"มูรินโญ่ คนอหังการ" คอลัมน์ "สุดฟากสนาม" โดย ธีรพัฒน์ อัครเศรณี
การถูกกระชากลงจากตำแหน่งของ มูรินโญ นั้นกลายเป็นอเจนด้าระดับประเทศไปในทันที เมื่อคนอย่าง กอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ซึ่งเป็นแฟนลูกหนังตัวยงคนหนึ่งออกมายอมรับว่า ฟุตบอลอังกฤษได้สูญเสียสัญลักษณ์ที่สำคัญไปเสียแล้ว
“แม้ มูรินโญ จะทำงานระยะสั้นๆประมาณ 3 ปีเศษที่นี่ แต่เขาเป็นผู้จัดการที่มีบุคลิกโดดเด่นยิ่งนัก และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ฟุตบอลอังกฤษกลายเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก”
ด้าน “คนอหังการ”ในอารมณ์ชอกช้ำที่ต้องจากสโมสรรักกล่าวว่า
“ผมไม่มีปัญหาในการอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักพัก รวมทั้งการเฝ้าดูเกมของเชลซี ทางหน้าจอโทรทัศน์ แต่คงไม่ใช่ในช่วง 2-3 แมทช์นี้หรอกนะ การต้องจากสโมสรที่ทุกคนให้ความเคารพคุณเป็นเรื่องน่าเศร้า”
“เมื่อผู้คนในสโมสรตั้งแต่คนครัวยันเด็กเก็บบอล หรือแม้กระทั่งยามรักษาความปลอดภัยเรียกคุณว่า ‘นาย’ นั่นคือคำที่มีความหมายใหญ่หลวงนัก”
“ถ้ามีโอกาสในอนาคตผมต้องการจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ ผมอยากกลับมาจริงๆ เพราะผู้คนรักผมและผมก็หลงรักพวกเขา แต่มีข้อแม้นิดหนึ่งว่า ต้องเป็นวันที่ไม่มีคนชื่อโรมัน อบราโมวิช ในถิ่นแสตมฟอร์ด บริดจ์ อีกต่อไปแล้ว”
กุนซือจอมเครียดไม่ลืมหล่นคำนินทาเจ้านายเก่า
“ผมเชื่อว่าเขาเป็นคนหนึ่งซึ่งชอบฟุตบอลและรักเชลซี สิ่งหนึ่งที่คุณต้องยอมรับนั่นก็คือ เชลซี คือสโมสรของเขา ผมไม่ได้สนิทกับมิสเตอร์อบราโมวิช มากมายนัก ไม่รู้ด้วยว่าชีวิตส่วนตัวเขาเป็นอย่างไร รวมถึงนิสัยใจคอลึกๆแล้วเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจะวางแผนแทงข้างหลังผมมาตั้งนานแล้วหรือไม่นั้น ผมไม่สนใจหรอก ถึงจะเป็นเรื่องจริง ผมก็ไม่แคร์!!”
“แน่นอน ผมจะต้องคิดถึงสีสันของฟุตบอลอังกฤษ ความลุ่มหลง สนามที่อัดแน่นไปด้วยแฟนฟุตบอล ประเพณีของพวกเขาทั้งก่อนและหลังเกม ผมชื่นชมนักเตะในประเทศนี้ คุณก็รู้ พวกเขาเต็มไปด้วยทัศนคติที่น่านับถือเกี่ยวกับเกมลูกหนังเพียงใด”
แม้กระทั่งกับกุนซือคู่ปรับหลายๆคนอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อาร์แซน เวนเกอร์ หรือ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือจอมเครียดก็ยังมีทัศนคติเกี่ยวกับพวกเขาในแง่ดี
“ผมไม่เชื่อว่าจะมีผู้จัดการทีมคนไหนสะใจเมื่อเห็นเพื่อนร่วมอาชีพผจญกับปัญหา ไม่มีใครมีความสุขในวันที่เห็นผมจากไป เช่นเดียวกับที่ผมไม่อยากเห็น คริส โคลแมน ต้องกระเด็นจากตำแหน่ง ความสัมพันธ์กับ เวนเกอร์ นั้น แม้เราจะเคยปะทะคารมกันหนักๆ แต่เราก็เคยร่วมโต๊ะดินเนอร์สังสรรค์กันในงานของยูฟ่ามาสองครั้ง ส่วนเซอร์อเล็กซ์ นั้นก็เช่นเดียวกัน แม้จะเคยขับเคี่ยวกันอย่างหนัก แต่เราก็เคยคุยกันอย่างถูกคอ”
กับคำถามที่ว่า หากย้อนเวลากลับไปได้จะเลือกมาคุมเชลซี อยู่หรือไม่ มูรินโญ กล่าวว่า
“ในปี 2004 การตัดสินใจมาอยู่กับสิงโตน้ำเงินคราม ทั้งๆที่สามารถเลือกไปอยู่สโมสรใดก็ได้ในโลก ถือเป็นการตัดสินใจที่ผมไม่เคยเสียดายเลย ผมมีช่วงเวลา 3 ปีที่สุดพิเศษในถิ่นแสตมฟอร์ดบริดจ์”
“แม้ข้อตกลงในสัญญาชดเชยกับเชลซีจะห้ามไม่ให้กลับมาคุมทีมในอังกฤษจนสิ้นสุดซีซั่นนี้ แต่หาก ปีเตอร์ เคนยอน คิดว่าผมจะไม่มีวันกลับมาคุมทีมในอังกฤษอีกครั้งนั้น เขาคิดผิดอย่างมหันต์ สักวันผมต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งอย่างแน่นอน !!!”
การถูกกระชากลงจากตำแหน่งของ มูรินโญ นั้นกลายเป็นอเจนด้าระดับประเทศไปในทันที เมื่อคนอย่าง กอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ซึ่งเป็นแฟนลูกหนังตัวยงคนหนึ่งออกมายอมรับว่า ฟุตบอลอังกฤษได้สูญเสียสัญลักษณ์ที่สำคัญไปเสียแล้ว
“แม้ มูรินโญ จะทำงานระยะสั้นๆประมาณ 3 ปีเศษที่นี่ แต่เขาเป็นผู้จัดการที่มีบุคลิกโดดเด่นยิ่งนัก และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ฟุตบอลอังกฤษกลายเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก”
ด้าน “คนอหังการ”ในอารมณ์ชอกช้ำที่ต้องจากสโมสรรักกล่าวว่า
“ผมไม่มีปัญหาในการอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักพัก รวมทั้งการเฝ้าดูเกมของเชลซี ทางหน้าจอโทรทัศน์ แต่คงไม่ใช่ในช่วง 2-3 แมทช์นี้หรอกนะ การต้องจากสโมสรที่ทุกคนให้ความเคารพคุณเป็นเรื่องน่าเศร้า”
“เมื่อผู้คนในสโมสรตั้งแต่คนครัวยันเด็กเก็บบอล หรือแม้กระทั่งยามรักษาความปลอดภัยเรียกคุณว่า ‘นาย’ นั่นคือคำที่มีความหมายใหญ่หลวงนัก”
“ถ้ามีโอกาสในอนาคตผมต้องการจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ ผมอยากกลับมาจริงๆ เพราะผู้คนรักผมและผมก็หลงรักพวกเขา แต่มีข้อแม้นิดหนึ่งว่า ต้องเป็นวันที่ไม่มีคนชื่อโรมัน อบราโมวิช ในถิ่นแสตมฟอร์ด บริดจ์ อีกต่อไปแล้ว”
กุนซือจอมเครียดไม่ลืมหล่นคำนินทาเจ้านายเก่า
“ผมเชื่อว่าเขาเป็นคนหนึ่งซึ่งชอบฟุตบอลและรักเชลซี สิ่งหนึ่งที่คุณต้องยอมรับนั่นก็คือ เชลซี คือสโมสรของเขา ผมไม่ได้สนิทกับมิสเตอร์อบราโมวิช มากมายนัก ไม่รู้ด้วยว่าชีวิตส่วนตัวเขาเป็นอย่างไร รวมถึงนิสัยใจคอลึกๆแล้วเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจะวางแผนแทงข้างหลังผมมาตั้งนานแล้วหรือไม่นั้น ผมไม่สนใจหรอก ถึงจะเป็นเรื่องจริง ผมก็ไม่แคร์!!”
“แน่นอน ผมจะต้องคิดถึงสีสันของฟุตบอลอังกฤษ ความลุ่มหลง สนามที่อัดแน่นไปด้วยแฟนฟุตบอล ประเพณีของพวกเขาทั้งก่อนและหลังเกม ผมชื่นชมนักเตะในประเทศนี้ คุณก็รู้ พวกเขาเต็มไปด้วยทัศนคติที่น่านับถือเกี่ยวกับเกมลูกหนังเพียงใด”
แม้กระทั่งกับกุนซือคู่ปรับหลายๆคนอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อาร์แซน เวนเกอร์ หรือ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือจอมเครียดก็ยังมีทัศนคติเกี่ยวกับพวกเขาในแง่ดี
“ผมไม่เชื่อว่าจะมีผู้จัดการทีมคนไหนสะใจเมื่อเห็นเพื่อนร่วมอาชีพผจญกับปัญหา ไม่มีใครมีความสุขในวันที่เห็นผมจากไป เช่นเดียวกับที่ผมไม่อยากเห็น คริส โคลแมน ต้องกระเด็นจากตำแหน่ง ความสัมพันธ์กับ เวนเกอร์ นั้น แม้เราจะเคยปะทะคารมกันหนักๆ แต่เราก็เคยร่วมโต๊ะดินเนอร์สังสรรค์กันในงานของยูฟ่ามาสองครั้ง ส่วนเซอร์อเล็กซ์ นั้นก็เช่นเดียวกัน แม้จะเคยขับเคี่ยวกันอย่างหนัก แต่เราก็เคยคุยกันอย่างถูกคอ”
กับคำถามที่ว่า หากย้อนเวลากลับไปได้จะเลือกมาคุมเชลซี อยู่หรือไม่ มูรินโญ กล่าวว่า
“ในปี 2004 การตัดสินใจมาอยู่กับสิงโตน้ำเงินคราม ทั้งๆที่สามารถเลือกไปอยู่สโมสรใดก็ได้ในโลก ถือเป็นการตัดสินใจที่ผมไม่เคยเสียดายเลย ผมมีช่วงเวลา 3 ปีที่สุดพิเศษในถิ่นแสตมฟอร์ดบริดจ์”
“แม้ข้อตกลงในสัญญาชดเชยกับเชลซีจะห้ามไม่ให้กลับมาคุมทีมในอังกฤษจนสิ้นสุดซีซั่นนี้ แต่หาก ปีเตอร์ เคนยอน คิดว่าผมจะไม่มีวันกลับมาคุมทีมในอังกฤษอีกครั้งนั้น เขาคิดผิดอย่างมหันต์ สักวันผมต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งอย่างแน่นอน !!!”