มิชาเอล บัลลัค กลายเป็นฮีโร่ของ เชลซี ด้วยการเหมาทำคนเดียว 2 ประตูโดยหนึ่งในนั้นเป็นการยิงจุดโทษสำคัญในช่วง 5 นาทีสุดท้ายช่วยให้เฉือนชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ทำให้การลุ้นพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ยังคงเข้มข้นจนถึงโค้งสุดท้าย
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2551
เชลซี 2 – 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เกมตัดสินแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีประจำฤดูกาล 2007/2008 เชลซี ทีมอันดับ 2 ของตารางลงเล่นในสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูง นัดนี้เจ้าบ้านไม่มี แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่เพิ่งสูญเสียมารดาจากโรคปอดอักเสบแม้กระทั่งรายชื่อตัวสำรอง ทำให้ มิชาเอล เอสเซียง ได้ลงทำหน้าที่แทนโดยมี ดิดิเยร์ ดร็อกบา เป็นหัวหอกตัวทีเด็ด
ขณะที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เปลี่ยนแปลงผู้เล่นฝั่งทีมเยือนไม่น้อยโดยพัก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ คาร์ลอส เตเบซ ไว้ที่ข้างสนามแล้วใช้บริการของ นานี่ กับ ไรอัน กิ๊กส์ แทน นอกจากนั้น มิคาเอล ซิลแวสต์ แบ็กซ้ายชาวฝรั่งเศสก็ได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งหลังบาดเจ็บเอ็นหัวเข่าจนหายหน้าไปนาน

เปิดฉากมาได้ไม่ถึง 1 นาที เวส บราวน์ โหม่งคืนหลังไม่ดี เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ต้องปัดให้พ้นอันตรายก่อนจะถูกเปิดยัดเข้ามาอีกครั้งแล้วสกัดไปเข้าทาง มิชาเอล เอสเซียง ยิงสวนข้ามคานออกไป จากนั้นนาทีที่ 2 ซาโลมง กาลู พาบอลแหวกเข้าไปถูกแหย่ออกมาโดน เอสเซียง เข่นอีกครั้ง บอลไปเข้าซอง ฟาน เดอร์ ซาร์
นาทีที่ 14 ปิศาจแดงต้องมาเสีย เนมานยา วิดิช เซนเตอร์ฮาล์ฟที่อุตส่าห์ผ่านการทดสอบความฟิตลงเล่นได้ หลังถูกเข่าของ ดร็อกบา กระแทกเข้าปลายคางในจังหวะปะทะ ทำให้ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ ถูกส่งลงมายืนแบ็กขวาแล้วหุบ บราวน์ เข้าไปเล่นตรงกลาง ก่อนจะได้สวนกลับโดย นานี่ ฉกบอลจาก เอสเซียง ที่ลื่นเสียหลักหน้าเขตโทษ ก่อนปีกดาวรุ่งโปรตุกีสจะกระชากขึ้นมาเอง แล้วตัดสินใจตะบันด้วยขวา ทว่าลูกไต่หลังเท้าหลุดกรอบไปไกลพอสมควร
6 นาทีต่อมา กองเชียร์สิงโตน้ำเงินครามเกือบได้เฮสนั่นก่อน เมื่อ โจ โคล พาบอลเบียด ไมเคิล คาร์ริค เข้าเขตโทษ แม้บอลจะทะลักออกจากเท้า แต่ ซิลแวสต์ ก็สกัดออกมาเข้าทางอีกทีจึงจัดการยิงสวนจังหวะเดียว บอลหนีมือ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ไปแล้ว ทว่าลูกพุ่งไปกระแทกสามเหลี่ยมอย่างน่าเสียดาย
เข้าสู่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกม เจ้าบ้านที่บุกอย่างต่อเนื่องได้โอกาสลุ้นอีกที เอสเซียง ได้บอลจากเพื่อนร่วมทีมก่อนควบเข้าไปในกรอบเขตโทษทางด้านขวาแล้วหักเข้ามาให้ โจ โคล ยิงตามน้ำที่เสาแรก ลูกกระทบตาข่ายด้านข้างออกหลังไป จากนั้น แอชลีย์ โคล โยนฟรีคิกจากกราบซ้ายให้ จอห์น เทอร์รี่ หนุนขึ้นมาโหม่งหลุดกรอบ
กระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก เชลซี ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ตามที่ต้องการจากจังหวะที่ ดร็อกบา ครองบอลเหนียวแน่นแถวมุมเขตโทษฝั่งขวา ก่อนพลิกหาจังหวะตักบอลไปที่เสาสอง ซาโลมง กาลู วิ่งดึง ฮาร์กรีฟส์ ให้ตามมาประกบ ปล่อยให้ มิชาเอล บัลลัค สอดเข้ามาโหม่งย้อนศรหนีมือ ฟาน เดอร์ ซาร์ เสียบมุมไกล ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

เข้าสู่ครึ่งหลัง นาทีที่ 56 แมนฯ ยูไนเต็ด ตามตีเสมอเป็น 1-1 ได้สำเร็จจากการฉกฉวยความผิดพลาดของสิงห์บลูส์ที่สื่อสารกันในจังหวะเล่นฟรีคิกในแดนตัวเองไม่ดี ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ รับบอลในจังหวะไม่พร้อมก่อนส่งคืนหลังพลาดไปเข้าทาง เวย์น รูนีย์ ที่ลากเข้าไปสำเร็จโทษชนโคนเสาแรกตุงตาข่าย
เกมเริ่มแลกหมัดกันมากขึ้นโดยหวังเอาชนะทั้งคู่ นาทีที่ 63 กิ๊กส์ ได้บอลจาก นานี่ แล้วลองเข่นหน้าเขตโทษไปถูก ปีเตอร์ เช็ก ล้มตัวปัดไว้ได้ที่เสาแรก ก่อนที่ เชลซี จะสวนขึ้นมาหลังฉกบอลได้จากลูกเตะมุมของปิศาจแดง แต่ เอสเซียง ยิงเบาเกินไปถูก ฟาน เดอร์ ซาร์ ล้มตัวคว้าไว้ได้
เข้าสู่นาทีที่ 72 เจ้าถิ่นน่าได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งอย่างยิ่ง เมื่อ ดร็อกบา ปั่นฟรีคิกระยะหวังผลบอลทำท่าจะเสียบสามเหลี่ยมอยู่แล้ว แต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ไวทายาทกระโดดปัดหลุดกรอบได้อย่างหวุดหวิด จนกระทั่งมาประสบความสำเร็จในนาทีที่ 85 เมื่อ เอสเซียง เปิดบอลไปติดแขน คาร์ริค ในเขตโทษ ผู้ตัดสิน อลัน ไวลีย์ เป่าให้เป็นจุดโทษของ เชลซี ซึ่ง บัลลัค ซัดเข้าไปไม่พลาดให้สิงห์บลูส์นำ 2-1
ช่วงท้ายเกม ปิศาจแดงน่าตีเสมอได้ถึง 2 ครั้ง 2 ครา หนแรกลูกยิงของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ลงมาแทน รูนีย์ ยิงผ่านมือ เช็ก ไปถูก แอชลีย์ โคล ยืนขวางบนเส้น จากนั้นลูกล้มตัวยิงของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ก็ถูก อังเดร เชฟเชนโก้ หัวหอกสำรองเจ้าถิ่นเคลียร์ทิ้งก่อนข้ามเส้นอีก หมดเวลา เชลซี เฉือนชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 รักษาโอกาสลุ้นแชมป์พรีเมียร์ชิปต่อไปด้วยการทำแต้มขึ้นมาเท่ากันที่ 81 คะแนน แต่ยังเป็นรองที่ผลต่างประตู-ได้เสีย
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี – ปีเตอร์ เช็ก, เปาโล แฟร์ไรร่า, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, แอชลีย์ โคล, จอห์น โอบี มิเกล, มิชาเอล บัลลัค, มิชาเอล เอสเซียง, ซาโลมง กาลู, โจ โคล, ดิดิเยร์ ดร็อกบา
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช, มิคาเอล ซิลแวสต์, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, ไมเคิล คาร์ริค, อันแดร์สัน, นานี่, เวย์น รูนีย์, ไรอัน กิ๊กส์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เชลซี ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 (มิชาเอล บัลลัค 1-0 นาที 45), (เวย์น รูนีย์ 1-1 นาที 56), (มิชาเอล บัลลัค 2-1 จุดโทษ นาที 85)
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 (มิคาเอล ฟอร์สเซลล์ 1-0 นาที 34), (เซบาสเตียน ลาร์สสัน 1-1 นาที 55), (ปีเตอร์ เคราช์ 2-1 นาที 63), (ยอสซี่ เบนายูน 2-2 นาที 76)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้ ฟูแล่ม 2-3 (สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ 1-0 นาที 10), (เบนจานี่ เอ็มวารูวารี 2-0 นาที 21), (ดิโอมองซี่ กามาร่า 2-1 นาที 70), (แดนนี่ เมอร์ฟี่ 2-2 นาที 79), (ดิโอมองซี่ กามาร่า 2-3 นาที 90)
ซันเดอร์แลนด์ ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 3-2 (ตุนชาย ซานลี่ 0-1 นาที 4), (แดนนี่ ฮิกกินบอทแธม 1-1 นาที 6), (ไมเคิล โชปรา 2-1 นาที 45), (อฟอนโซ่ อัลเวส 2-2 นาที 73), (เอมานูเอล โปกาเตทซ์ 3-2 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 90)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 1-1 (สเตลิออส จานนาโคปูลอส 0-1 นาที 46), (สตีด มัลบรองก์ 1-1 นาที 52)
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เสมอ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-2 (มาร์ค โนเบิล 1-0 นาที 10), (ดีน แอชตัน 2-0 นาที 23), (โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ 2-1 นาที 42), (เฌเรมี่ เอ็นฌิตั๊ป 2-2 นาที 45)
วีแกน แอธเลติก เสมอ เรดดิ้ง 0-0
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2551
เชลซี 2 – 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เกมตัดสินแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีประจำฤดูกาล 2007/2008 เชลซี ทีมอันดับ 2 ของตารางลงเล่นในสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูง นัดนี้เจ้าบ้านไม่มี แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่เพิ่งสูญเสียมารดาจากโรคปอดอักเสบแม้กระทั่งรายชื่อตัวสำรอง ทำให้ มิชาเอล เอสเซียง ได้ลงทำหน้าที่แทนโดยมี ดิดิเยร์ ดร็อกบา เป็นหัวหอกตัวทีเด็ด
ขณะที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เปลี่ยนแปลงผู้เล่นฝั่งทีมเยือนไม่น้อยโดยพัก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ คาร์ลอส เตเบซ ไว้ที่ข้างสนามแล้วใช้บริการของ นานี่ กับ ไรอัน กิ๊กส์ แทน นอกจากนั้น มิคาเอล ซิลแวสต์ แบ็กซ้ายชาวฝรั่งเศสก็ได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้งหลังบาดเจ็บเอ็นหัวเข่าจนหายหน้าไปนาน
เปิดฉากมาได้ไม่ถึง 1 นาที เวส บราวน์ โหม่งคืนหลังไม่ดี เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ต้องปัดให้พ้นอันตรายก่อนจะถูกเปิดยัดเข้ามาอีกครั้งแล้วสกัดไปเข้าทาง มิชาเอล เอสเซียง ยิงสวนข้ามคานออกไป จากนั้นนาทีที่ 2 ซาโลมง กาลู พาบอลแหวกเข้าไปถูกแหย่ออกมาโดน เอสเซียง เข่นอีกครั้ง บอลไปเข้าซอง ฟาน เดอร์ ซาร์
นาทีที่ 14 ปิศาจแดงต้องมาเสีย เนมานยา วิดิช เซนเตอร์ฮาล์ฟที่อุตส่าห์ผ่านการทดสอบความฟิตลงเล่นได้ หลังถูกเข่าของ ดร็อกบา กระแทกเข้าปลายคางในจังหวะปะทะ ทำให้ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ ถูกส่งลงมายืนแบ็กขวาแล้วหุบ บราวน์ เข้าไปเล่นตรงกลาง ก่อนจะได้สวนกลับโดย นานี่ ฉกบอลจาก เอสเซียง ที่ลื่นเสียหลักหน้าเขตโทษ ก่อนปีกดาวรุ่งโปรตุกีสจะกระชากขึ้นมาเอง แล้วตัดสินใจตะบันด้วยขวา ทว่าลูกไต่หลังเท้าหลุดกรอบไปไกลพอสมควร
6 นาทีต่อมา กองเชียร์สิงโตน้ำเงินครามเกือบได้เฮสนั่นก่อน เมื่อ โจ โคล พาบอลเบียด ไมเคิล คาร์ริค เข้าเขตโทษ แม้บอลจะทะลักออกจากเท้า แต่ ซิลแวสต์ ก็สกัดออกมาเข้าทางอีกทีจึงจัดการยิงสวนจังหวะเดียว บอลหนีมือ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ไปแล้ว ทว่าลูกพุ่งไปกระแทกสามเหลี่ยมอย่างน่าเสียดาย
เข้าสู่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกม เจ้าบ้านที่บุกอย่างต่อเนื่องได้โอกาสลุ้นอีกที เอสเซียง ได้บอลจากเพื่อนร่วมทีมก่อนควบเข้าไปในกรอบเขตโทษทางด้านขวาแล้วหักเข้ามาให้ โจ โคล ยิงตามน้ำที่เสาแรก ลูกกระทบตาข่ายด้านข้างออกหลังไป จากนั้น แอชลีย์ โคล โยนฟรีคิกจากกราบซ้ายให้ จอห์น เทอร์รี่ หนุนขึ้นมาโหม่งหลุดกรอบ
กระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก เชลซี ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ตามที่ต้องการจากจังหวะที่ ดร็อกบา ครองบอลเหนียวแน่นแถวมุมเขตโทษฝั่งขวา ก่อนพลิกหาจังหวะตักบอลไปที่เสาสอง ซาโลมง กาลู วิ่งดึง ฮาร์กรีฟส์ ให้ตามมาประกบ ปล่อยให้ มิชาเอล บัลลัค สอดเข้ามาโหม่งย้อนศรหนีมือ ฟาน เดอร์ ซาร์ เสียบมุมไกล ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
เข้าสู่ครึ่งหลัง นาทีที่ 56 แมนฯ ยูไนเต็ด ตามตีเสมอเป็น 1-1 ได้สำเร็จจากการฉกฉวยความผิดพลาดของสิงห์บลูส์ที่สื่อสารกันในจังหวะเล่นฟรีคิกในแดนตัวเองไม่ดี ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ รับบอลในจังหวะไม่พร้อมก่อนส่งคืนหลังพลาดไปเข้าทาง เวย์น รูนีย์ ที่ลากเข้าไปสำเร็จโทษชนโคนเสาแรกตุงตาข่าย
เกมเริ่มแลกหมัดกันมากขึ้นโดยหวังเอาชนะทั้งคู่ นาทีที่ 63 กิ๊กส์ ได้บอลจาก นานี่ แล้วลองเข่นหน้าเขตโทษไปถูก ปีเตอร์ เช็ก ล้มตัวปัดไว้ได้ที่เสาแรก ก่อนที่ เชลซี จะสวนขึ้นมาหลังฉกบอลได้จากลูกเตะมุมของปิศาจแดง แต่ เอสเซียง ยิงเบาเกินไปถูก ฟาน เดอร์ ซาร์ ล้มตัวคว้าไว้ได้
เข้าสู่นาทีที่ 72 เจ้าถิ่นน่าได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งอย่างยิ่ง เมื่อ ดร็อกบา ปั่นฟรีคิกระยะหวังผลบอลทำท่าจะเสียบสามเหลี่ยมอยู่แล้ว แต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ไวทายาทกระโดดปัดหลุดกรอบได้อย่างหวุดหวิด จนกระทั่งมาประสบความสำเร็จในนาทีที่ 85 เมื่อ เอสเซียง เปิดบอลไปติดแขน คาร์ริค ในเขตโทษ ผู้ตัดสิน อลัน ไวลีย์ เป่าให้เป็นจุดโทษของ เชลซี ซึ่ง บัลลัค ซัดเข้าไปไม่พลาดให้สิงห์บลูส์นำ 2-1
ช่วงท้ายเกม ปิศาจแดงน่าตีเสมอได้ถึง 2 ครั้ง 2 ครา หนแรกลูกยิงของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ลงมาแทน รูนีย์ ยิงผ่านมือ เช็ก ไปถูก แอชลีย์ โคล ยืนขวางบนเส้น จากนั้นลูกล้มตัวยิงของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ก็ถูก อังเดร เชฟเชนโก้ หัวหอกสำรองเจ้าถิ่นเคลียร์ทิ้งก่อนข้ามเส้นอีก หมดเวลา เชลซี เฉือนชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 รักษาโอกาสลุ้นแชมป์พรีเมียร์ชิปต่อไปด้วยการทำแต้มขึ้นมาเท่ากันที่ 81 คะแนน แต่ยังเป็นรองที่ผลต่างประตู-ได้เสีย
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี – ปีเตอร์ เช็ก, เปาโล แฟร์ไรร่า, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, แอชลีย์ โคล, จอห์น โอบี มิเกล, มิชาเอล บัลลัค, มิชาเอล เอสเซียง, ซาโลมง กาลู, โจ โคล, ดิดิเยร์ ดร็อกบา
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, เวส บราวน์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช, มิคาเอล ซิลแวสต์, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, ไมเคิล คาร์ริค, อันแดร์สัน, นานี่, เวย์น รูนีย์, ไรอัน กิ๊กส์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เชลซี ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 (มิชาเอล บัลลัค 1-0 นาที 45), (เวย์น รูนีย์ 1-1 นาที 56), (มิชาเอล บัลลัค 2-1 จุดโทษ นาที 85)
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 (มิคาเอล ฟอร์สเซลล์ 1-0 นาที 34), (เซบาสเตียน ลาร์สสัน 1-1 นาที 55), (ปีเตอร์ เคราช์ 2-1 นาที 63), (ยอสซี่ เบนายูน 2-2 นาที 76)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้ ฟูแล่ม 2-3 (สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ 1-0 นาที 10), (เบนจานี่ เอ็มวารูวารี 2-0 นาที 21), (ดิโอมองซี่ กามาร่า 2-1 นาที 70), (แดนนี่ เมอร์ฟี่ 2-2 นาที 79), (ดิโอมองซี่ กามาร่า 2-3 นาที 90)
ซันเดอร์แลนด์ ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 3-2 (ตุนชาย ซานลี่ 0-1 นาที 4), (แดนนี่ ฮิกกินบอทแธม 1-1 นาที 6), (ไมเคิล โชปรา 2-1 นาที 45), (อฟอนโซ่ อัลเวส 2-2 นาที 73), (เอมานูเอล โปกาเตทซ์ 3-2 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 90)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 1-1 (สเตลิออส จานนาโคปูลอส 0-1 นาที 46), (สตีด มัลบรองก์ 1-1 นาที 52)
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เสมอ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-2 (มาร์ค โนเบิล 1-0 นาที 10), (ดีน แอชตัน 2-0 นาที 23), (โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ 2-1 นาที 42), (เฌเรมี่ เอ็นฌิตั๊ป 2-2 นาที 45)
วีแกน แอธเลติก เสมอ เรดดิ้ง 0-0