จิมมี ไวท์ จอมสอยคิวเลือดผู้ดีอาศัยประสบการณ์ที่เหนือกว่า แบร์รี ฮอว์กินส์ รุ่นน้องร่วมชาติ ทำแต้มในจังหวะสำคัญ ก่อนเบียดเอาชนะสุดระทึก 8-6 เฟรม คว้าแชมป์ศึกสนุกเกอร์แสงโสม 6 แดง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2009
ศึกสนุกเกอร์แสงโสม 6 แดง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2009 ที่โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ พระราม 3 ชิงเงินรางวัลรวมเกือบ 4 ล้านบาท ซึ่งแชมป์รายการนี้จะได้รับเงินเป็นจำนวนถึง 1 ล้านบาท เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยตัดสินหาแชมป์ด้วยระบบ 8 ใน 15 เฟรม
ซึ่งนัดนี้เป็นการพบกันเองของนักสอยคิวชาวอังกฤษระหว่าง จิมมี ไวท์ จอมเก๋าวัย 47 ปี กับ แบร์รี ฮอว์กินส์ วัย 30 ปี โดยเฟรมแรก ฮอว์กินส์ จัดการกวาดหมดโต๊ะด้วยสกอร์ 64-0 ขึ้นนำไปก่อน 1-0 เฟรม เข้าสู่เฟรมที่ 2 ไวท์ ทำพลาดเก็บชมพูหลุมกลางไม่ลง ปล่อยให้ “เดอะ ฮอว์ค” ลุกขึ้นมาเก็บได้อีกเฟรมเป็น 2-0
ทว่า ไวท์ มาตีตื้นได้ในเฟรมถัดมา หลังจากผลัดกันแก้สนุกกับ ฮอว์กินส์ อยู่นาน ก่อนที่อดีตรองแชมป์โลกจะได้โอกาสแทงน้ำตาลลงหลุมมุมจนเก็บหมดโต๊ะ ไล่มาเป็น 1-2 เฟรม และในเฟรมที่ 4 “เดอะ ฮอว์ค” ก็แทงกันพลาดอีก เปิดช่องให้ ไวท์ ตบแดงลงก่อนได้เฟรมที่ 4 ด้วยสกอร์ 41-0 ตีเสมอเป็น 2-2 เฟรม
จากนั้นทั้งคู่ยังเล่นกันได้อย่างสูสีจนเสมอ 3-3 เฟรม ก่อนที่จอมเก๋าอย่าง ไวท์ จะพลิกสถานการณ์ขึ้นนำครั้งแรกเป็น 4-3 เฟรม หลังจากผลัดกันแก้สนุกไปมา กระทั่ง ฮอว์กินส์ กินลูกน้ำเงินไม่ได้เอง แม้จะโดนตีคืนในเฟรมต่อมา แต่ก็จัดการกวาดหมดโต๊ะในเฟรมที่ 9 และได้เฟรมที่ 10 ต่อ ทำให้นำอีกครั้งเป็น 6-4 เฟรม
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กลับมาเท่ากันที่ 6-6 เฟรม หลังจาก “เดอะ ฮอว์ค” ฉกฉวยโอกาสเอาคืนทีเดียว 2 เฟรมรวด แต่ก็มาพลาดทำลูกน้ำเงินไปจ่อหลุมกลาง ไวท์ จึงตามเก็บก่อนกินชมพูอีกลูกออกนำเป็น 7-6 เฟรม กระทั่งเฟรมที่ 14 ฮอว์กินส์ มีโอกาสตีเสมออีกครั้ง ทว่าโชคร้ายลูกขาวไหลมาไม่ดี โดนชมพูบังทางกินเขียว ส่งผลให้ จิมมี ไวท์ จัดการปิดฉากเอาชนะไปในที่สุด 8-6 เฟรมโดยใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงครึ่ง รับถ้วยแชมป์ไปครองพร้อมเงินรางวัล 1 ล้านบาท
หลังจบการแข่งขัน นักสอยคิวจอมเก๋าให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้วยแชมป์ใบนี้นับเป็นชัยชนะที่ผมตื่นเต้นและประทับใจมากที่สุดครั้งหนึ่ง ขอบคุณฝ่ายจัดการแข่งขันที่ให้โอกาสผมได้มาร่วมชิงชัยในรายการที่สนุก และดุเด็ดเผ็ดมันเช่นนี้”
ศึกสนุกเกอร์แสงโสม 6 แดง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2009 ที่โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ พระราม 3 ชิงเงินรางวัลรวมเกือบ 4 ล้านบาท ซึ่งแชมป์รายการนี้จะได้รับเงินเป็นจำนวนถึง 1 ล้านบาท เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยตัดสินหาแชมป์ด้วยระบบ 8 ใน 15 เฟรม
ซึ่งนัดนี้เป็นการพบกันเองของนักสอยคิวชาวอังกฤษระหว่าง จิมมี ไวท์ จอมเก๋าวัย 47 ปี กับ แบร์รี ฮอว์กินส์ วัย 30 ปี โดยเฟรมแรก ฮอว์กินส์ จัดการกวาดหมดโต๊ะด้วยสกอร์ 64-0 ขึ้นนำไปก่อน 1-0 เฟรม เข้าสู่เฟรมที่ 2 ไวท์ ทำพลาดเก็บชมพูหลุมกลางไม่ลง ปล่อยให้ “เดอะ ฮอว์ค” ลุกขึ้นมาเก็บได้อีกเฟรมเป็น 2-0
ทว่า ไวท์ มาตีตื้นได้ในเฟรมถัดมา หลังจากผลัดกันแก้สนุกกับ ฮอว์กินส์ อยู่นาน ก่อนที่อดีตรองแชมป์โลกจะได้โอกาสแทงน้ำตาลลงหลุมมุมจนเก็บหมดโต๊ะ ไล่มาเป็น 1-2 เฟรม และในเฟรมที่ 4 “เดอะ ฮอว์ค” ก็แทงกันพลาดอีก เปิดช่องให้ ไวท์ ตบแดงลงก่อนได้เฟรมที่ 4 ด้วยสกอร์ 41-0 ตีเสมอเป็น 2-2 เฟรม
จากนั้นทั้งคู่ยังเล่นกันได้อย่างสูสีจนเสมอ 3-3 เฟรม ก่อนที่จอมเก๋าอย่าง ไวท์ จะพลิกสถานการณ์ขึ้นนำครั้งแรกเป็น 4-3 เฟรม หลังจากผลัดกันแก้สนุกไปมา กระทั่ง ฮอว์กินส์ กินลูกน้ำเงินไม่ได้เอง แม้จะโดนตีคืนในเฟรมต่อมา แต่ก็จัดการกวาดหมดโต๊ะในเฟรมที่ 9 และได้เฟรมที่ 10 ต่อ ทำให้นำอีกครั้งเป็น 6-4 เฟรม
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กลับมาเท่ากันที่ 6-6 เฟรม หลังจาก “เดอะ ฮอว์ค” ฉกฉวยโอกาสเอาคืนทีเดียว 2 เฟรมรวด แต่ก็มาพลาดทำลูกน้ำเงินไปจ่อหลุมกลาง ไวท์ จึงตามเก็บก่อนกินชมพูอีกลูกออกนำเป็น 7-6 เฟรม กระทั่งเฟรมที่ 14 ฮอว์กินส์ มีโอกาสตีเสมออีกครั้ง ทว่าโชคร้ายลูกขาวไหลมาไม่ดี โดนชมพูบังทางกินเขียว ส่งผลให้ จิมมี ไวท์ จัดการปิดฉากเอาชนะไปในที่สุด 8-6 เฟรมโดยใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงครึ่ง รับถ้วยแชมป์ไปครองพร้อมเงินรางวัล 1 ล้านบาท
หลังจบการแข่งขัน นักสอยคิวจอมเก๋าให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้วยแชมป์ใบนี้นับเป็นชัยชนะที่ผมตื่นเต้นและประทับใจมากที่สุดครั้งหนึ่ง ขอบคุณฝ่ายจัดการแข่งขันที่ให้โอกาสผมได้มาร่วมชิงชัยในรายการที่สนุก และดุเด็ดเผ็ดมันเช่นนี้”
