หากย้อนกลับไปเมื่อ 4-5 ปีก่อนแทบไม่มีใครคุ้นชื่อ “โทนี โรโม” ควอเตอร์แบ็กผู้ไม่ผ่านการดราฟท์เข้ามาเล่นในลีกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) แต่นับถึงวันนี้คงไม่มีคอคนชนคนๆ ใดไม่รู้จักชื่อของ โรโม ซึ่งกำลังไต่ระดับขึ้นสู่ความเป็น “ซูเปอร์สตาร์” เต็มตัว
เส้นทางสายอาชีพของ โทนี โรโม เริ่มต้นคล้ายกับนักแสดงหน้าใหม่ทั่วไปในวงการมายาต้องโร่ Casting งาน ก่อนตัดสินใจหิ้วกระเป๋าเข้ามาโชว์ฝีมือต่อหน้าบรรดาแมวมองของทั้ง 32 ทีมใน “NFL Combine” โดย ฌอน เพย์ตัน หัวหน้าโค้ช ดัลลัส คาวบอยส์ สมัยนั้นให้โอกาสเข้าร่วมเทรนนิงแคมป์กับทีมเมื่อปี 2003 ปีถัด โรโม ได้เข้าสังกัดในฐานะตัวประกอบเป็นมือ 3 ต่อจาก วินนี เทสตาเวอร์ดี และ ดรูว์ เฮนสัน นั่นคือย่างก้าวแรกของนักศึกษาจบใหม่จาก อีสเทิร์น อิลลินอย
ใช้เวลาเรียนรู้แผนการบุกอยู่พักใหญ่ โรโม ถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ภายใต้การดูแลของ บิลล์ พาร์เซลล์ส หัวหน้าโค้ชคนใหม่ และก็ได้โอกาสโชว์ฝีมือในบทพระเอกตัวจริงครั้งแรกใน NFL เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ปี 2006 เนื่องจาก ดรูว์ เบลดโซ มือ 1 จอมเก๋าได้รับบาดเจ็บ โรโม สามารถพา คาวบอยส์ ทีมซึ่งมีแฟนมากที่สุดในสหรัฐฯ เอาชนะ แคโรไลนา แพนเธอร์ส สำเร็จ 35-14 ในซันเดย์ไนท์ ฟุตบอล ต่อหน้าคอกีฬาทั้งประเทศที่เกาะติดสถานการณ์อยู่หน้าจอโทรทัศน์ ชื่อของ โรโม จึงแจ้งเกิดนับแต่วันนั้น
เมื่อโอกาสหล่นใส่มือ โรโม ไม่ปล่อยให้อะไรหลุดลอยไปง่ายๆ การนำ คาวบอยส์ ชนะศึกใหญ่ยัดเยียดความปราชัยเกมแรกให้ อินเดียนาโปลิส โคลต์ส ในฤดูกาล 2006/07 ไล่ทุบ แทมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส ในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) ช่วยให้ต้นสังกัดเข้าเพลย์ออฟครั้งแรกตั้งแต่ปี 2003 แม้บุกเสียท่า ซีแอตเทิล ซีฮอว์คส แต่ผลงานการขว้างระดับ 2,903 หลา 19 ทัชดาวน์ เสียไป 13 อินเทอร์เซปต์ เพียงพอที่จะส่งหนุ่มจากซานดิอาโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย เข้าไปโชว์ตัวใน “เกมรวมดารา” (Pro Bowl) ประจำปี 2007 ถึงเป็นแค่มวยแทน ดรูว์ บรีส์ และ มาร์ค บัลเจอร์ ที่บาดเจ็บจนขอถอนตัวไป แต่ถือเป็นอีกช่องทางให้ โรโม โปรโมตตัวเองอีกระดับ
ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีวันดีคืน สไตล์การเล่นแบบกล้าได้กล้าเสีย กอปรกับมีภาวะผู้นำสูง เจอร์รี โจนส์ เจ้าของทีมรู้สึกได้ว่ามีเงาของ “ทรอย เอ็คแมน” หนึ่งในตำนานของเฟรนไชส์ในตัว โรโม จึงไม่รอช้าจับจอมทัพขยายสัญญายาวไป 6 ปี ให้ค่าจ้างมหาศาลถึง 67.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,300 ล้านบาท) นั่นอาจเป็นรายได้ที่ชีวิตนี้อาจหาไม่ได้เท่านี้อีกแล้ว
นอกจากอะไรๆ มันเข้าทำนอง “Lucky in Game” ปลายปี 2007 โรโม เดินเข้าสู่เส้นทางสายความรักเริ่มคบหาดูใจกับ เจสซิกา ซิมป์สัน หม้ายสาวพราวเสน่ห์แห่งวงการฮอลลีวูด ยิ่งทำให้ทุกย่างก้าวของผู้เล่นหน้าตาดีคนหนึ่งของ NFL ถูกจับตามองมากขึ้นจากสังคมและบรรดาสื่อมวลชนทั้งในแวดวงกีฬา-บันเทิง แค่ประเด็น ซิมป์สัน เข้ามาเชียร์ โรโม ที่ขอบสนาม หรือดอดพาแฟนสาวเที่ยวยังเม็กซิโก กลายเป็น Talk of the Town อยู่ช่วงหนึ่ง
ปัจจุบันทั้งคู่บ่มเพาะความรักมาได้หนึ่งปีเต็ม ความสัมพันธ์ระหว่าง โรโม-ซิมป์สัน ถูกนำไปเทียบกับ ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ็กซูเปอร์สตาร์ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ กับ จีเซล บุนด์เชน สุดยอดนางแบบชาวบราซิเลียนที่มีข่าวแอบไปดูแหวนหมั้นกันแล้ว แม้ โรโม ยังไม่คิดเรื่องหาแหวนแทนใจแต่ ซิมป์สัน ประกาศต่อหน้าสื่อด้วยความแน่ใจว่า โรโม จะเป็นผู้ชายคนสุดท้ายที่เข้ามาครองคู่กัน
นับถึงวันนี้คงเรียกได้ว่า โรโม คือสุดยอดซูเปอร์สตาร์ NFL อย่างไม่ต้องสงสัย จากผลสำรวจของ “ฟอร์บส” นิตยสารจอมจัดอันดับพบว่า เสื้อหมายเลข 9 ของคาวบอยส์ที่ปักชื่อ “โรโม” มียอดขายมาเป็นอันดับ 1 มีแฟนๆ ซื้อหาไปสวมใส่ถึงร่วม 5 แสนตัว เหนือกว่า เบร็ตต์ ฟาร์ฟ และพี่น้องตระกูล “แมนนิง” ทว่าควอเตอร์แบ็กวัย 28 ปีผู้นี้อาจจะยังเป็นรองในเรื่องบารมี เนื่องจาก ฟาร์ฟ, เพย์ตัน และ อีลาย ต่างมีแหวนแชมป์ติดมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี่จึงเปรียบเสมือนบทพิสูจน์สุดท้ายที่โรโม จะต้องพยายามฟันฝ่า เพื่อพา “อเมริกาทีม” ไปให้ถึงฝั่งฝันให้ได้ เมื่อนั้นชื่อขวัญใจมหาชนอย่างเขาจะได้ขึ้นชั้นสู่ทำเนียบสุดยอดควอเตอร์แบ็คเสียที