ปีเตอร์ แลง แข้งลูกครึ่งไทย-สวิสเปิดตัวในนามทีมชาติไทยครั้งแรกได้ไม่เลวโดยถูกจับเล่นมิดฟิลด์ตัวรับและปราการหลังตัวกลางในเกมอุ่นเครื่องที่ไล่ถล่ม ปากีสถาน อย่างง่ายดาย 4-0
ฟุตบอลอุ่นเครื่องทีมชาติ วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
ไทย 4-0 ปากีสถาน
แมตช์เตรียมความพร้อมของทัพช้างศึกก่อนลงเล่นแมตช์พิเศษกับ ลิเวอร์พูล ที่สนามธันเดอร์โดม เมืองทองธานี นัดนี้ ปีเตอร์ รีด กุนซือชาวอังกฤษส่ง ปีเตอร์ แลง ลูกครึ่งไทย-สวิสจากสโมสร เอฟซี ชาฟฟ์เฮาเซน ลงทดสอบฝีเท้าในบทบาทมิดฟิลด์ตัวรับ พร้อมทั้งปรับหมากให้ พิชิตพงษ์ เฉยฉิว เล่นแบ็กขวา ส่วนคู่หัวหอกเป็น พิพัฒน์ ต้นกันยา กับ ธีรศิลป์ แดงดา ที่ล่าตาข่ายร่วมกัน
เริ่มเกมไม่ถึง 2 นาที ไทยได้ลุ้นครั้งแรกของเกมจากการยิงไกลออกเสาแรกของ ธีรศิลป์ จากนั้นนาทีที่ 5 แลง มีจังหวะสับไกระยะเกือบ 40 หลาแต่ไม่เข้ากรอบ กระทั่งทะลวงประตูนำ 1-0 ได้สำเร็จใน 3 นาทีให้หลัง เมื่อ พิชิตพงษ์ เปิดจากกราบขวาให้ ธีรศิลป์ แหย่ขาชาร์จส่งบอลเช็ดคานเข้าไป ก่อนจะบวกเป็น 2-0 ทันควันในนาทีที่ 9 โดย สุเชาว์ นุชนุ่ม ถูกเตะล้มในเขตโทษ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค สังหารจุดโทษไม่พลาด
เจ้าถิ่นบุกอย่างต่อเนื่องแต่ก็หวิดโดนตีไข่แตกในนาทีที่ 14 เมื่อ ปากีสถาน สวนกลับขึ้นมาทางซ้ายก่อนจ่ายให้ อาริฟ เมห์มูด ดึงจังหวะหลอกกองหลังช้างศึกแล้วซัด ทว่าตรงตัว โกสินทร์ หทัยรัตนกุล ถัดมาสกอร์ไหลเป็น 3-0 ในอีก 3 นาทีให้หลังโดย สุเชาว์ โยนลูกเตะมุมฝั่งซ้ายให้ ธีรศิลป์ โขกลูกที่ 2 ในนัดนี้กดลงพื้นตุงตาข่าย ก่อนที่จะมีลุ้นแฮตทริกในนาทีที่ 20 หลังควบเข้าไปซัดในเขตโทษ แต่ อาเมียร์ กุลล์ เซฟไว้ได้
ถัดมานาทีเดียว มูฮัมหมัด เอสซา โหม่งให้อาคันตุกะได้ลุ้นเป็นหนที่ 2 ทว่ายังไม่เข้าเป้า เข้าสู่ครึ่งชั่วโมงแรก ณัฐพงษ์ สมณะ ทำชิ่งกับ รังสรรค์ หลุดเข้าไปหลอกยิงเสาแรกลูกปะทะข้างตาข่าย นาทีที่ 34 แลง ขึ้นโขกลูกเตะมุมที่เสาแรกโด่งหลุดกรอบไปไกล จากนั้น 2 นาที ไทย โต้กลับด้วยลูกโด่งก่อนที่ พิพัฒน์ จะตะบันในเขตโทษชนเสา รังสรรค์ ตามซ้ำอีกทีเหินข้ามคานอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 38 สุเชาว์ คืนให้ พิชิตพงษ์ หยอดกะเสียบใต้คาน ทว่า กุลล์ ปัดออกไปอย่างจวนเจียน ก่อนที่ แลง จะได้โหม่งลูกเตะมุมจังหวะต่อเนื่องไม่ตรงอีก ก่อนหมดครึ่งแรกนาทีเดียว แลง ทำชิ่งกับ ธีรศิลป์ แล้วลองกดหน้าเขตโทษส่งลูกบดเรียดออกหลัง ช่วงทดเจ็บ สุเชาว์ อัดข้ามคานอีกที จบ 45 นาทีแรกไทย นำห่าง 3-0
ครึ่งหลัง ไทยเปลี่ยนตัวเอา กิตติศักดิ์ ระวังป่า, สุรีย์ สุขะ, อดุล หละโสะ และ ธีรเทพ วิโนทัย ลงเล่นแทน โกสินทร์, พิชิตพงษ์, ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ และ ธีรศิลป์ ตามลำดับแล้วถอย แลง มายืนเซนเตอร์ฮาล์ฟ ก่อนจะมาได้ประตูฉีกหนี 4-0 หลังเขี่ยลูกเพียง 35 วินาที เมื่อ ณรงค์ชัย วชิรบาล จ่ายทะลุช่องให้ “ลีซอ” สัมผัสบอลครั้งแรกด้วยการแปเข้าเสาแรก จากนั้น เมห์มูด มีโอกาสซัดถูก ณัฐพงษ์ บล็อกเอาไว้ ก่อนที่ช้างศึกจะได้จุดโทษอีกครั้งในนาทีที่ 51 หลัง ธีรเทพ โดนรวบ แต่ รังสรรค์ ยิงเบาไปถูก กุลล์ เซฟได้
“ลีซอ” เกือบเพิ่มสกอร์ได้อีกเม็ดในนาทีที่ 58 แต่จังหวะยิงในเขตโทษโดนแป้กๆ หลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย จากนั้นไทยถอด ณัฐพงษ์, ณรงค์ชัย, ภานุพงศ์ วงศ์ษา กับ พิพัฒน์ แล้วให้ อาทิตย์ สุนทรพิธ, คัพฟ้า บุญมาตุ่น, เกียรติประวุฒิ สายแวว และ กีรติ เขียวสมบัติ ลงมาบ้างในนาทีที่ 62 ก่อนที่ อาทิตย์ จะปั่นฟรีคิกให้ กุลล์ ออกแรงปัดก่อนเสียบเสาสอง
ปากีสถาน หาทางคุกคามบ้างในนาทีที่ 68 เมห์มูด เบียด รังสรรค์ แล้วพาเข้าไปยิง แต่ กิตติศักดิ์ ป้องกันได้อย่างยอดเยี่ยม จากนั้น สุทธินันท์ พุกหอม ก็ลงมาเน้นเกมรับแทน สุเชาว์ ล่วงมานาทีที่ 81 กีรติ สับไก 25 หลาถูก กุลล์ โดดปัดข้ามคาน 2 นาทีถัดมา ช้างศึกหวิดเสียคลีนชีต แต่ กิตติศักดิ์ ยังช่วยเซฟลูกยิงจ่อๆ ของ จาดิด ข่าน เอาไว้อย่างหวุดหวิดก่อนจบเกมโดยไทยต้อนชนะสบายๆ ตามคาด 4-0
รายชื่อ 11 คนแรกของทีมชาติไทย
โกสินทร์ หทัยรัตนกุล (ผู้รักษาประตู), พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, ภานุพงศ์ วงศ์ษา, ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์, ณัฐพงษ์ สมณะ, สุเชาว์ นุชนุ่ม, ปีเตอร์ แลง, ณรงค์ชัย วชิรบาล, รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค, พิพัฒน์ ต้นกันยา, ธีรศิลป์ แดงดา
ส่วนผลเกมอุ่นเครื่องอีกคู่หนึ่ง เมืองทอง-หนองจอก ยูไนเต็ด เสมอ เพื่อนตำรวจ 1-1 โดย “กิเลนผยอง” สามารถส่งลูกหนังตุงตาข่ายได้ 2 หนจาก ดานโก เซียกา ในช่วงกลางครึ่งแรก และ โคเน อัดดามา นาทีที่ 55 แต่ถูกไลน์แมนจับล้ำหน้าทั้งหมด จากนั้น “โล่เงิน” ได้ประตูนำก่อนจากการโหม่งจ่อๆ ของ ศรัณยู อินต๊ะราช นาทีที่ 65 หลังจากแนวรับเมืองทองฯสกัดมาเข้าทาง ก่อนที่ กาโด เคลม็องต์ ตัวสำรองจะลงมาซัดหน้าเขตโทษเสียบเสา โดยนัดนี้เจ้าถิ่นแบ่งเงินค่าบัตรผ่านประตูทั้งหมด 235,000 บาทให้กับทีมโปลิศ 30,000 บาท และทีมชาติไทย 85,000 บาทด้วย