ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน ขณะที่เมืองไทยมีการแข่งขันเทนนิสรายการใหญ่ไทยแลนด์โอเพ่น ช่วงเวลาเดียวกันนั้นหลายคนอาจไม่ทราบว่าสองหนุ่มสองสาวนักกีฬาเทควันโด ได้เดินทางออกจากบ้านเกิดมุ่งสู่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษเพื่อขึ้นสังเวียนการคัดเลือกครั้งสุดท้าย หรือที่เรียกว่า “โอลิมปิก ซีเลคชั่น” นี่คือทัวร์นาเม้นท์สำคัญที่จะตัดสินว่าในช่วงปลายปี 2008 ไทยจะมีโอกาสส่งนักกีฬาเทควันโดเข้าร่วมแข่งขันกี่รายในปักกิ่งเกมส์
ความสำเร็จของเทควันโดหลังจบโอลิมปิกปี 2004 เหรียญทองแดงของน้องวิว เยาวภา บุรพลชัย ได้ทำให้กีฬาประเภทนี้เรียกกระแสความสนใจจากแฟนกีฬาได้ไม่น้อย แน่นอนว่ากราฟเป้าหมายของสมาคมฯรวมไปถึงคนไทยก็สูงขึ้นตาม และหนึ่งในความคาดหวังนั้นเห็นจะหนีไม่พ้นเหรียญรางวัลจากโอลิมปิก 2008
ก่อนหน้าที่ทีมเทควันโดไทยจะเดินทางไปลงสนามแข่งขันโอลิมปิกซีเลคชั่น ซึ่งนักกีฬาที่สามารถทำอันดับติด 1 ใน 3 ของรายการจะได้สิทธิ์การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนในปี 2008 ทันที ทีมข่าวกีฬาผู้จัดการรายวันได้มีโอกาสพูดคุยกับ พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมและ 4 นักเทควันโด ถึงความพร้อมก่อนจะเดินทางไปเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
โดยนายกสมาคมฯที่ได้ชื่อว่ามีผลงานน่าประทับใจมากที่สุดสมาคมฯหนึ่งย้อนการทำงานในอดีตจนเห็นความสำเร็จในปัจจุบันว่า “เมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ตอนที่เข้ามารับงานที่สมาคมเทควันโด อันดับโลกของเราอยู่ที่อันดับประมาณ 80-90 ของโลกและยังไม่มีนักกีฬาคนไหนที่โดดเด่นขึ้นมาเลย ซึ่งในตอนนั้นพี่ปรีชา (ปรีชา ต่อตระกูล อุปนายกสมาคมเทควันโดฯ) กับผมมาจัดระบบใหม่โดยเอาหลักบริหารจัดการมาใช้ ในช่วงแรกๆมีเราก็มีปัญหาเรื่องของการเงินอยู่ เพราะเมื่อ 5-6 ปีก่อน มีคนที่รู้จักกีฬาเทควันโดน้อยมาก แต่ในตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่าดีขึ้น”
ส่วนหนึ่งของความสำเร็จในกีฬาเทควันโด ต้องยอมรับว่ามีจุดขายอยู่ที่ “น้องวิว” เยาวภา บุรพลชัย เพราะหลังจากที่เธอสามารถคว้าเหรียญทองแดงกีฬาโอลิมปิก ที่ประเทศกรีซได้ เหมือนเป็นการจุดประกายให้กับเยาวชนและยังดึงกระแสความสนใจให้คนไทยหันกลับมามองกีฬาประเภทนี้ ที่สำคัญเห็นจะเป็นผลงานอันต่อเนื่องของ สมาคมฯ ที่ พิมล เองก็ยอมรับว่านักกีฬามีพัฒนาการอย่างรวดเร็วและทำให้ประสบความสำเร็จในทัวร์นาเม้นท์ ระดับโลกไม่ว่าจะเป็น เอเชียนเกมส์ เทควันโดชิงแชมป์โลก หรือ กีฬามหาวิทยาลัยโลก
“ปัจจัยหลักๆที่ทำให้เรามาถึงวันนี้ก็มีอยู่ 3-4 ปัจจัย ปัจจัยแรก คือเรื่องของการบริหารจัดการเราพยายามบริหารจัดการให้โปร่งใสในเรื่องของการคัดตัวไม่มีการเล่นพรรคเล่นพวก ทำให้ค่ายต่างๆ สโมสรต่างๆมีกำลังใจที่จะส่งนักกีฬาที่เก่งๆ เข้ามาร่วมคัด ปัจจัยที่ 2 ก็คือเรื่องของการนำวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ มีการปรับการโภชนาการ ปรับวิธีฝึกซ้อม ในอีกปัจจัยนั้น เป็นเรื่องของโค้ช ต้องยอมรับว่า เช ยอง ซอก ทุ่มเทให้กับทีมชาติมากและทำให้นักกีฬาพัฒนาฝีมือได้อย่างรวดเร็ว และปัจจัยสุดท้ายที่สำคัญมากที่สุด คือตัวนักกีฬาเองที่ตั้งใจฝึกซ้อม ทำให้วันนี้เรามายืนอยู่อันดับ 1 ใน 5 ของโลกของทั้งทีมหญิงและทีมชายได้”
สำหรับในวันที่ 28- 30 กันยายน 2550 นี้ สนาม โอลิมปิก ซีเลคชั่น เปรียบเหมือนกับเป็นบันไดขั้นแรกก่อนที่จะก้าวขึ้นไปถึงบันไดขั้นที่สูงที่สุด นั่นคือเหรียญทองโอลิมปิกตามที่สมาคมเทควันโดตั้งความหวัง และนักกีฬาชายหญิงทั้งสี่รายที่ต้องเดินทางไปในครั้งนี้ต่างก็มีความพร้อมชนิดเต็มร้อย ไม่ว่าจะเป็น “เจ้าที” ปฏิวัติ ทองสลับ ดีกรีเหรียญทองรายการกีฬามหาวิทยาลัยโลกเมื่อเดือนที่ผ่านมาได้กล่าวถึงความคาดหวังของตนเองว่า
“คิดว่าพร้อมเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ เราทั้ง 4 เก็บตัวฝึกซ้อมกันมาอย่างหนักอย่างต่อเนื่องโดยตลอด แต่ถึงอย่างไรเราต้องดูด้วยว่าการไปแข่งขันคราวนี้สายแข่งการจับฉลากจะไปได้ดีหรือเปล่า ถ้าสายแข่งออกมาดีเจอคู่ต่อสู้ที่ไม่แข็งแกร่งมาก น่าจะมีโอกาสได้ไปโอลิมปิกสูง ส่วนตัวแล้วมั่นใจอยู่ลึกๆว่าน่าจะคว้าตั๋วผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายได้ เพราะจุดมุ่งหมายสูงสุดของผมนั้นก็คือการไปโอลิมปิกและคว้าเหรียญรางวัลมาให้ได้”
ทางด้านฮีโร่โอลิมปิค 2004 อย่าง “น้องวิว” เยาวภา บุรพลชัยได้เผยถึงความกดดันในฐานะที่เป็นความหวังของแฟนกีฬาชาวไทยว่า “ยอมรับว่ากดดัน แต่พยายามจะไม่คิดมาก ถ้าเรามัวแต่คิดว่าจะทำผลงานได้ไม่ดี จะทำให้เราเสียสมาธิและรู้สึกกังวล สำหรับตนเองแล้วเต็มที่กับทุกการแข่งขันส่วนผลจะออกมาแพ้หรือชนะก็ยอมรับ”
นอกจาก ปฏิวัติ และ เยาวภา ที่เป็นความหวังแล้ว “สาวจิ๊บ” ชลนภัส เปรมแหวว ก็เป็นหนึ่งในสี่นักกีฬาที่ได้เดินทางไปในครั้งนี้เธอกล่าวสั้นๆว่า “สภาพร่างกายอยู่ในระดับที่ดี ไม่ได้มีปัญหาอะไรการแข่งขันในครั้งนี้จะทำให้เต็มที่เหมือนกับทุกๆครั้ง” สำหรับนักเทควันโดรายสุดท้ายที่ได้ไปเมืองแมนเชสเตอร์ คือ “หนุ่มแม็ค”ชัชวาล ขาวละออ เด็กหนุ่มวัย 19 ปีที่ เผยถึงการเตรียมตัวและความพร้อมก่อนลงทำการแข่งขันรายการนี้ว่า “รู้สึกว่าร่างกายสมบูรณ์ดีมาก เพราะว่าซ้อมต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่กีฬามหาวิทยาลัยโลกมา โดยส่วนตัวแล้วไม่รู้สึกกดดันอะไร คิดว่าจะทำให้ดีที่สุด”
ความสำเร็จในวันนี้ของทีมเทควันโดไทย ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นได้ก็เพราะนายกสมาคมทุ่มเท ทั้งนี้ “พิมล ศรีวิกรม์” ได้ทิ้งท้ายกับทีมข่าวกีฬาถึงการทำงานของตนเองและทีมบริหารสมาคมคมว่า
“มีคนเคยถามว่าทำมาจนถึงวันนี้ต้องการอะไร จุดประสงค์คืออะไร ซึ่งผมตอบพวกเขาเหล่านั้นว่า ผมเพียงแค่ต้องการจะสร้างผลงานให้กับประเทศชาติ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ ผมมองว่ากีฬานั้นเป็นกลไกของการสมานฉันท์ที่ดี เพราะกีฬาสามารถทำให้คนที่ไม่รู้จักกันกระโดดกอดกันได้ ร้องไห้ ดีใจ สนุกไปกับกีฬาชนิดนั้นๆร่วมกัน มันสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน”
---คลิกชมวีดีโอ สัมภาษณ์พิเศษ"ทีมเทควันโดไทย" ได้ที่นี่---
