xs
xsm
sm
md
lg

มูรินโญ่ คนอหังการ/ ธีรพัฒน์ อัครเศรณี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“มิดไนท์ อิน เชลซี” / คอลัมน์ "สุดฟากสนาม" โดย ธีรพัฒน์ อัครเศรณี

ต้องขอออกตัวก่อนว่าการเขียนเรื่อง “มูรินโญ่ คนอหังการ”นั้นมิใช่เพราะผมเป็นแฟนเชลซี หรือขาประจำที่เชียร์มูรินโญ่ แต่เนื่องจากความประทับใจบุคลิกและชีวิตของยอดกุนซือผู้นี้ต่างหาก มูรินโญ่ พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เขาหยิ่งผยองจองหอง แต่เก่งจริง เก่งมากเสียด้วย จากเกียรติประวัติและความสำเร็จที่ได้รับอย่างรวดเร็วตลอดช่วงเวลาที่คุมปอร์โต้และเชลซี สมกับที่ยกตัวเองว่าเป็น “The special one”

ทว่าตัวเขาเองอาจไม่เคยเรียนรู้ภาษิตที่ว่า “จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย” แม้ช่วงก่อนเปิดฤดูกาลจะเริ่มรู้สึกและพยายามปรับตัวไม่ให้พูดทุกอย่างที่คิดออกไป แต่สถานการณ์ทุกอย่างก็เดินมาถึงทางตันเร็วกว่ากำหนด เนื่องจากอาการบาดเจ็บของตัวผู้เล่นหลัก รวมทั้งผลงานฟอร์มการเล่นที่ไม่ร้อนแรงเท่าที่ควรของเชลซีในฤดูกาลนี้

การตัดสินใจแยกทางระหว่างตัวเขากับโรมัน อบราโมวิช คืออะไรที่เข้าใจได้ แม้ไม่น่าเชื่อว่าจะกะทันหันเช่นนี้ สุดท้ายเรื่องธรรมดาของชีวิตคือความเปลี่ยนแปลง

ที่จริงมูรินโญ่ เองโดนบีบจากฝ่ายบริหารมาเป็นระยะ หากมองย้อนกลับไป ตั้งแต่การแต่งตั้ง แฟรงค์ อาร์เนเซ่น มาเป็นผ.อ. ศูนย์ฝึกเยาวชน และล่าสุด อัฟราม แกรนท์ เพื่อนของ “เสี่ยหมี” เข้ามาเป็น ผู้อำนวยการลูกหนัง ทีมอะไรจะมีผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับเกมฟุตบอลมากขนาดนั้น

ความจริงก็คือ อบราโมวิช วางแผนและหาเรื่องแทงข้างหลัง มูรินโญ่ มานานแล้ว

ตั้งแต่การหาเหตุเรื่องสไตล์การเล่นเรื่องคลาสของทีม ปัดโธ่ ปีสองปีแรกที่ได้แชมป์ไม่เห็นปริปากพูดเรื่องนี้ นอกจากนี้ยังไม่ยอมอนุมัติงบประมาณให้ซื้อนักเตะอย่างที่ควรจะเป็น ตั้งเป้าว่าจะเป็นเจ้ายุโรป แต่เอานักเตะอย่าง สตีฟ ซิดจ์เวล, ทาล เบน ฮาอิม, อเล็กซ์ หรือ เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ มาจะไปทำอะไรได้

ส่วน มูรินโญ่เองนั้น ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความพลิกผันตั้งแต่เริ่มต้นทำงานสายนี้มาแล้ว จะเปลี่ยนแปลงอีกสักครั้งคงไม่ใช่เรื่องทำใจยากสำหรับฮาร์ดแมนผู้นี้หรอก อาจจะมีคำว่า “ใจหาย” และเสียดายความรักที่เขามีให้กับเชลซีและแฟนบอลเท่านั้นเอง

ตัวเขาเองยืนยันมาตลอดว่าได้เทใจให้ทีมจากถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ไปหมดแล้ว แม้วันที่ต้องเดินจากไปก็ยังอุตส่าห์หลุดคำพูดออกมาว่าถ้าวันใด โรมัน อบราโมวิชไม่อยู่ เขาพร้อมที่จะกลับมาคุมทีมนี้อีก มูรินโญ่ยอมรับว่าที่คือประสบการณ์ที่เจ็บปวดและเลวร้ายที่สุดในชีวิตการคุมทีมของเขา

“ร้องไห้หรือไม่น่ะหรือ แน่นอนมีน้ำตาไหลออกมา แต่ผมพยายามหยุดมันเอาไว้ ไม่อยากให้ตนเองอ่อนไหวมากเกินไป แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก แน่นอนมันคือความเศร้า เพราะผมต้องจากคนดีๆที่ทุ่มเททำงานหนักร่วมกันมาตลอดผูกพันเหมือนครอบครัวเดียวกัน”

แต่สำหรับคนที่คาดว่า ประสบการณ์ครั้งนี้จะทำให้ “มู” คิดเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้น บอกได้เลยว่าคงเป็นไปได้ยาก

“ผมคือ มูรินโญ่ ไม่ว่าจะเป็นส่วนดีหรือข้อเสีย มันก็คือส่วนหนึ่งของมูรินโญ่ ผมจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตัวเองเด็ดขาด จะให้โทษตัวเองได้อย่างไร แม้ในวันที่ผมเดินจากไปคุณเห็นไหมว่าใครมีความสุขบ้างเล่า ทั้งผู้คน แฟนฟุตบอล แม้กระทั่งคู่แข่ง หรือผู้ตัดสินยังอาลัย”

กุนซือจอมทรนงผู้นี้คงใช้เวลาสักพักในการหลบเลียแผลใจ พิจารณาข้อเสนอใหม่ หลังจากนั้นค่ำคืนอันเลวร้ายซึ่งเกิดขึ้นที่เชลซีครั้งนี้ คงเป็นเพียงอีกบทหนึ่งของบันทึกความทรงจำ

ตรงกันข้ามกับสโมสรเชลซีและโรมัน อบราโมวิช ที่จะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาและความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทีม ทั้งเรื่องของการหาตัวผู้จัดการทีมคนใหม่ที่มือถึงจริงๆ เพื่อสานต่อมาตรฐานที่ มูรินโญ่ สร้างไว้ รวมทั้งการเหนี่ยวรั้งผู้เล่นที่จงรักภักดีกับกุนซือเก่าของพวกเขาอย่าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, แฟรงค์ แลมพาร์ด และ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่

คล้ายกับยุคที่เคน เบตส์ ด่วนตัดสินใจถอด จิอันลูก้า วิอัลลี่ ออกจากตำแหน่งแบบค้านสายตาผู้เล่นและแฟนบอล “สิงห์บลูส์” หลังจากนั้น เชลซี ต้องใช้เวลาตั้งหลักอยู่นานกว่าจะกลับมาได้ บางทีอาจถึงเวลาที่ “เสี่ยหมี” จะได้เรียนรู้ว่า การแลกเปลี่ยนระหว่างความสำเร็จกับคำว่า “สไตล์”ที่เขาพูดถึงบ่อยๆนั้น รสชาติมันเป็นอย่างไร!!
กำลังโหลดความคิดเห็น