กลาสโกว์ เซลติก ทีมดังจากสกอตแลนด์บุกไปเสียท่า ‘ปิศาจแดงดำ” เอซี มิลาน ถึงอิตาลี 0-1 แต่ทั้งสองทีมควงคู่กันเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เนื่องจาก ชัคเตอร์ โดเนตส์ค ดันพ่ายคาถิ่นให้ เบนฟิก้า 1-2
ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้ายของกลุ่มดี
เอซี มิลาน (อิตาลี) 1-0 กลาสโกว์ เซลติก (สกอตแลนด์)
กอร์ดอน สตรั๊คคัน นำทัพ “ม้าลายเขียวขาว” กลาสโกว์ เซลติก ยกพลจากแดนวิสกี้มาเยือน “ปิศาจแดงดำ” เอซี มิลาน ถึงอิตาลี โดยเกมนี้ผู้มาเยือนขอแค่ผลเสมอก็จะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึกฟุตบอลยุโรปถ้วยใบใหญ่ ขณะที่เจ้าถิ่นแม้ คาร์โล อันเชล็อตติ จะพักผู้เล่นแนวรับหลายคน แต่ก็วาง ริคาร์โด้ กาก้า เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ลงสร้างสรรค์เกมรุกเพื่อเก็บชัย แม้ว่าจะผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ไปแล้วก็ตาม
เริ่มเกมการแข่งขัน เอซี มิลาน ที่ต้องการเล่นเพื่อชัยชนะต่อหน้าแฟนๆ ในซาน ซิโร่ เป็นฝ่ายครองเกมบุกได้มากกว่าและก็ได้ลุ้นในนาทีที่ 15 เมื่อได้ลูกฟรีคิกบนเส้นกรอบโทษจากการที่ ฟิลิปโป้ อินซากี้ โดนเหนี่ยวล้มลง แต่ลูกยิงของ คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ ไม่ผ่านกำแพงมนุษย์ของทีมเยือน อีกสิบสองนาทีถัดมา อันเชล็อตติ ต้องถอดเอา ดาริโอ ซิมิช ที่บาดเจ็บออกมาและก็ให้ คาค่า คาลัดเซ่ ไปช่วยเกมรับแทน
เกมดำเนินไปอย่างเรื่อยๆ มาเรียงๆ เนื่องจากผลของอีกสนามปรากฏว่า ชัคเตอร์ โดเนตส์ค โดน เบนฟิก้า บุกไปนำ 2-1 นั่นเป็นเหตุผลให้ กลาสโกว์ เซลติก ไม่ต้องเร่งเครื่องและเล่นอย่างรัดกุมไว้ก่อนเมื่อผ่านครึ่งชั่วโมง ขณะที่ มิลาน แม้ครองเกมได้มากกว่าแต่ก็แทบหาจังหวะจบสกอร์ไม่ได้ ท้ายครึ่งแรกเป็นทีมเยือนได้ลุ้นจากการยิงไกลของ ยิริ ยาโรซิค แต่บอลพุ่งไปเข้าซอง เซลจ์โก้ คาลัช จบ 45 นาทีแรกรูปเกมค่อนข้างจืดชืดและสกอร์ยังเสมอกันที่ 0-0
ลุยกันต่อในครึ่งหลัง เอซี มิลาน ลงมาเร่งเกมบุกทันทีและก็ได้ลุ้นเร็วตั้งแต่นาทีที่ 47 จากการซัดฟรีคิกของ อันเดรีย ปิร์โล่ แต่บอลพุ่งผ่านกรอบประตูไปแบบได้ลุ้น อีกแปดนาทีถัดมา เซลติก เกือบฉวยโอกาสได้เมื่อ แกรี่ คัลด์เวลล์ สบโอกาสทิ้งยาวจากแดนหลังให้ สกอตต์ บราวน์ หลุดขึ้นไปยิงแต่ดันวางเท้าไม่ดีบอลพุ่งผ่านเสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย
แต่เมื่อเวลาผ่านมาถึงนาทีที่ 70 แฟนๆ เจ้าบ้านได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อ กาก้า ประสานงานกับ มาร์กอส คาฟู เพื่อนร่วมชาติก่อนที่แบ็กรุ่นดึกจะตบบอลจากสุดเส้นหลังฝั่งขวาเข้ามาให้ อินซากี้ แปบอลระยะแค่ 5 หลาเข้าไปตุงตาข่ายให้ มิลาน ออกนำ 1-0 และนี่ก็เป็นประตูที่ 63 ในเกมยุโรปของดาวยิงทีมชาติอิตาลี ทำให้เขากลายเป็นดาวซัลโวตลอดกาลแซงหน้าสถิติเดิมของ แกรด มุลเลอร์ ไปได้
เข้าสู่ช่วงท้ายเกม อินซากี้ เกือบบวกเพิ่มให้เจ้าถิ่นแต่เป็น อาร์เธอร์ โบรุค ผวาออกมาบล็อกลูกยิงจ่อๆ ไว้ได้ ขณะที่ทีมเยือนเกือบตามตีเสมอได้เช่นกันจากการยิงเต็มเท้าของ บราวน์ แต่นายทวารมือ 2 ของ “ปิศาจแดงดำ” ก็ไม่พลาดท่า ครบ 90 นาที เอซี มิลาน รักษาสกอร์คว้าชัยสำเร็จพร้อมกับคว้าแชมป์กลุ่มดี ขณะที่ เซลติก แม้จะพ่ายแต่ยังโชคดีได้ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย เนื่องจาก ชัคเตอร์ โดเนตส์ค พ่ายคาถิ่นให้ เบนฟิก้า
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
มิลาน : เซลจ์โก้ คาลัช , มาร์กอส คาฟู , ดาริโอ ซิมิช , ดานิเอเล่ โบเนร่า , จูเซ็ปเป้ ฟาวัลลี่ , มัสซิโม่ อัมโบรซินี่ , เจนนาโร่ กัตตูโซ่ , อันเดรีย ปิร์โล่ , ริคาร์โด้ กาก้า , คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ , ฟิลิปโป้ อินซากี้
เซลติก : อาร์เธอร์ โบรุค , สตีเฟ่น แม็คมานัส , แกรี่ คัลด์เวลล์ , สตีเว่น เพรสส์ลี่ย์ , ดาร์เรน โอ เดีย , สกอตต์ บราวน์ , มัสซิโม่ โดนาติ , ยิริ ยาโรซิค , พอล ฮาร์ทลี่ย์ , ไอแดน แม็คเกียดี้ , สกอตต์ แม็คโดนัลด์
ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่หนึ่งในกลุ่มดี ปรากฏว่า ชัคเตอร์ โดเนตส์ค จากยูเครน เสียทีให้ เบนฟิก้า จากโปรตุเกส 1-2 โดยทีมเยือนได้สองประตูนำก่อนจากการเหมาของ ออสการ์ คาร์โดโซ่ ขณะที่เจ้าถิ่นตีไข่แตกจากจุดโทษของ คริสเตียโน่ ลูคาเรลลี่ และจากชัยชนะนัดนี้ทำให้ “เหยี่ยวลิสบอน” บินแซงคว้าอันดับ 3 ของกลุ่มได้สิทธิไปเตะฟุตบอลยูฟ่า คัพ เป็นการปลอบใจต่อไป
ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้ายของกลุ่มดี
เอซี มิลาน (อิตาลี) 1-0 กลาสโกว์ เซลติก (สกอตแลนด์)
กอร์ดอน สตรั๊คคัน นำทัพ “ม้าลายเขียวขาว” กลาสโกว์ เซลติก ยกพลจากแดนวิสกี้มาเยือน “ปิศาจแดงดำ” เอซี มิลาน ถึงอิตาลี โดยเกมนี้ผู้มาเยือนขอแค่ผลเสมอก็จะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึกฟุตบอลยุโรปถ้วยใบใหญ่ ขณะที่เจ้าถิ่นแม้ คาร์โล อันเชล็อตติ จะพักผู้เล่นแนวรับหลายคน แต่ก็วาง ริคาร์โด้ กาก้า เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ลงสร้างสรรค์เกมรุกเพื่อเก็บชัย แม้ว่าจะผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ไปแล้วก็ตาม
เริ่มเกมการแข่งขัน เอซี มิลาน ที่ต้องการเล่นเพื่อชัยชนะต่อหน้าแฟนๆ ในซาน ซิโร่ เป็นฝ่ายครองเกมบุกได้มากกว่าและก็ได้ลุ้นในนาทีที่ 15 เมื่อได้ลูกฟรีคิกบนเส้นกรอบโทษจากการที่ ฟิลิปโป้ อินซากี้ โดนเหนี่ยวล้มลง แต่ลูกยิงของ คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ ไม่ผ่านกำแพงมนุษย์ของทีมเยือน อีกสิบสองนาทีถัดมา อันเชล็อตติ ต้องถอดเอา ดาริโอ ซิมิช ที่บาดเจ็บออกมาและก็ให้ คาค่า คาลัดเซ่ ไปช่วยเกมรับแทน
เกมดำเนินไปอย่างเรื่อยๆ มาเรียงๆ เนื่องจากผลของอีกสนามปรากฏว่า ชัคเตอร์ โดเนตส์ค โดน เบนฟิก้า บุกไปนำ 2-1 นั่นเป็นเหตุผลให้ กลาสโกว์ เซลติก ไม่ต้องเร่งเครื่องและเล่นอย่างรัดกุมไว้ก่อนเมื่อผ่านครึ่งชั่วโมง ขณะที่ มิลาน แม้ครองเกมได้มากกว่าแต่ก็แทบหาจังหวะจบสกอร์ไม่ได้ ท้ายครึ่งแรกเป็นทีมเยือนได้ลุ้นจากการยิงไกลของ ยิริ ยาโรซิค แต่บอลพุ่งไปเข้าซอง เซลจ์โก้ คาลัช จบ 45 นาทีแรกรูปเกมค่อนข้างจืดชืดและสกอร์ยังเสมอกันที่ 0-0
ลุยกันต่อในครึ่งหลัง เอซี มิลาน ลงมาเร่งเกมบุกทันทีและก็ได้ลุ้นเร็วตั้งแต่นาทีที่ 47 จากการซัดฟรีคิกของ อันเดรีย ปิร์โล่ แต่บอลพุ่งผ่านกรอบประตูไปแบบได้ลุ้น อีกแปดนาทีถัดมา เซลติก เกือบฉวยโอกาสได้เมื่อ แกรี่ คัลด์เวลล์ สบโอกาสทิ้งยาวจากแดนหลังให้ สกอตต์ บราวน์ หลุดขึ้นไปยิงแต่ดันวางเท้าไม่ดีบอลพุ่งผ่านเสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย
แต่เมื่อเวลาผ่านมาถึงนาทีที่ 70 แฟนๆ เจ้าบ้านได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อ กาก้า ประสานงานกับ มาร์กอส คาฟู เพื่อนร่วมชาติก่อนที่แบ็กรุ่นดึกจะตบบอลจากสุดเส้นหลังฝั่งขวาเข้ามาให้ อินซากี้ แปบอลระยะแค่ 5 หลาเข้าไปตุงตาข่ายให้ มิลาน ออกนำ 1-0 และนี่ก็เป็นประตูที่ 63 ในเกมยุโรปของดาวยิงทีมชาติอิตาลี ทำให้เขากลายเป็นดาวซัลโวตลอดกาลแซงหน้าสถิติเดิมของ แกรด มุลเลอร์ ไปได้
เข้าสู่ช่วงท้ายเกม อินซากี้ เกือบบวกเพิ่มให้เจ้าถิ่นแต่เป็น อาร์เธอร์ โบรุค ผวาออกมาบล็อกลูกยิงจ่อๆ ไว้ได้ ขณะที่ทีมเยือนเกือบตามตีเสมอได้เช่นกันจากการยิงเต็มเท้าของ บราวน์ แต่นายทวารมือ 2 ของ “ปิศาจแดงดำ” ก็ไม่พลาดท่า ครบ 90 นาที เอซี มิลาน รักษาสกอร์คว้าชัยสำเร็จพร้อมกับคว้าแชมป์กลุ่มดี ขณะที่ เซลติก แม้จะพ่ายแต่ยังโชคดีได้ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย เนื่องจาก ชัคเตอร์ โดเนตส์ค พ่ายคาถิ่นให้ เบนฟิก้า
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
มิลาน : เซลจ์โก้ คาลัช , มาร์กอส คาฟู , ดาริโอ ซิมิช , ดานิเอเล่ โบเนร่า , จูเซ็ปเป้ ฟาวัลลี่ , มัสซิโม่ อัมโบรซินี่ , เจนนาโร่ กัตตูโซ่ , อันเดรีย ปิร์โล่ , ริคาร์โด้ กาก้า , คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ , ฟิลิปโป้ อินซากี้
เซลติก : อาร์เธอร์ โบรุค , สตีเฟ่น แม็คมานัส , แกรี่ คัลด์เวลล์ , สตีเว่น เพรสส์ลี่ย์ , ดาร์เรน โอ เดีย , สกอตต์ บราวน์ , มัสซิโม่ โดนาติ , ยิริ ยาโรซิค , พอล ฮาร์ทลี่ย์ , ไอแดน แม็คเกียดี้ , สกอตต์ แม็คโดนัลด์
ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่หนึ่งในกลุ่มดี ปรากฏว่า ชัคเตอร์ โดเนตส์ค จากยูเครน เสียทีให้ เบนฟิก้า จากโปรตุเกส 1-2 โดยทีมเยือนได้สองประตูนำก่อนจากการเหมาของ ออสการ์ คาร์โดโซ่ ขณะที่เจ้าถิ่นตีไข่แตกจากจุดโทษของ คริสเตียโน่ ลูคาเรลลี่ และจากชัยชนะนัดนี้ทำให้ “เหยี่ยวลิสบอน” บินแซงคว้าอันดับ 3 ของกลุ่มได้สิทธิไปเตะฟุตบอลยูฟ่า คัพ เป็นการปลอบใจต่อไป
