดแรก ก่อนที่จะไปเสมอที่ประเทศเวียดนาม 1-1 ในนัดที่สอง ส่วนที่ได้แชมป์ก็คือ ทีแอนด์ที คัพ ที่ประเทศเวียดนาม รายการนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2004 ในชื่อ อกรีแบงค์ คัพ ( Agribank Cup ) เป็นรายการที่มาแทน ฟุตบอลฉลองเอกราช ( The Independence Cup ) ของเขา แต่ผมว่าไอ้แชมป์เฮ็งซวยนี่มันมีทีมเข้าร่วมการแข่งขันเพียงแค่ 3 ทีมเท่านั้นคือ เกาหลีเหนือ ไทย และเวียดนาม เจ้าภาพ ซึ่งเราก็เอาชนะเกาหลีเหนือได้ 1-0 แล้วไปเสมอ เวียดนาม 2-2 แต่ เวียดนาม ดันเสมอ เกาหลีเหนือ 0-0 ดังนั้น เมื่อรวมคะแนนแล้ว พี่ไทยจึงได้แชมป์ ซึ่งก่อนหน้านั้น อุซเบกิสถาน ได้ส่งรายชื่อเข้าร่วมด้วย แต่มาถอนตัวในภายหลัง
ผมอยากเรียนท่านผู้อ่านว่า ฟุตบอลรายการนี้ เป็นรายการกระจอกมาก หาสปอนเซอร์ยากมาก เพราะเขาเกี่ยงกันว่า คุณภาพของทีมที่เข้าร่วมแข่งขันอยู่ในขั้น ห่วย บางชาติส่งทีมระดับสโมสร ไม่ใช่ทีมชาติ ญี่ปุ่น บาห์เรน เองก็เคยส่งทีมระดับเยาวชนเข้าร่วมแข่ง ไทยเราเองก็เคยปฏิเสธการเข้าร่วมแข่งในปี 2007 จนทำให้ เวียดนาม ต้องไปชวน ซิมบับเว มาเป็นมวยแทน แล้วอย่างนี้จะเรียกว่า เป็นผลงานการคว้าแชมป์ที่น่าภาคภูมิใจของ พีเทอร์ รีด ได้อย่างไร
ผมขอขุดมาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังอีกว่า ตั้งแต่ตอน พีเทอร์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นโคชคุมทีม โคเวนทรี ซิที ( Coventry City ) ในเดือนพฤษภาคม 2004 โดยมีภารกิจสำคัญคือ นำทีมกลับขึ้นมาเล่นใน เพรอมิเอ ลีก แต่หมอนี่ก็ทนอยู่กับ เดอะ สกาย บลูส์ ( The Sky Blues ) ได้ไม่นาน ราว 8 เดือน ก็เซ็งกับผลงานของตนเอง ที่ละเลงจน โคเวนทรี รั้งอันดับ 20 ของ เดอะ แชมเปียนชิพ ( The Championship ) จึงเปิดตูด แล้วกลับไปนอนเลียแผล ว่างงานอยู่กับบ้านนานเกือบ 4 ปี โชคดีเป็นบ้าเลยครับ มีชาติในเอเชียทะเล่อทะล่ามาเสนอตำแหน่งกุนซือให้ ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมา มันก็ไอ้แค่งานที่ให้เงินเลี้ยงชีพแก่ พีเทอร์ ดีกว่าอยู่เปล่าๆเท่านั้นเอง เมื่อมีตำแหน่งที่ไม่ใช่ว่าหรู แค่เป็นผู้ช่วยโคชสโมสรในอังกฤษ หมอนี่รีบเผ่นกลับทันที จะเอาอีกไหมครับ โคชอังกฤษ
