ทีมชาติอิรัก ม้านอกสายตาในศึกเอเชียนคัพ 2007 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อดวลจุดโทษเอาชนะ เกาหลีใต้ ในรอบตัดเชือก 4-3 หลังมีโอกาสจะแจ้งทั้ง 2 ฝ่ายแต่ทำอะไรกันไม่ได้ตลอด 120 นาที

การแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพ 2007 รอบตัดเชือก เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา อิรัก ลงสนามพบกับ เกาหลีใต้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยทีมจากตะวันออกกลางนำทัพมาโดย ยูนิส มามุด ดาวยิงตัวเก่ง ขณะที่นักเตะพลังโสมมี ลี ชุน-ซู เป็นตัวชูโรง
เกมในครึ่งแรก อิรัก ครองบอลและมีโอกาสบุกทำประตูได้มากกว่า แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่คมพอ โดยโอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดของทีมจากตะวันออกกลางเกิดขึ้นในนาทีที่ 40 เมื่อ ยูนิส มามุด ดาวยิงกัปตันทีมตัวเก่ง ได้ยิงในกรอบเขตโทษ แต่ลูกหลุดกรอบออกไปนิดเดียว จบ 45 นาทีแรกยังเสมอ 0-0

เข้าสู่ครึ่งหลัง กลายเป็นทีมจากแดนกิมจิ ที่เป็นฝ่ายทำเกมได้เหนือกว่า และมีโอกาสส่งลูกเข้าสู่ก้นตาข่ายได้หลายครั้ง โดยเฉพาอย่างยิ่งในนาทีที่ 66 โช แจ-จิน ยิงฟริคิก 35 หลา บอลตกพื้นกำลังจะเสียบเสาสอง แต่ นัวร์ ซาบรี อับบาส นายทวารอิรักพุ่งปัดออกไปได้หวุดหวิด รวมถึงในนาทีที่ 71 กองหลังอิรักโหม่งสกัดบอลลอยโด่งมาทางด้านหลัง ลี ชุน-ซู ได้โอกาสล้มตัวตวัดยิงคนเดียวโล่งๆ ในกรอบเขตโทษ บอลหลุดเสาแรกออกไปเพียงนิดเดียว ครบ 90 นาที ทำอะไรกันไม่ได้ ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลา เกาหลีใต้ ยังเดินเกมบุกได้ต่อเนื่อง แต่กลับเป็นอิรักที่มีจังหวะใกล้เคียงกับการเป็นประตูมากที่สุดในนาทีที่ 103 จากจังหวะที่ มาห์ดี้ คาริม เปิดเข้ามาหน้าประตู ลี วอน-แจ ออกมาตัดบอลพลาด ฮาวาร์ โมฮัมเหม็ด ได้จังหวะยิง บอลพุ่งเรียดชนเสากลิ้งมาที่หน้าปากประตู ก่อนที่ คิม จิน-คิว จะเคลียร์ทิ้งออกไปได้หวุดหวิด ครบ 120 นาที เสมอ 0-0 ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ
โดยนักเตะ 4 คนแรกของอิรักยิงไม่พลาด ในขณะที่ ยอม คี-ฮุน และ คิม จุง-วู คนที่ 4 และ 5 ของเกาหลียิงไม่เข้า ส่งผลให้ทีมจากตะวันออกกลางชนะไป 4-3 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
การแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพ 2007 รอบตัดเชือก เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา อิรัก ลงสนามพบกับ เกาหลีใต้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยทีมจากตะวันออกกลางนำทัพมาโดย ยูนิส มามุด ดาวยิงตัวเก่ง ขณะที่นักเตะพลังโสมมี ลี ชุน-ซู เป็นตัวชูโรง
เกมในครึ่งแรก อิรัก ครองบอลและมีโอกาสบุกทำประตูได้มากกว่า แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่คมพอ โดยโอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดของทีมจากตะวันออกกลางเกิดขึ้นในนาทีที่ 40 เมื่อ ยูนิส มามุด ดาวยิงกัปตันทีมตัวเก่ง ได้ยิงในกรอบเขตโทษ แต่ลูกหลุดกรอบออกไปนิดเดียว จบ 45 นาทีแรกยังเสมอ 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง กลายเป็นทีมจากแดนกิมจิ ที่เป็นฝ่ายทำเกมได้เหนือกว่า และมีโอกาสส่งลูกเข้าสู่ก้นตาข่ายได้หลายครั้ง โดยเฉพาอย่างยิ่งในนาทีที่ 66 โช แจ-จิน ยิงฟริคิก 35 หลา บอลตกพื้นกำลังจะเสียบเสาสอง แต่ นัวร์ ซาบรี อับบาส นายทวารอิรักพุ่งปัดออกไปได้หวุดหวิด รวมถึงในนาทีที่ 71 กองหลังอิรักโหม่งสกัดบอลลอยโด่งมาทางด้านหลัง ลี ชุน-ซู ได้โอกาสล้มตัวตวัดยิงคนเดียวโล่งๆ ในกรอบเขตโทษ บอลหลุดเสาแรกออกไปเพียงนิดเดียว ครบ 90 นาที ทำอะไรกันไม่ได้ ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลา เกาหลีใต้ ยังเดินเกมบุกได้ต่อเนื่อง แต่กลับเป็นอิรักที่มีจังหวะใกล้เคียงกับการเป็นประตูมากที่สุดในนาทีที่ 103 จากจังหวะที่ มาห์ดี้ คาริม เปิดเข้ามาหน้าประตู ลี วอน-แจ ออกมาตัดบอลพลาด ฮาวาร์ โมฮัมเหม็ด ได้จังหวะยิง บอลพุ่งเรียดชนเสากลิ้งมาที่หน้าปากประตู ก่อนที่ คิม จิน-คิว จะเคลียร์ทิ้งออกไปได้หวุดหวิด ครบ 120 นาที เสมอ 0-0 ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ
โดยนักเตะ 4 คนแรกของอิรักยิงไม่พลาด ในขณะที่ ยอม คี-ฮุน และ คิม จุง-วู คนที่ 4 และ 5 ของเกาหลียิงไม่เข้า ส่งผลให้ทีมจากตะวันออกกลางชนะไป 4-3 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์