สิ่งที่หลายคนไม่คาดคิดเกิดขึ้นในช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะซัมเมอร์นี้ เมื่อ "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์ พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ปีที่ผ่านมา เสริมทัพด้วยการคว้าตัว ไมเคิล โอเวน อดีตกองหน้า ลิเวอร์พูล คู่อริตลอดกาล แบบไม่มีค่าตัวหลังหมดสัญญากับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อดาวยิงวัย 29 ปี จะได้สวมเสื้อเบอร์ 7 หมายเลขตำนานประจำถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ล่าตาข่ายในฤดูกาลหน้า
ในขณะที่ทุกคนกังวลเรื่องสภาพความฟิต เพราะอาการบาดเจ็บหัวเข่าที่เรื้อรังมาตั้งแต่ศึกฟุตบอลโลก 2006 แต่ เฟอร์กี กลับมอบความไว้วางใจให้กับ โอเวน ด้วยเสื้อหมายเลข 7 ที่ คริสเตียโน โรนัลโด ปีกซูเปอร์สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส ทิ้งเอาไว้ก่อนอำลาไปอยู่กับ รีล มาดริด ในวันเปิดตัวกับอีก 2 นักเตะใหม่ กาเบรียล โอแบร์กตอง ปีกซ้ายจาก บอร์กโดซ์ และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ปีกขวาจาก วีแกน แอธเลติก พร้อมยืนยันปิดงบไม่ซื้อนักเตะอีกแล้วในช่วงภาวะเศรษฐกิจโลกฝืดเคืองเช่นนี้ หลังจากเสีย คริสเตียโน โรนัลโด ปีกดาวเด่นให้กับ รีล มาดริด และ คาร์ลอส เตเบซ กองหน้าอาร์เจนไตน์ ที่หมดสัญญายืมตัว
เฟอร์กี ที่พา แมนฯยู คว้าแชมป์ พรีเมียร์ชิป 11 สมัยและ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 2 สมัย เผยถึงการตัดสินใจครั้งนี้ว่า "เราได้กองหน้าที่มีประสบการณ์สูงอย่าง ไมเคิล เข้ามาช่วยในเรื่องความสมดุล เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะเขาจะช่วยสร้างความอันตรายให้เราได้ยามอยู่ในกรอบเขตโทษและเขาก็ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำตลอดหลายปีที่ผ่านมา"
ส่วน โอเวน สร้างความอุ่นใจให้แฟนบอลด้วยการยืนยันว่า "ใครที่คิดว่าผมจะยืนระยะไม่ไหวคงต้องบอกว่าไม่เป็นความจริง 2 ปีที่ผ่านมาผมลงเล่น 33 และ 32 เกม แม้ นิวคาสเซิล จะไม่ได้เล่นถ้วยยุโรปและไม่ได้อยู่ในบอลถ้วยนานเท่าใดนัก แต่เมื่อเทียบกับจำนวน 38 เกมของพรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาลแล้ว การลงเล่น 33 และ 32 เกมต่อหนึ่งปีก็ถือว่าไม่แย่จนเกินไป"
แฟนบอล แมนฯยูไนเต็ด ต่างทราบดีว่าเบอร์ 7 มีความสำคัญแค่ไหน เพราะในอดีตที่ผ่านมานักเตะที่ครอบครองหมายเลขนี้ล้วนสร้างชื่อและสร้างผลงานเอาไว้มากมายไม่ว่าจะเป็น จอร์จ เบสต์, ไบรอัน ร็อบสัน, เอริค คันโตนา, เดวิด เบ็คแฮม และ โรนัลโด ทุกคนต่างต้องแบกความกดดันแสนสาหัส รวมถึงสามารถเป็นความหวังของทีมได้
ทันทีที่ เฟอร์กี ทำเซอร์ไพรส์สาวก "เรด เดวิลส์" ต่างแสดงปฏิกิริยารวมถึงความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซด์ www.manchesterunited.vitalfootball.co.uk ผู้อ่านรายหนึ่งใช้ชื่อว่า "skylab" มองว่า "หลายคนอาจจะไม่พอใจที่ โอเวน สวมเสื้อเบอร์ 7 แต่ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าเขาจะประสบความสำเร็จกับ แมนฯยู และถือเป็นการเซ็นสัญญาที่คุ้มค่าที่สุดแห่งปี เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้" ขณะที่อีกรายที่ใช้ชื่อว่า "abmtd" แสดงความเชื่อมั่นว่า "ผมคิดว่า เฟอร์กี พยายามจะบอก โอเวน ให้ลืมทุกอย่างที่ผ่านมา เลยตัดสินใจให้เบอร์ 7 เพื่อให้แสดงศักยภาพออกมา ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าอาจจะไม่มีใครได้ใส่เบอร์นี้ในปีนี้แล้วด้วยซ้ำ"
ตำนานเบอร์ 7 ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
จอร์จ เบสต์ (1963-1974)
ปีกไอร์แลนด์เหนือ มีลีลาการกระชากลากเลื้อยไปกับลูกฟุตบอลอย่างเร้าใจ ประสบความสำเร็จสูงสุดกับ แมนฯยูไนเต็ด คือคว้าแชมป์ ยูโรเปียน คัพ ในปี 1968 ยิงได้ถึง 32 ประตูในฤดูกาล 1967-68 คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรปในปีเดียวกัน เสียชีวิตในปี 2005 เนื่องจากระบบการทำงานร่างกายล้มเหลว หลังดื่มเหล้าอย่างหนัก
ไบรอัน ร็อบสัน (1981-1994)
เจ้าของฉายา "กัปตันกระดูกเหล็ก" จากสไตล์การเล่นที่สู้ไม่ถอยและไม่เคยถอดใจ เคยคว้าแชมป์ พรีเมียร์ชิป 2 สมัย ก่อนย้ายไปอยู่กับ มิดเดิลสโบรช์ แขวนสตั๊ดเลิกเล่นในปี 1997 ปัจจุบันกลับมาทำงานเป็นฑูตให้กับต้นสังกัดเก่าในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
เอริค คันโตนา (1992-97)
เป็นนักเตะคนสำคัญที่ เฟอร์กี ซื้อมาจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด แล้วพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ชิป ในปี 1992-93 ก่อนจะยึดครองความยิ่งใหญ่ในเกาะอังกฤษ แขวนสตั๊ดเลิกเล่นในปี 1997 เป็นนักเตะที่แฟน แมนฯยู เรียกร้องให้กลับมาทำหน้าที่ผู้จัดการทีมมากที่สุด
เดวิด เบ็คแฮม (1993-2003)
นักเตะที่ เฟอร์กี ดันขึ้นมาจากชุดเล็กเรียกได้ว่าอยู่ในชุด "ลูกนกหัดบิน" แจ้งเกิดจากการยิงครึ่งสนามกับ วิมเบิลดัน ในปี 1996-97 คว้าแชมป์ พรีเมียร์ชิป 6 สมัยและแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 1 สมัย ก่อนย้ายไปอยู่กับ รีล มาดริด ในปี 2003 ถือเป็นนักเตะที่มูลค่าทางการตลาดสูงที่สุดจนถึงปัจจุบันนี้
คริสเตียโน โรนัลโด (2003-2009)
จากนักเตะที่ไม่มีใครรู้จัก เฟอร์กี ซื้อมาร่วมทัพจาก สปอร์ติง ลิสบอน ในปี 2003 หลังเห็นฟอร์มในการเตะอุ่นเครื่อง ค่อยๆ พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาจนพาทีมคว้าแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก และ พรีเมียร์ชิป ในปี 2007-08 ยิงไป 42 ประตูจนตัวเองคว้านักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรปและของโลก ก่อนย้ายไปอยู่กับ รีล มาดริด๋