คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน
วันนี้ผมแค่อยากจะเขียนถึงสุดยอดนักเตะฝรั่งเศสที่ได้ชื่อว่า ดีที่สุดใน เจเนอเรเชิน นี้ หมอนี่กำลังเป็นที่หมายปองของสโมสรต่างๆในทวีปยุโรป ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูนายเท็ด เชลซี บาร์เซโลนา หรือ เรอัล มาดริด นักเตะคนนี้ก็คือ ฟร็องก์ ริเบรี ( Franck Ribery ) มิดฟีลด์ทีมชาติฝรั่งเศสแห่งสโมสร บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งในที่สุดก็ออกมาประกาศไม่ย้ายไปไหนทั้งสิ้น แต่ยังขอค้าแข้งอยู่กับสโมสรต้นสังกัดอย่างน้อยก็ในฤดูกาลนี้อย่างแน่นอนเรียบร้อยแล้ว
แฟนบอลหลายคนคงรู้จัก ฟร็องก์ ริเบรี ตั้งแต่ได้เห็นฝีเท้าของเขาในการลงเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศสเมื่อตอนศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนีเป็นเจ้าภาพ ซึ่ง ริเบรี ก็ยิงประตูได้ด้วย ยิ่งย้ายมาเล่นให้ บาเยิร์น มิวนิค ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2007 โดยเซ็นสัญญา 4 ปี ด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร แล้วก็ได้รับมอบเสื้อหมายเลข 7 ที่เดิม เมเม็ต โชล ( Mehmet Scholl ) เคยสวมอยู่แต่เลิกค้าแข้งไปตั้งแต่จบฤดูกาล 2006-2007 ริเบรี ยิ่งระเบิดฟอร์มสุดยอดมาตลอด ถึงกับได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของ บุนเดสลีกา ประจำฤดูกาล 2007-2008 นอกจากนั้น ซีเนดาน ซีดาน สุดยอดนักเตะฝรั่งเศสยังกล่าวยกย่องให้ ริเบรี เป็น อัญมณีแห่งวงการฟุตบอลฝรั่งเศส อีกด้วย
ก่อนหน้านั้น นักเตะผู้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามวัย 26 ปีคนนี้เริ่มค้าแข้งกับหลายสโมสรในประเทศฝรั่งเศส โดยแทบจะเปลี่ยนสังกัดทุกปี เริ่มตั้งแต่ บูโลญ ( Boulogne ) ในปี 2000-2002 อาแลส ( Ales ) ในปี 2002-2003 สตาด เบรสตัว ( Stade Brestois ) ในปี 2003-2004 และ เม็ตซ์ ( Metz ) ในปี 2004-2005 ก่อนที่จะย้ายไปเล่นให้ กาลาตาซาราย ( Galatasaray ) ใน ตุรกี ในปี 2005 แล้วก็เริ่มฉายแววจังๆก็ตั้งแต่กลับมาเล่นในฝรั่งเศสกับ โอแล็งปิก เดอ มารแซย ( Olympique de Marseille ) ในช่วงปี 2005-2007
ตอนที่ ริเบรี โซซัดโซเซไปตามสโมสรต่างๆในฝรั่งเศสช่วง 4 ฤดูกาลแรกนั้น จอร์จี ฮาจี ( Gheorghe Hagi ) อดีตมิดฟีลด์ทีมชาติโรมาเนียซึ่งกำลังคุม สโมสรกาลาตาซาราย ใน ตุรกี อยู่ มาเห็นเข้าจึงคว้าตัวไปเล่นให้ กาลาตาซาราย โดยจับเขาเซ็นสัญญา 3 ปีครึ่ง แต่เอาเข้าจริงๆ ริเบรี เล่นได้ 4 เดือนก็เผ่นกลับฝรั่งเศส เป็นเรื่องเป็นราวถึงอนุญาโตตุลาการต้องเข้ามาตัดสิน ริเบรี ได้ลงเล่นให้กับ มารแซย และก็สามารถนำ มารแซย ขึ้นเป็นรองแชมป์ ลีกเอิง ในฤดูกาล 2006-2007 นั่นก็ถือว่าเยี่ยมยอดแล้ว เพราะย้อนกลับไป 3 ปี ตอนนั้นไม่น่าจะมีสโมสรใดเทียบความสุดยอดของ ลีอง ที่คว้าแชมป์ ลีกเอิง มาแล้ว 4 สมัยติดต่อกันได้
นั่นก็เป็นเรื่องราวที่ ริเบริ ระหกระเหินอยู่พักใหญ่ กว่าจะมาลงตัวที่ บาเยิร์น มิวนิค แล้วคราวนี้หลายคนอาจสงสัยว่า วัยหนุ่มของนักเตะหน้าบากคนนี้คงคะนองไม่เบา จึงมีแผลเป็นดูน่ากลัว ราวกับเป็นสิงห์ขี้คุก แต่เปล่าครับ ผมอยากเรียนท่านผู้อ่านว่า ตอนที่ ริเบรี ยังเล็กมาก อายุแค่ 2 ขวบ เขานั่งรถไปกับครอบครัว แล้วเกิดอุบัติเหตุที่ บูโลญ-ซูร-แมร ( Boulogne-sur-Mer ) โดยรถยนต์ที่ทั้งครอบครัวของ ริเบรีนั่ง ไปบวกกับสิบล้อ ทำให้ ริเบรี ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักที่ใบหน้า ต้องเย็บ 100 กว่าเข็ม เด็กแค่นี้ได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ ไม่ตายก็เหลือเชื่อแล้ว อย่างไรก็ตาม จากการได้รับบาดเจ็บครั้งนั้น ทำให้ทิ้งร่องรอยแผลเป็นแนวยาวลงมาทางซีกขวาจนถึงทุกวันนี้
วันนี้ผมแค่อยากจะเขียนถึงสุดยอดนักเตะฝรั่งเศสที่ได้ชื่อว่า ดีที่สุดใน เจเนอเรเชิน นี้ หมอนี่กำลังเป็นที่หมายปองของสโมสรต่างๆในทวีปยุโรป ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูนายเท็ด เชลซี บาร์เซโลนา หรือ เรอัล มาดริด นักเตะคนนี้ก็คือ ฟร็องก์ ริเบรี ( Franck Ribery ) มิดฟีลด์ทีมชาติฝรั่งเศสแห่งสโมสร บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งในที่สุดก็ออกมาประกาศไม่ย้ายไปไหนทั้งสิ้น แต่ยังขอค้าแข้งอยู่กับสโมสรต้นสังกัดอย่างน้อยก็ในฤดูกาลนี้อย่างแน่นอนเรียบร้อยแล้ว
แฟนบอลหลายคนคงรู้จัก ฟร็องก์ ริเบรี ตั้งแต่ได้เห็นฝีเท้าของเขาในการลงเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศสเมื่อตอนศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนีเป็นเจ้าภาพ ซึ่ง ริเบรี ก็ยิงประตูได้ด้วย ยิ่งย้ายมาเล่นให้ บาเยิร์น มิวนิค ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2007 โดยเซ็นสัญญา 4 ปี ด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร แล้วก็ได้รับมอบเสื้อหมายเลข 7 ที่เดิม เมเม็ต โชล ( Mehmet Scholl ) เคยสวมอยู่แต่เลิกค้าแข้งไปตั้งแต่จบฤดูกาล 2006-2007 ริเบรี ยิ่งระเบิดฟอร์มสุดยอดมาตลอด ถึงกับได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของ บุนเดสลีกา ประจำฤดูกาล 2007-2008 นอกจากนั้น ซีเนดาน ซีดาน สุดยอดนักเตะฝรั่งเศสยังกล่าวยกย่องให้ ริเบรี เป็น อัญมณีแห่งวงการฟุตบอลฝรั่งเศส อีกด้วย
ก่อนหน้านั้น นักเตะผู้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามวัย 26 ปีคนนี้เริ่มค้าแข้งกับหลายสโมสรในประเทศฝรั่งเศส โดยแทบจะเปลี่ยนสังกัดทุกปี เริ่มตั้งแต่ บูโลญ ( Boulogne ) ในปี 2000-2002 อาแลส ( Ales ) ในปี 2002-2003 สตาด เบรสตัว ( Stade Brestois ) ในปี 2003-2004 และ เม็ตซ์ ( Metz ) ในปี 2004-2005 ก่อนที่จะย้ายไปเล่นให้ กาลาตาซาราย ( Galatasaray ) ใน ตุรกี ในปี 2005 แล้วก็เริ่มฉายแววจังๆก็ตั้งแต่กลับมาเล่นในฝรั่งเศสกับ โอแล็งปิก เดอ มารแซย ( Olympique de Marseille ) ในช่วงปี 2005-2007
ตอนที่ ริเบรี โซซัดโซเซไปตามสโมสรต่างๆในฝรั่งเศสช่วง 4 ฤดูกาลแรกนั้น จอร์จี ฮาจี ( Gheorghe Hagi ) อดีตมิดฟีลด์ทีมชาติโรมาเนียซึ่งกำลังคุม สโมสรกาลาตาซาราย ใน ตุรกี อยู่ มาเห็นเข้าจึงคว้าตัวไปเล่นให้ กาลาตาซาราย โดยจับเขาเซ็นสัญญา 3 ปีครึ่ง แต่เอาเข้าจริงๆ ริเบรี เล่นได้ 4 เดือนก็เผ่นกลับฝรั่งเศส เป็นเรื่องเป็นราวถึงอนุญาโตตุลาการต้องเข้ามาตัดสิน ริเบรี ได้ลงเล่นให้กับ มารแซย และก็สามารถนำ มารแซย ขึ้นเป็นรองแชมป์ ลีกเอิง ในฤดูกาล 2006-2007 นั่นก็ถือว่าเยี่ยมยอดแล้ว เพราะย้อนกลับไป 3 ปี ตอนนั้นไม่น่าจะมีสโมสรใดเทียบความสุดยอดของ ลีอง ที่คว้าแชมป์ ลีกเอิง มาแล้ว 4 สมัยติดต่อกันได้
นั่นก็เป็นเรื่องราวที่ ริเบริ ระหกระเหินอยู่พักใหญ่ กว่าจะมาลงตัวที่ บาเยิร์น มิวนิค แล้วคราวนี้หลายคนอาจสงสัยว่า วัยหนุ่มของนักเตะหน้าบากคนนี้คงคะนองไม่เบา จึงมีแผลเป็นดูน่ากลัว ราวกับเป็นสิงห์ขี้คุก แต่เปล่าครับ ผมอยากเรียนท่านผู้อ่านว่า ตอนที่ ริเบรี ยังเล็กมาก อายุแค่ 2 ขวบ เขานั่งรถไปกับครอบครัว แล้วเกิดอุบัติเหตุที่ บูโลญ-ซูร-แมร ( Boulogne-sur-Mer ) โดยรถยนต์ที่ทั้งครอบครัวของ ริเบรีนั่ง ไปบวกกับสิบล้อ ทำให้ ริเบรี ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักที่ใบหน้า ต้องเย็บ 100 กว่าเข็ม เด็กแค่นี้ได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ ไม่ตายก็เหลือเชื่อแล้ว อย่างไรก็ตาม จากการได้รับบาดเจ็บครั้งนั้น ทำให้ทิ้งร่องรอยแผลเป็นแนวยาวลงมาทางซีกขวาจนถึงทุกวันนี้
