xs
xsm
sm
md
lg

"คาเปลโล" คนที่ใช่? ของสิงโตคำราม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"I'll win you the World Cup" คือคำที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้พบเห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์หัวสีและไม่สี รวมถึงเว็บไซต์น้อยใหญ่ในเมืองผู้ดี เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะคือคำประกาศกร้าวของ ฟาบิโอ คาเปลโล กุนซือมาดเฮี้ยบชาวอิตาเลี่ยน ทันทีที่เข้ามารับงานคุมทัพทีมชาติอังกฤษ

ทั้งที่คาดกันว่า อังกฤษ จะใช้เวลาพินิจพิเคราะห์เฟ้นหาผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างละเอียดถี่ถ้วน เพราะกว่าจะมีเกมลงเตะก็คือวันที่ 6 กุมภาพันธ์อุ่นเครื่องพบกับ สวิตเซอร์แลนด์ แต่ทว่า สมาคมฟุตบอลเมืองผู้ดี ก็ประกาศแต่งตั้ง คาเปลโล่ ขึ้นคุมทัพภายใต้สัญญาระยะยาว 4 ปีครึ่ง แทนที่ สตีฟ แม็คคลาเรน ที่ถูกตะเพิดออกไปได้ไม่ถึงเดือน เพราะสาเหตุทำขายขี้หน้าไม่สามารถพาทีมไปลุยศึก ยูโร 2008 ที่ สวิตเซอร์แลนด์ และ ออสเตรีย

ทันทีที่ได้รับการแต่งตั้ง คาเปลโล ที่ถือเป็นกุนซือคนที่ 13 และเป็นชาวต่างชาติคนที่ 2 ต่อจาก สเวน โกรัน อิริคส์สัน ในประวัติศาสตร์ลูกหนังของ อังกฤษ ออกมาเผยว่า "ผมสามารถใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แต่ผมต้องการความท้าทาย และความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอลก็คือการพา อังกฤษ กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ผมจะคว้าแชมป์โลกมาครอง หากไม่คิดแบบนี้ คงไม่ตอบรับงานนี้และเล่นกอล์ฟต่อไปดีกว่า ผมจะพยายามทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้อังกฤษประสบความสำเร็จ"

กุนซือแต่ละคนย่อมมีสไตล์การทำทีมเป็นของตนเองและทางด้าน คาเปลโล ก็มีแนวทางที่ตัวเขาเองเชื่อมั่นเช่นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่ออกมาเสนอตัวตั้งแต่ตอนที่มีชื่อเข้ามาพัวพันในฐานะแคดิเดทร่วมกับ โฮเซ มูรินโญ อดีตนายใหญ่ เชลซี รวมถึงบรรดาผู้จัดการทีมเชื้อสาย อังกฤษ แท้ๆ หลายต่อหลายคน

แน่นอนว่าคำอหังการของ คาเปลโล ที่กล้าออกมาเป่าประกาศว่าจะพา อังกฤษ คว้าแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 2 ต่อจากปี 1966 การันตีด้วยความสำเร็จในระดับสโมสรมากมายไม่ว่าจะเป็น 7 แชมป์ สคูเด็ตโต้ กับ เอซี มิลาน, โรมา และ ยูเวนตุส รวมถึง 2 แชมป์ ลา ลีกา สเปน กับ รีล มาดริด พ่วงด้วยแชมป์ ยูโรเปียน คัพ กับ "ปีศาจแดงดำ" ในปี 1994

บอร์ดบริหารของ อังกฤษ ก็คงจะเล็งเห็นถึงผลงานของ คาเปลโล และมองว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องนำเอากุนซือที่มีทั้งฝีมือและบารมีมานำทัพ "สิงโตคำราม" หลังจากมีบทเรียนลองผิดมาแล้วกับ "บิ๊กแม็ค" ซึ่งก็มีกระแสสนับสนุนและเห็นด้วยถาโถมมากมายไม่ว่าจะเป็น จิอันฟรังโก โซลา อดีตนักเตะระดับตำนานของ เชลซี, แฟรงค์ แลมพาร์ด มิดฟิลด์ทัพ "ทรีไลออนส์" และ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือตาเพชรของ อาร์เซนอล

รวมถึง เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ แฮตทริกฮีโรนัดชิงที่พาทัพ อังกฤษ ชนะ เยอรมันตะวันตก 4-2 คว้าแชมป์ เวิลด์ คัพ ครั้งแรกและครั้งเดียวจนถึงทุกวันนี้ "คุณไม่สามารถโต้เถียงและคัดค้าน เพราะ คาเปลโล ประสบความสำเร็จมากมายจริงๆ เขาเป็นคนที่เคร่งครัดเรื่องวินัย เราก็เคยอยู่ในช่วงเวลาของ เซอร์ อัล์ฟ แรมซีย์ ที่มีวิธีจัดการกับบรรดากลุ่มซูเปอร์สตาร์แบบนี้ ทำให้ไม่มีใครรู้สึกโดดเด่นกว่าใคร กับ คาเปลโล บางทีอาจจะเป็นผู้ชายที่เรามองหาอยู่ก็ได้"

คาเปลโล มีสิทธิ์ที่จะคว้าแชมป์โลกอย่างที่ลั่นวาจาเอาไว้ เพราะรูปแบบการทำทีมของเขาเน้นเกมรับแบบปลอดภัยไว้ก่อน เหมาะที่จะคุมทีมชาติและลงแข่งแบบทัวร์นาเมนต์ที่หวังผลแบบนัดต่อนัด อีกทั้ง "ดอน ฟาบิโอ" ยังชอบเลือกนักเตะที่แข็งแกร่งเน้นเรื่องร่างกายพละกำลัง จึงน่าจะลงล็อกกับทรัพยาการนักเตะ อังกฤษ ที่ไม่ค่อยจะมีทักษะสูงนัก

อังกฤษ ก็เหมือนกับ รีล มาดริด ที่อัดแน่นไปด้วยบรรดานักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ แถมมีปัญหาเรื้อรั้งไร้แชมป์ 3 ปีติดต่อกัน คาเปลโล ยังนำแท็กติกที่เน้นมิดฟิลด์ตัวรับสองตัวมาใช้จนพาทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา ได้สำเร็จ แต่ด้วยสไตล์การเล่นที่น่าเบื่อ หยั่งเชิงคู่ต่อสู้ก่อนไม่เปิดเกมแลกตั้งแต่นาทีแรก ทำให้บอร์ดบริหารของ "ราชันชุดขาว" ไม่ปลื้ม จึงตัดสินใจไล่ออกเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

เวลานี้เรายังไม่เห็นโฉมหน้าของ อังกฤษ ว่าจะออกมาในรูปแบบใด ซึ่งก็มีการคาดเดาไปต่างๆ นาๆ แต่อาจจะเปลี่ยนไปใช้แบบ 4-3-1-2 ที่ คาเปลโล เคยพา มิลาน ครองเจ้ายุโรปก็เป็นได้ หากว่าไม่สามารถหาปีกที่มีประสิทธิภาพเหมือน เดวิด เบ็คแฮม หรือจะเป็น 4-4-2 แบบ รีล มาดริด ที่มีตัวรับสองคน ไม่แน่หากทุกอย่างลงล็อกเมื่อถึงปี 2010 แลมพาร์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ริโอ เฟอร์ดินานด์, จอห์น เทอร์รี่ และ เวย์น รูนี่ย์ อาจจะสุกงอมและถึงวัยที่เก๋าพอสำหรับเกียรติยศพอดี

เป็นธรรมดาที่ย่อมมีกระแสต่อต้าน แต่ว่าเวลานี้ อังกฤษ ต้องการความสำเร็จเหนือกว่ารูปแบบการเล่นที่สวยงามทั้งหลายทั้งปวง ไม่แน่ คาเปลโล อาจเป็นคนที่ อังกฤษ รอคอยมา 40 กว่าปี แต่กว่าจะรู้ว่าใช่อัศวินม้าขาวหรือไม่แฟน "สิงโตคำราม" ก็ต้องรอนานหน่อยจนถึงปี 2010 เลยทีเดียว



กำลังโหลดความคิดเห็น