ณรงค์ชัย วชิรบาล กลายเป็นฮีโร่ของทัพลูกหนังสยาม เมื่อรับหน้าที่ปั่นฟรีคิกสุดสวยในช่วงกลางครึ่งหลังเป็นประตูชัยให้ ทีมชาติไทย เฉือนชนะ อิรัก 1-0 คว้าถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 38 มาครองได้สำเร็จด้วยสถิติชนะรวด 4 นัด
ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 38 นัดชิงชนะเลิศ
ไทย 1 – 0 อิรัก
ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ทีมชาติไทยลงสนามในศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 38 นัดชิงชนะเลิศ พบกับ ทีมชาติอิรัก ซึ่งในรอบแรกทัพลูกหนังแดนสยามเป็นฝ่ายเอาชนะมาได้ก่อน 2-1 เกมนี้ อ.ชาญวิทย์ ผลชีวิน หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยมีการเปลี่ยนแปลงในแดนหน้าด้วยการส่ง ธีรเทพ วิโนทัย ลงล่าตาข่ายร่วมกับ ศรายุทธ ชัยคำดี ส่วนคู่กองหลังใช้ นิเวส ศิริวงศ์ กับ ปฏิภาณ เพชรพูล ประสานงานในแนวรับ
เริ่มเกมมาได้แค่ 2 นาที อาเหม็ด ซาลาห์ ของทีมเยือนก็จัดการทักทายก่อนด้วยการลองส่องแถวหน้าเขตโทษ แต่ยังไม่ผ่านมือ โกสินทร์ หทัยรัตนกุล ที่ยืนดักถูกตำแหน่ง ก่อนที่ ซาลาห์ จะมีโอกาสยิงจากแถวสองอีก 2 ครั้งในช่วง 10 นาทีแรก แต่ก็เหินข้ามคานในหนแรกและไปตรงตัว โกสินทร์ ในจังหวะต่อมา
ทีมชาติไทยมาได้ลุ้นแบบจะแจ้งครั้งแรกของเกมนี้ในนาทีที่ 11 จากจังหวะที่ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวาแล้วถูกโหม่งสกัดออกมานอกเขตโทษเข้าทาง พิชิตพงษ์ เฉยฉิว พักบอลลงก่อนตั้งป้อมยิงสวนทันที แต่ถูก ฮัสซัน นายทวารอิรัก ล้มตัวรับไว้ได้ จากนั้น 5 นาที ณรงค์ชัย วชิรบาล ก็ลองซัดไกลดูบ้างแต่ก็ยังไม่ผ่านมือ ฮัสซัน
ผ่านมาถึงครึ่งทางของครึ่งแรก อิรัก ยังคงหาจังหวะจบสกอร์ได้มากกว่า ไทย นาทีที่ 24 คัลดูน ได้ฮาล์ฟวอลเลย์หน้ากรอบเขตโทษ บอลกระดอนพื้นหนึ่งทีก่อนหลุดข้างเสาออกหลัง ก่อนที่ “ลีซอ” ธีรเทพ จะสร้างโอกาสให้ไทยบ้างในอีก 5 นาทีต่อมา เมื่อฉกบอลจาก ยัสเซอร์ ได้ในเขตโทษแต่จังหวะยิงไม่ถนัดนักจึงถูก ฮัสซัน ตะครุบเอาไว้ได้
นาทีที่ 35 ศรายุทธ ชัยคำดี ดาวยิงตัวเก่งของไทยได้ตะบันจากนอกกรอบ บอลแฉลบกองหลัง อิรัก นิดหนึ่งแต่ยังไม่ผ่านมือ ฮัสซัน ก่อนที่ อาเหม็ด ซาลาห์ จะมาเป็นตัวป่วนของเจ้าบ้านอีกครั้งในอีก 2 นาทีถัดมาเมื่อได้ลูกจ่ายทะลุช่องหลุดเข้าไปซัดในเขตโทษ แต่ โกสินทร์ ยังดักเสาแรกได้เยี่ยมปัดทิ้งออกหลังไป
ช่วง 5 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ไทย ได้กดดันแผงหลัง อิรัก ถึง 2 ครั้งเริ่มจากลูกเตะมุมของ ณรงค์ชัย ที่เปิดให้ “โจ้ 5 หลา” ศรายุทธ ขึ้นโขกกดลงพื้นผ่านเสาแรกออกหลัง ก่อนที่ ณรงค์ชัย จะเปิดฟรีคิกจากฝั่งขวาเข้าไปตรงกลางแต่ไม่มีเพื่อนชาร์จโดนบอล จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0
กลับมาเล่นครึ่งหลังได้เพียง 2 นาทีเศษ อิรัก ก็สามารถส่งลูกหนังเข้าไปตุงตาข่ายได้จากการโหม่งของ ซาลาห์ แต่ผู้กำกับเส้นยกธงล้ำหน้าไปก่อนในจังหวะที่กองหน้าอิรักตีลังกายิงไม่โดนบอลก่อนที่จะมาเข้าทาง ซาลาห์
ถึงนาทีที่ 58 ทัพนักเตะช้างเผือกมีโอกาสลุ้นใกล้เคียงอีกครั้งจากจังหวะที่ สุเชาว์ นุชนุ่ม เปิดเข้าไปในเขตโทษของ อิรัก ถูกโหม่งสกัดออกมาตกใส่ นิรุจน์ สุระเสียง ที่จับบอลด้วยเข่าก่อนหวดด้วยเท้าขวา ทว่ายังส่งบอลไปตรงตัว ฮัสซัน
กระทั่งนาทีที่ 65 กองเชียร์ไทยที่ตามมาให้กำลังใจถึงขอบสนามราว 15,000 คนก็ได้เฮกันดังลั่น เมื่อ สุเชาว์ ถูกทำฟาวล์หน้าเส้นเขตโทษเยื้องไปทางด้านขวา ก่อนที่ ณรงค์ชัย จะรับหน้าที่ปั่นฟรีคิกโค้งข้ามกำแพงเสียบใต้คานอย่างเฉียบขาด ชนิดที่ ฮัสซัน ได้แต่ชายตามองเป็นสกอร์ 1-0 สำหรับทีมชาติไทย
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย ไทย เกือบพังประตูที่ 2 ได้จากจังหวะที่ ณัฐพงษ์ สมณะ ตัวสำรองเปิดบอลจากด้านซ้ายด้วยน้ำหนักพอเหมาะให้ ศรายุทธ เทกตัวขึ้นโขก ทว่าลูกตกพื้นกระดอนเฉียดเสาแรกเพียงนิดเดียวเท่านั้น ช่วงเวลาที่เหลือ อิรัก พยายามโหมบุกอย่างหนักแต่ไม่สามารถเจาะแนวรับของไทยเข้าไปทำประตูได้ จบเกมทีมชาติไทย เฉือนชนะไปได้ 1-0 คว้าแชมป์ฟุตบอลคิงส์ คัพ ครั้งที่ 38 ไปครองด้วยสถิติสวยหรู ชนะรวด 4 นัดตลอดรายการ
รายชื่อผู้เล่นทีมชาติไทย
ผู้รักษาประตู โกสินทร์ หทัยรัตนกุล กองหลัง อภิเชษฐ์ พุฒตาล, นิเวส ศิริวงศ์, ปฏิภาณ เพชรพูล, ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ กองกลาง สุเชาว์ นุชนุ่ม, นิรุจน์ สุระเสียง, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, ณรงค์ชัย วชิรบาล กองหน้า ธีรเทพ วิโนทัย, ศรายุทธ ชัยคำดี