xs
xsm
sm
md
lg

หลังบ๊อกซิ่งเดย์อาร์เซนอล-แมนฯ ยูฯ / จำลอง ฝั่งชลจิตร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ "หัวใจในกีฬา" โดย จำลอง ฝั่งชลจิตร

ปลายปีทีไร ต้องส่งต้นฉบับล่วงหน้าแบบแห้งๆ หรือ พอหมาดๆ เผื่อเอาไว้สักชิ้นหรือสองชิ้น…

เรื่องแห้งๆ มีอยู่ว่า เมื่อถึงปลายปีฟุตบอลลีกในยุโรปจะถึงช่วงพักเตะหนีหนาว ในเยอรมัน อิตาลี ฝรั่งเศส สเปน หรือฮอลแลนด์ ลีกของเขาหยุดกันหมด นักเตะได้หยุดพักผ่อน นักเตะนับถือคริสต์ศาสนาจะไปฉลองวันคริสต์มาส ศาสนาอื่นๆ จะหยุดพักหรือกลับไปเยี่ยมแผ่นดินเกิดก็ตามสะดวก

แต่ในอังกฤษเป็นช่วงชี้เป็นชี้ตาย นี่เป็นประเพณีที่หยุดไม่ได้ ยูฟ่าหรือใครจะเรียกร้องให้หยุดเพื่อถนอมตัวนักเตะ สมาคมฟุตบอลอังกฤษก็ไม่หยุด ลองไปหลงเชื่อเข้าสิ พรีเมียร์ลีกคงไม่แตกต่างจากลีกอื่นๆ ขณะลีกอังกฤษลุยหิมะเตะกันโครมๆ ตรงนี้เหมือนเป็นไฮไล้ท์ที่ทั่วโลกจ้องจับเป็นตาเดียว

ช่วงก่อนคริสต์มาสจนสิ้น 'บ๊อกซิ่งเดย์' เป็นจุดเปลี่ยนของลีกอังกฤษ นักเตะต้องลงสนามสัปดาห์ละ 2 นัด ท่ามกลางความหนาวเหน็บ สเวน-โกรัน อีริคส์สัน เป็นกังวลว่านักเตะ 8 คนในทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีประสบการณ์ในการเล่นช่วงอันตรายนี้ สเวนห่วงนักเตะชาวอิตาลีและชาติยุโรปอื่นๆ กลัวนักเตะแข้งขาเดี้ยง
ขณะนี้ (18 ธันวา) แมนฯ ซิตี้อยู่อันดับ 4 รองจากอาร์เซนอล,แมนฯ ยูฯ และเชลซี หากนักเตะเดี้ยงสัก 3-4 คน เผลอๆ หลัง 'บ๊อกซิ่งเดย์' อันดับอาจรูดไปอยู่ที่ 7-8 ก็เป็นได้... ดีไม่ดีอาจต้องใช้บริการนักเตะชาวไทยก็ได้..เพราะฉะนั้นขอให้เดี้ยงกันมาก ๆ เถอะ

ถ้า แมนฯ ซิตี้ เดี้ยงจริงๆ ลิเวอร์พูล,ปอร์ทสมัธ,เอฟเวอร์ตัน และ แอสตัน วิลล่า ทีมใดทีมหนึ่งจะแซงขึ้นอันดับ 4 บางที 'หงส์แดง' ที่ใช้ระบบหมุนเวียนนักเตะอาจจะพุ่งพรวดปาดหน้าแมนฯ ซิตี้ กับ เชลซี ขึ้นไปอยู่อันดับ 3 ก็เป็นไปได้

ส่วนหัวแถว แมนฯ ยูไนเต็ด ก็อาจผงาดขึ้นมาแทนอาร์เซนอล เพราะเวลานี้คะแนนห่างกันแค่ 1 เท่านั้น อาร์เซนอล 40 แมนฯ ยูฯ 39 ดูศึกวันแดงเดือด 'ปิศาจแดง' เอาชนะ 'หงส์แดง' 1-0 เมื่อวันอาทิตย์ก่อน เห็นได้ชัดเจนว่าฟอร์มแกร่งหลาย ๆ ห้องเครื่องกองกลางเล่นได้น่าตื่นเต้น 'เฟอร์กี้' ถอดไมเคิล คาร์ริค ออกไป ใส่ โอเวน ฮาร์กรีฟส์ ที่ซื้อมาราคาแพงลงไปช่วยตัดเกมคู่กับอันแดร์สัน นักเตะบราซิเลี่ยนที่แรกๆ ลงสนามดูเหมือนตัวตลก วิ่งไม่ถูกทาง จับลูกไม่ค่อยได้ จ่ายลูกไม่ตรง จนเสียวๆ จะถูกขายเลหลัง แต่พอผ่านเกมที่ 15-16 ได้ซ้อมกับเพื่อนบ่อยๆ อันแดร์สันกลายเป็นอีกคน เขาวิ่งได้ทุกจังหวะ จ่ายบอลยาวจังหวะแม่นยำและรวดเร็วได้เสีย ถ้า พอล สโคลส์ กลับมาเมื่อไรรับรองต้องเร่าร้อนเป็นต้มยำแซ่บ

ผ่านไป 17 เกม แมนฯ ยูฯ เสียน้อยที่สุด 8 ประตู ล่อเป้ามาได้ 30 ประตู เชลซีกับลิเวอร์พูลเสียทีมละ 10 ประตู ตัวเลขย่อมบ่งบอกประสิทธิภาพของกองหน้าและกองหลังได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ เวย์น รูนีย์ จะยังระเบิดประตูไม่ค่อยได้ แต่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เก็บสะสมไปแล้ว 9 ประตู นำเป็นอันดับ 1 (คู่กับยาคูบู อเย็กเบนี่ ของเอฟเวอร์ตัน) ส่วน คาร์ลอส เตเบซ ไล่ตามมา 7 ประตู และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดอยู่เท่านี้

อาร์เซนอลยังตายยาก และแน่นอนสม่ำเสมอ นักเตะตัวสำคัญที่บาดเจ็บอย่าง ฟรานเชส ฟราเบรกาส โรบิน ฟาน เพอร์ซี, มาติเยอ ฟลามินี, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ และ อเล็กซานเดอร์ เคล็บ กลับมาลงสนามบดเอาชนะเชลซี 1-0 เกมต่อเกมหากไม่สะดุดเหมือนเล่นพ่ายมิดเดิ้ลสโบรห์ 'ไอ้ปืนใหญ่' น่าจะรักษาอันดับหัวตารางเอาไว้ได้

เชลซีมี 34 คะแนน ห่างจากอาร์เซนอล 6 คะแนน ดิดิเยร์ ดร็อกบาร์ ต้องพักรักษาตัวยาว, มิชาเอล เอสเซียง ไปรับใช้ชาติ,มิชาเอล บัลลัค เพิ่งหายเจ็บ,จอห์น เทอร์รี่ บาดเจ็บ, ริคาร์โญ่ คาร์วัลโญ่ บาดเจ็บ หัวหอกฝังเพชร อังเดร เชฟเชนโก้ ยังฝากความหวังไม่ได้...

ถึงบอกว่าลิเวอร์พูลที่แข็งแกร่งมีโอกาสแซงขึ้นอันดับ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น