เปิดฉากแล้วสำหรับกอล์ฟ เอเชี่ยน ทัวร์ ฤดูกาล 2009 ด้วยศึก “เอเชี่ยน ทัวร์ อินเตอร์เนชันแนล” บนสนามสุวรรณ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ จังหวัดนครปฐม ระหว่างวันที่ 5-8 กุมภาพันธ์นี้ ที่แม้จะมีเงินรางวัลให้ชิงกันที่ สามแสนเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 10.5 ล้านบาท) แต่ด้วยศักดิ์ศรีของทัวร์นาเม้นท์ การได้ครองแชมป์ประเดิมฤดูกาลน่าจะทำให้เพิ่มความมั่นใจในการลงสนามได้ตลอดทั้ง 12 เดือนของการแข่งขัน
หลังหยุดพักไปนานกว่า 2 เดือน นับตั้งแต่ ลาม ชิห์ บิง ก้านเหล็กจากสิงคโปร์ คว้าแชมป์ วอลโว มาสเตอร์ส ออฟ เอเชีย ได้ที่สนามไทย คันทรี คลับ เมื่อปลายปีที่แล้ว พร้อมตำแหน่งมือ 1 เอเชียที่ตกเป็นของ จีฟ มิลกา ซิงห์ สวิงชื่อดังจากอินเดีย สัปดาห์นี้ เอเชี่ยน ทัวร์ เริ่มต้นเส้นทางการแข่งขันทั้งหมด 28 รายการใน 14 ประเทศ ด้วยเงินรางวัลรวมกว่า 36 ล้านเหรียญสหรัฐที่เมืองไทย
จากความสำคัญในการเป็นทัวร์นาเม้นท์แรกของปฏิทินปี 2009 ส่งผลให้เป็นแรงดึงดูดชั้นดีให้เหล่านักกอล์ฟระดับชั้นนำในทัวร์หวังใช้เวที เอเชี่ยน ทัวร์ อินเตอร์เนชันแนล เรียกความมั่นใจก่อนลงกรำศึกหนักตลอดปีฉลู โดยเฉพาะแชมป์เก่าอย่าง “หลิน เหวิน-ถัง” ที่ถือเป็นผู้เล่นที่มีอันดับโลกสูงสุดด้วยการเป็นมือ 49 ของโลก จากผลงานการคว้าแชมป์ ฮ่องกง โอเพ่น จนทำให้จบอันดับ 2 บนตารางทำเงินสูงสุด และเป็นชาวไต้หวันคนแรกในรอบ 20 ปีที่มีคิวลงทำศึก เดอะ มาสเตอร์ส เมเจอร์แรกของปีในเดือนเมษายน
อย่างไรก็ตามงานนี้ “ไอ้หนุ่มเทอร์โบ” ประหยัด มากแสง ก้านเหล็กหมายเลขหนึ่งของไทย ที่เมื่อปีที่แล้วคว้าแชมป์ เจแปน ทัวร์ ได้ 3 รายการ แต่กลับต้องมาเสียพื้นที่ท้อป 50 ของโลกและตั๋ว เดอะ มาสเตอร์ส ให้ หลิน หลังทำได้แค่อันดับ 12 ขณะที่ หลิน จบที่ 6 จากศึกวอลโวฯ กำลังจะได้แก้แค้นและทวงสิทธิ์เล่นที่สนามออกัสตากลับคืนมาอีกครั้งด้วยการทำอันดับเข้าไปติดในท็อป 50 ของโลกให้ได้ก่อน เดอะ มาสเตอร์ส จะเริ่ม ดังนั้นการกลับมาคว้าชัยใน เอเชี่ยน ทัวร์ อีกครั้งนับตั้งแต่เป็นแชมป์วอลโวฯ เมื่อปี 2007 ในสัปดาห์นี้ถือว่ามีความหมายอย่างยิ่งสำหรับ หนุ่มใหญ่จากอำเภอหัวหิน
ขณะที่ในรายของ “สวิงพันคอ” ถาวร วิรัตน์จันทร์ อดีตมือ 1 เอเชี่ยน ทัวร์ เมื่อปี 2006 ก็เป็นอีกหนึ่งโปรไทยที่อยู่ในระดับแถวหน้าของเอเชีย ตลอดจนมีโอกาสได้ครองสถิติคว้าแชมป์ เอเชี่ยน ทัวร์ สูงสุด 11 รายการในสัปดาห์นี้ เมื่อมองจากผลงานการชนะรายการ บางกอก แอร์เวย์ โอเพน อีกทั้งยังได้ตำแหน่งรองแชมป์อีก 2 รายการ ตลอดจนจบท็อป 10 ได้อีก 5 รายการ จนทำให้ได้อันดับ 8 บนตารางทำเงินสูงสุด พร้อมคว้ารางวัลทำเบอร์ดี้มากที่สุดในทัวร์เมื่อปีที่แล้วอีกด้วย
ส่วน เชาวลิต ผลาผล ก้านเหล็กหนุ่มจากเมืองชล มีโอกาสดีที่จะยุติการรอคอยโทรฟีแชมป์ เอเชี่ยน ทัวร์ 3 ปีของตัวเองในสัปดาห์นี้เช่นกัน โดย “เจ้าช้าง” มีฟอร์มการเล่นที่ดีในช่วงปลายปีที่แล้วด้วยผลงาน 4 รายการสุดท้ายสามารถจบท้อป 10 ได้ทั้งหมด ก่อนปิดฉากอย่างสวยหรูด้วยการผงาดคว้าแชมป์กอล์ฟ “คิงส์ คัพ” ที่สนามเบสท์ โอเชียนกอล์ฟ แอนด์ โฮเต็ล ท่ามกลางบรรดาโปรชื่อดังของไทยหลายรายที่ลงประชันวงสวิงด้วย
นอกจากนี้ยังมีโปรไทยรายอื่นที่น่าจับตาและมีโอกาสลุ้นแชมป์เช่นกันไม่ว่าจะเป็น “โปรหนึ่ง” ชินรัตน์ ผดุงศิลป์, “โปรมดแดง” ธรรมนูญ ศรีโรจน์, “โลมายักษ์” พรหม มีสวัสดิ์ หรือแม้แต่ “น้าชู” บูญชู เรืองกิจ ก้านเหล็กวัย 52 ปี ที่เพิ่งประกาศกลับมาสู้กับสวิงรุ่นหลานอีกครั้งในศึก เอเชี่ยน ทัวร์ ปีนี้ หลังไปโลดแล่นใน แชมเปียนส์ ซีเนียร์ ทัวร์ มา 2 ปี ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เล่นที่มีโอกาสทะลุขึ้นไปหยิบโทรฟีแรกของปี 2009 ได้ทั้งสิ้น
สำหรับวงการสวิงไทยแล้วฤดูกาล 2009 นี้ถือว่าคึกคักเป็นอย่างยิ่งเพราะนอกจากสนามสุวรรณ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี่ คลับจะได้รับหน้าเสื่อจัดการแข่งขันเอเชี่ยนทัวร์รายการแรกของปีแล้ว สนามกอล์ฟอีกสี่แห่งในเมืองไทยยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นสนามดวลสวิงของเหล่าโปรในเอเชี่ยนทัวร์อีกถึง 4 รายการ แน่นอนว่าโอกาสที่เกิดขึ้นจากทัวร์นาเม้นท์กอล์ฟระดับนี้มิได้มีเพียงการประชาสัมพันธ์ประเทศเท่านั้นหากแต่นี่คือโอกาสสำคัญของนักกอล์ฟไทยที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์หรือไต่เต้าเข้าสู่วงการกอล์ฟอาชีพได้อย่างเต็มตัว เพราะมาตรฐานเอเชี่ยนทัวร์ในปัจจุบันนั้นมิใช่เป็นเพียงทางผ่านของเหล่าโปรกอล์ฟ หากแต่เป็นบันไดขั้นแรกบนเส้นทางสู่ตารางสะสมคะแนนของเวิลด์กอล์ฟแรงกิ้งเลยทีเดียว